ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 172

สรุปบท ตอนที่ 172 สายเรียกเข้า: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอน ตอนที่ 172 สายเรียกเข้า จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 172 สายเรียกเข้า คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 172 สายเรียกเข้า

มื้อกลางวัน โจวเจ๋อไม่ได้กินอะไรมาก วางท่าว่าเขาไม่ต้องการอาหารเสริมใดๆ ด้วยท่าทางปากไม่ตรงกับใจ

ดื่มเพียงน้ำบ๊วยและกินนิดๆ หน่อยๆ

ตรงกันข้ามกับนักพรตเฒ่าที่กินเอาๆ และสวาปามอย่างตะกละตะกลาม มีจิตวิญญาณของตาเฒ่าเหลียนพัวที่แก่แล้วก็ยังกินเก่ง อาหารทั้งโต๊ะส่วนใหญ่ตกลงไปในกระเพาะของนักพรตเฒ่า

จวบจนถึงช่วงบ่าย นักพรตเฒ่าอดไม่ได้ที่จะแอบเหลือบมองออกไปนอกร้านหนังสือ จิตใจน่าจะฟุ้งซ่านอยู่เล็กน้อยและพร้อมที่จะออกไปเหินฟ้าตามหาคนควงแล้ว

ถึงอย่างไรในตอนนี้ก็มีสไปเดอร์แมนทำความสะอาดร้านหนังสือเรียบร้อยแล้ว งานของเขาเบาลงไปเยอะเลยจริงๆ

แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาบ่ายสามโมงตรง โทรศัพท์มือถือของโจวเจ๋อก็ดังขึ้น

สายเรียกเข้าเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย โจวเจ๋อรับสาย เสียงแหบแห้งดังมาจากปลายสายโทรศัพท์

“ช่วยฉันด้วย…ช่วยฉันด้วย…”

โจวเจ๋อเอียงศีรษะเล็กน้อย และถือโทรศัพท์ห่างจากตัวเองนิดหน่อย

เพราะเสียงรบกวนที่แทรกมาจากปลายสายดังมากจริงๆ เหมือนตรงนั้นกำลังจุดชุดประทัดเล็กๆ อยู่อย่างไรอย่างนั้น

“ฮัลโหลครับ” โจวเจ๋อถามขึ้นอีกครั้ง

“ฉันอยู่ที่เขาเจียงจวิน ช่วยฉัน…ช่วยฉันด้วย…”

“ตู๊ด!”

โจวเจ๋อตัดสายทิ้งแล้วโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะน้ำชา ก่อนจะยกกาแฟขึ้นจิบอีกครั้ง

สวี่ชิงหล่างที่อยู่ด้านข้างเงยหน้าขึ้นมองโจวเจ๋อพลางถามอย่างขอไปที “ใครโทรมาเหรอ”

“พวกเล่นพิเรนทร์น่ะ โทรมาร้องขอความช่วยเหลือ”

“เกิดมันเป็นจริงขึ้นมาล่ะ” สวี่ชิงหล่างยิ้มพลางเอ่ยถาม

“บอกว่าอยู่ที่เขาเจียงจวิน แต่มันไกล ขี้เกียจไปด้วย”

เถ้าแก่โจวเป็นเจ้าแห่งการกลัวความยุ่งยาก สามารถนั่งรอในร้านหนังสือจนกว่างานจะมาจ่อถึงหน้าประตู แล้วทำไมยังจะต้องวิ่งวุ่นไปรอบๆ ด้วยล่ะ

โจวเจ๋อขี้เกียจสนใจกระทั่งไม่ได้นึกถึงสาเหตุที่แท้จริงของการโทรมาร้องขอความช่วยเหลือนี้เลยด้วยซ้ำ และเขาไม่มีเวลาที่จะไปแยกแยะว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องล้อเล่น เขาไม่ใช่พระเจ้า และไม่ใช่พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ที่อยากให้ไปที่ไหนก็ไปได้

“เถ้าแก่ ข้าอยากออกไปซื้อของใช้สักหน่อย”

