ตอนที่ 140 ตึงตัง! ตึงตัง!
มันมืดสนิท ยื่นมือออกไปไม่เห็นนิ้วทั้งห้า ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะรอบๆ ตัวชัดเจนมาก ทำให้โจวเจ๋อยากที่จะแยกแยะได้ว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือของจริงกันแน่
นี่ถือว่าเป็นการต้อนรับที่มีมาตรฐานสูงมาก ซึ่งก็หมายความว่าระดับความเข้มข้นและตบะฌานของผีตนนี้ได้บรรลุถึงระดับหนึ่งแล้ว ไม่ใช่ประเภทธรรมดาทั่วไปที่จะเดินไปร้านหนังสือของเขาด้วยตัวเอง
โจวเจ๋อจำได้ว่าตอนแรกแม่นางไป๋เชิญเขาและสวี่ชิงหล่างไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับ ก็ใช้ความสามารถที่คล้ายกันนี้ทำให้ระหว่างภาพเสมือนจริงกับของจริงนั้นช่างแยกได้ยากนัก ตอนนั้นสวี่ชิงหล่างถึงกับกินอาหารที่ทำมาจากแมลงวันและไส้เดือนเข้าไปตั้งเยอะ
หวังเป่ากังอาจจะไม่ใช่ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอและเพิ่งเสียชีวิตในช่วงเวลาสั้นๆ นี้เอง ไม่มีทางที่จะร้ายกาจได้ถึงขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า ผีที่ฆ่าซุนชิวและทำให้วิญญาณของซุนชิวไม่สมบูรณ์ตนนั้น เป็นผีตนอื่นอีกเช่นกัน
โจวเจ๋อเหยียดแขนออกช้าๆ ความรู้สึกที่โคลงเคลงโดยรอบ ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในอวกาศ ราวกับว่าในเวลานี้ แรงโน้มถ่วงถูกดึงออกไปอย่างสิ้นเชิง
แต่เมื่อเล็บของโจวเจ๋อกางออก มวลสีดำกระจัดกระจายไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง เลือดสีดำข้นหนืดรอบๆ ก็เริ่มหดกลับไปอย่างรวดเร็ว ราวกับได้พบกับศัตรูตามธรรมชาติ
การไต่เต้าขึ้นมาทีละก้าวๆ จวบจนถึงวันนี้ ส่งผลให้โจวเจ๋อในปัจจุบันไม่ใช่คนที่ไม่รู้อะไรเหมือนในอดีตอีกต่อไป แม้จะเจอกับสถานการณ์แบบนี้ก็ตาม เขายังคงเผยความสงบเยือกเย็นและความมั่นใจในตัวเองออกมา
‘ปัง!’
ไม้กวาดหล่นลงพื้นเสียงคมชัด เลือดเหือดแห้งหายไปจนหมดสิ้น ทั้งห้องนอนพลันว่างเปล่า
โจวเจ๋อหันหน้ากลับไปมองข้างหลังเขา ประตูห้องนอนถูกเปิดออก ด้านนอกมีรองเท้าหนังสีดำคู่หนึ่งวางอยู่นิ่งๆ ตรงนั้น
ราวกับว่ามีคนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ครู่หนึ่ง
รองเท้าหนังขยับและเริ่มเดินออกไปทางด้านนอก ไม่สิ กำลังวิ่งออกไปด้านนอก
โจวเจ๋อรีบพุ่งออกไปและไล่ตามรองเท้าหนังลงบันได รองเท้าหนังเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่โจวเจ๋อก็ไม่ช้า ในความเป็นจริงแล้วโจวเจ๋อตั้งใจชะลอความเร็ว เพื่อรอดูว่ารองเท้าหนังคู่นี้จะพาเขาไปถึงที่ไหนกันแน่ต่างหากล่ะ
เขาเหลืออีกแค่ดวงวิญญาณเดียวเท่านั้นก็จะผ่านโปรกลายเป็นพนักงานประจำ แต่ประเด็นคือใน 1% นี้ กลับทำให้เขาพบกับตัวตนที่ยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ โจวเจ๋อกระทั่งเดาว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังทุกสิ่งทุกอย่างนั้น แม้ว่าจะสู้แม่นางไป๋ในอดีตไม่ได้ แต่ก็คงไม่ต่างกันมากนัก
ถึงอย่างไรความรู้สึกและภาพทะเลเลือดก่อนหน้านี้กับตอนที่แม่นางไป๋จัดงานเลี้ยงในวันนั้น ในด้านคุณภาพและความรู้สึกร่วมไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไร
‘ตึงตัง…ตึงตัง…ตึงตัง…’
นี่เป็นเสียงที่ดังออกมาทุกครั้งเมื่อรองเท้าหนังเคลื่อนไหว ก่อนหน้านี้โจวเจ๋อไม่เคยสังเกต แต่ตอนนี้ได้จับตาดูมันแล้ว ทำไมเสียงรองเท้าหนังถึงดัง ‘ตึงตังๆ’ กันนะ
เมื่อเดินไปเรื่อยๆ จู่ๆ โจวเจ๋อก็พบว่า หลังจากอ้อมวนรอบหนึ่ง ทั้งลงไปชั้นหนึ่งและขึ้นไปโผล่อีกชั้น เขาเดินตามรองเท้าหนังกลับมาถึงด้านนอกห้องนอนที่ใช้เป็นห้องเก็บของอีกครั้ง