ในเวลานี้นักพรตเฒ่าเดินไปลางานข้างๆ โจวเจ๋อ

โจวเจ๋อกำลังจะพยักหน้าอนุญาต แต่ใครจะรู้ว่าโทรศัพท์จะดังขึ้นอีกครั้ง แถมยังเป็นหมายเลขที่ไม่รู้จักเบอร์นั้นอีก

โจวเจ๋อกดเปิดลำโพงทันที

“ว่าไงครับ”

“ช่วยฉัน…ช่วยฉันด้วย…ฉันอยู่ที่เขาเจียงจวิน…พวกมันจะฆ่าคน …จะฆ่าคนแล้ว …เขาเจียงจวิน…เขาเจียงจวิน …”

เสียงในสายนั้นชัดกว่าครั้งที่แล้วมาก แต่เสียงรบกวนในนั้นก็ยังมากอยู่ดี

“ช่วยฉัน…ช่วยฉันด้วย…ฉันอยู่ที่เขาเจียงจวิน…พวกมันจะฆ่าคนแล้ว…จะฆ่าคนแล้ว…เด็ก…ผู้หญิง …พวกมันเป็นเพชฌฆาต…เพชฌฆาต…”

สวี่ชิงหล่างกับนักพรตเฒ่ามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ถ้าหากว่านี่เป็นการเล่นพิเรนทร์ละก็ มันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่หมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวของโจวเจ๋อนั้นปกติแล้วไม่มีใครสนใจเลยด้วยซ้ำ นอกจากพวกเขาเองก็ไม่มีใครติดต่อโจวเจ๋อแล้ว ใครจะเบื่อมากจนต้องสร้างเรื่องพิเรนทร์ๆ ให้เขากันนะ

อย่างนั้น…ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาล่ะ

แต่คุณจะอธิบายเรื่องที่คนอื่นกดหมายเลขโทรออกมั่วๆ แล้วต้องโทรมาติดที่โจวเจ๋อได้อย่างไร เขากดโทรหาตำรวจแล้วร้องขอความช่วยเหลือเองไม่เป็นหรือ

ตอนนี้ความเป็นไปได้ทั้งสองอย่างต่างก็ไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไร

โจวเจ๋อกดวางสายอีกครั้ง และเอื้อมมือขึ้นไปนวดขมับของตัวเอง

“เย็นนี้กินอะไร” เถ้าแก่โจวเอ่ยถาม

เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่โจวที่มีนิสัยไม่ชอบความวุ่นวายยังกำลังพยายาม พยายามทำอย่างเต็มที่ที่จะไม่เข้าใกล้การโทรร้องขอความช่วยเหลือแปลกๆ นี้ ไม่ต้องสนหรอกว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือว่าล้อเล่น เขาแค่ไม่อยากออกไป โอเคไหม

“สปาเก็ตตีมั้ง” สวี่ชิงหล่างตอบ

“อ้อใช่สิ นักพรตเฒ่า เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณจะออกไปใช่ไหม คุณออกไปสิ อย่าลืมกลับมาไวๆ ล่ะ”

“ครับผม”

นักพรตเฒ่าออกไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ ท่าทางฮึกเหิมมีชีวิตชีวา เหมือนตาเฒ่าวางมาดวัยรุ่นเลือดร้อน!

“อิงอิง ช่วยออกไปซื้อซิมการ์ดแบบไม่ต้องลงทะเบียนกลับมาให้ผมหนึ่งใบ” โจวเจ๋อพูดกับไป๋อิงอิง

“เจ้าค่ะ เถ้าแก่”

ไป๋อิงอิงออกจากร้านไป ผ่านไปเพียงไม่นานก็กลับมา แม้ว่าซิมการ์ดระบบลงทะเบียนในประเทศจีนจะเข้มงวดมาก แต่ซิมการ์ดที่ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนก็ยังสามารถซื้อได้ทุกที่ เป็นไปได้ว่าได้ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนของคนแปลกหน้าไปแล้ว

เมื่อเปลี่ยนซิมการ์ดแล้ว โจวเจ๋อก็กดโทรแจ้งตำรวจ เพียงไม่นานโอเปอเรเตอร์ฝั่งนั้นก็เชื่อมต่อไปยังสายด่วนสำหรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย

“สวัสดีครับ ที่นี่คือสำนักงานบริการตำรวจทงเฉิง…”

“ผมต้องการแจ้งความ มีคนแจ้งมาว่าเกิดคดีฆาตรกรรมที่เขาเจียงจวิน ทางที่ดีพวกคุณควรไปตรวจสอบดู จะจริงหรือเท็จนั้นผมไม่ทราบ เรียบร้อยแล้ว แค่นี้นะครับ”

“สักครู่นะครับ คุณหมายถึงเขาเจียงจวินเหรอครับ”

“ถูกต้อง”

“ถ้าอย่างนั้นคุณสะดวกแจ้งที่อยู่และช่องทางการติดต่อของคุณไหมครับ เราจะส่งคนไปติดต่อกับคุณโดยเฉพาะ”

โจวเจ๋อวางสายอีกครั้ง จากนั้นแกะซิมการ์ดนั้นออกมาแล้วใส่ซิมการ์ดของตัวเองเข้าไปแทนที่

หลังจากเปลี่ยนซิมการ์ด โจวเจ๋อลังเลเล็กน้อยและพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกตินะ”

“ผิดปกติตรงไหนเหรอ” สวี่ชิงหล่างถาม

“บอกไม่ถูก แต่มักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ”

ถนนหนานต้านี้มีคลับอยู่หลายแห่ง แต่ราคาและระดับออกจะสูงไปสักหน่อย แม้ในกระเป๋าของนักพรตเฒ่าจะนับว่าล่ำซำ แต่เขาก็ยังชอบไปปลอบโยนน้องๆ หนูๆ ที่เป็นสาวแก่ทั้งหลายแหล่มากกว่าเสียอีก แน่นอน ไม่ว่าพวกเธอจะแก่แค่ไหน ก็อายุไม่ต่างกับลูกสาวของเขาอยู่ดี อย่างไรก็ยังมีความเป็นเดรัจฉานอยู่บ้างนิดหน่อย

แต่ในคลับล้วนเต็มไปด้วยเด็กรุ่นลูกสาวหลานสาวของเขาทั้งนั้น ถ้าอย่างนั้นเดรัจฉานก็สู้ไม่ไหวหรอก!

หลังจากนั่งรถไปเขตกั่งจ๋าแล้ว นักพรตเฒ่าก็หาร้านอาบอบนวดแห่งหนึ่งพบเหมือนพวกเจนที่เจนทาง

ประตูม้วนปิดอยู่ แต่นักพรตเฒ่ารู้ดีว่ามันไม่ได้หมายถึงไม่เปิดบริการ

เมื่อสูบบุหรี่อยู่ด้านนอกไปมวนหนึ่ง หลังจากรอสักครู่แล้ว ประตูม้วนก็ถูกเปิดออก ชายชราที่อายุน้อยกว่านักพรตเฒ่าเล็กน้อยเดินออกมาจากด้านใน สบตาและยิ้มให้นักพรตเฒ่า

นี่คือมิตรภาพของ ‘คนที่เกี่ยวดองกัน’

การบำเพ็ญสิบปีนำพาให้คนสองคนข้ามแม่น้ำด้วยเรือข้ามฟากลำเดียวกัน การบำเพ็ญร้อยปีทำให้คนสองคนนอนหนุนศีรษะบนหมอนใบเดียวกัน และการบำเพ็ญหนุนนำคนสองคนเกี่ยวดองกันนับพันปี

นักพรตเฒ่าก้มลงและเดินเข้าไป

ข้างในมีผู้หญิงแต่งหน้าจัดคนหนึ่งอายุประมาณสี่สิบปีเห็นจะได้ เธอพูดกับนักพรตเฒ่าว่า

“พี่ชาย ฉันไปอาบน้ำก่อนนะคะ พี่รอสักครู่นะ”

มันทำให้นักพรตเฒ่าปวดตับเล็กน้อย จักรพรรดิไม่รีบขันทีรีบร้อน ทำให้คนกลุ้มอย่างที่สุด

ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของโจวเจ๋อดังขึ้น โทรศัพท์มือถือกำลังชาร์จแบตเตอรี่อยู่ตรงตู้ข้างเตียง โจวเจ๋อขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่อยากรับโทรศัพท์ ดังนั้นจึงไม่ได้สั่งให้ไป๋อิงอิงช่วยไปหยิบโทรศัพท์มือถือของเขามาให้

นักพรตเฒ่าวิ่งตรงดิ่งเข้าไป เมื่อเห็นว่ายังเป็นหมายเลขแปลกๆ เบอร์นั้นจึงกดปุ่มรับสายทันที

“ช่วยฉันด้วย…ช่วยพวกเราด้วย…ฉันอยู่ที่เขาเจียงจวิน…พวกมันมาแล้ว…พวกมันมาแล้ว…พวกมันจะฆ่าคนแล้ว…ฆ่าคนแล้ว…”

โจวเจ๋อเอื้อมมือขึ้นไปแคะหู

‘ไม่ได้ยิน ไม่ได้ยินเลย

ฉันหูหนวกแล้ว ฉันหูหนวกแล้วสินะ หูอื้อไปหมดเลย’

แต่ต่อมา

จู่ๆ ก็มีเสียงเด็กน้อยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานดังออกมาจากปลายสาย “กรี๊ดดด!!!!!”

โจวเจ๋อลืมตา เผยสีหน้าจนปัญญาและสับสน

ปลายสายตัดสายไปเอง

นักพรตเฒ่ากลืนน้ำลาย หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา แล้วเดินไปข้างหน้าโจวเจ๋อ เอาโทรศัพท์มือถือจ่อหน้าเถ้าแก่พลางพูดว่า “เถ้าแก่ นี่เป็นรูปลูกสาวของครอบครัวที่ถูกฆาตกรรมสามศพ”

รูปของเด็กสาวไร้เดียงสาอายุห้าขวบถูกเปิดต่อหน้าโจวเจ๋อ

หลังจากโจวเจ๋อเหลือบมองก็เบือนสายตาหนี ส่วนนักพรตเฒ่ายังคงจ่อหน้าจอโทรศัพท์ตามโจวเจ๋อไปอย่างต่อเนื่อง

เจ้าดูสิ

เจ้ามองสิ

เจ้าทนไหวหรือ ทนได้หรือเปล่า

เจ้ายังเป็นคนอยู่ไหม! อ้อไม่สิ ผีต่างก็ทนไม่ไหวหรอกใช่ไหม

“เถ้าแก่ ลองดูสิ ตอนนี้สาวน้อยคนนี้แม้แต่หัวยังหาไม่เจอเสียด้วยซ้ำ” นักพรตเฒ่ากล่าวยุยง

โจวเจ๋อเงียบไม่พูดไม่จา

“เถ้าแก่ ข้าคิดว่าคนที่โทรมานี่น่าสงสัยมาก ดูเหมือนเขาอยู่ในที่เกิดเหตุอย่างไรอย่างนั้น”

โจวเจ๋อถอนหายใจ เลิกขัดขืน จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนอย่างเงียบๆ แล้วบอกกับไป๋อิงอิงว่า “ช่วยผมหาชุดลำลองและรองเท้ากีฬาหน่อย”

“เจ้าค่ะ เถ้าแก่” ไป๋อิงอิงรีบลุกไปหาเสื้อผ้า

โจวเจ๋อมองนักพรตเฒ่าอีกครั้งแล้วหัวเราะเอ่ยว่า “ระดับอย่างคุณยังคิดจะเลียนแบบการวิเคราะห์และคลี่คลายคดีอีกเหรอ”

“หือ” นักพรตเฒ่าสับสนเล็กน้อย

“ผมเป็นใคร” โจวเจ๋อเอ่