รองเท้าหนังเดินเข้าไป โจวเจ๋อก็เดินตามเข้าไปอีกครั้ง
เพียงแต่ ในครั้งนี้ ลักษณะของห้องนอนนี้ไม่ได้เป็นห้องเก็บของ และไม่ใช่ทะเลเลือดพลุ่งพล่านอีกต่อไป ทั้งหมดทั้งมวลล้วนกลับกลายเป็นห้องธรรมดา มีผ้าห่มพับเรียบร้อยอยู่บนเตียง มีกะละมังล้างหน้ากับตู้พลาสติกอยู่ใต้เตียง มีแปรงสีฟันและผ้าขนหนูวางอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยตรงอ่างล้างหน้า
นี่เป็นห้องนอนที่มีนักเรียนอาศัยอยู่
โจวเจ๋อมองดูการเปลี่ยนแปลงรอบๆ ตัว และยกยิ้มมุมปาก เขาไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของอีกฝ่ายคืออะไร แต่อีกฝ่ายใช้ห้องนอนเล็กๆ ราวกับเปลือกหอยทากแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
โจวเจ๋อรออยู่ครู่หนึ่ง คราวนี้ไม่มีทะเลเลือดและไม่มีเสียง ‘จ๋อมๆ’ ทุกอย่างดูเงียบมากราวกับว่าเขาเดินเข้าไปในห้องนอนธรรมดา
คนที่ไม่ฉลาดยังมองออกเลยว่าที่นี่ไม่ปกติ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าในช่วงเวลาที่ดับไฟแล้วทำไมหอพักถึงได้ว่างเปล่าไร้ผู้คน และทั้งๆ ที่เป็นช่วงก่อนรุ่งอรุณ ทำไมนอกหน้าต่างยังมีแสงแดดสาดส่องเข้ามา
‘ครืด…ครืด…ครืด…’
มีเสียงเสียดสีดังมาจากพื้นกระเบื้องตรงระเบียง
โจวเจ๋อกำลังจะไปดูที่ระเบียง แต่กลับหยุดฝีเท้าทันที เพราะสิ่งที่ส่งเสียงดังบนระเบียงได้คลานเข้ามาแล้ว
ใช่ เขากำลังคลาน
เป็นเด็กชายคนหนึ่ง
ร่างกายของเขาถูกตัดขาดออกเป็นสองท่อน เหลือเพียงร่างกายท่อนบนเท่านั้น เขากำลังใช้สองมือคลานบนพื้นอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยเลือด โดยเฉพาะที่ที่เขาคลานผ่านมีคราบเลือดหนาทิ้งเอาไว้ ทำให้ผู้คนขนหัวลุกเลยทีเดียว
เด็กชายหันหน้าไปด้านข้าง ทั้งคลานไปด้วยและมองโจวเจ๋อไปด้วย
ดูเหมือนว่าเขากำลังพินิจพิเคราะห์โจวเจ๋อ และเต็มไปด้วยความอยากรู้เกี่ยวกับโจวเจ๋อ แต่เขากลับไม่ได้หยุดคลานไปทางโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อย่อตัวลงช้าๆ และมองเด็กชายที่อยู่ข้างหน้า
“ผม…”
เด็กชายอ้าปาก แต่เมื่อเขากำลังจะพูดในปากก็มีเลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาไม่หยุด ไม่มีทางหยุดได้เลย เขามองโจวเจ๋อ ปากอ้าๆ หุบๆ ไม่หยุด แต่กลับไม่สามารถพูดออกมาเป็นพยางค์ที่ชัดเจนได้
ดูเหมือนเขาจะรีบร้อน แต่ยิ่งรีบร้อนมากเท่าไรยิ่งเปล่งเสียงออกมาไม่ได้เท่านั้น จนในท้ายที่สุดกลับกลายเป็นเสียงเหมือนสุนัขเห่าไปเสียอย่างนั้น!
ร่างกายครึ่งท่อนของเขากำลังสั่นไหว เขากำลังโกรธไปทั้งตัว
เขาอยากพูด เขาอยากบอกบางอย่างกับโจวเจ๋อ แต่เขาทำไม่ได้!
เขาร้อนอกร้อนใจอย่างถึงที่สุด ร่างครึ่งท่อนกลิ้งไปบนพื้นและใช้หมัดต่อยพื้นกระเบื้องไม่หยุด
โจวเจ๋อยื่นมือออกไปและใช้นิ้วแตะคราบเลือดบนพื้น จากนั้นวาดเบาๆ ลงบนพื้นกระเบื้อง
หมายความว่า คุณพูดไม่ได้แต่เขียนได้
เด็กชายชะงักไปครู่หนึ่ง และเหมือนจะเพิ่งนึกได้ว่ายังมีวิธีนี้ เขาพยักหน้าทันที ใช้นิ้วของเขาจิ้มรอยเลือดของเขาเอง และเตรียมจะเขียนบนพื้น
แต่เพิ่งจะเขียนไปได้หนึ่งขีด
‘กร๊อบ!’
นิ้วชี้ของเด็กชายหักทันที
เด็กชายตกตะลึง โจวเจ๋อหรี่ตาลง แต่เด็กชายไม่ยอมแพ้ เขาใช้นิ้วนางของตัวเองเขียนต่อ แต่คราวนี้แม้แต่ขีดสักเส้นก็เขียนไม่ออก เพียงนิ้วนางสัมผัสกระเบื้องก็หักลงมาทันที
เด็กชายใช้นิ้วโป้ง นิ้วโป้งก็หัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล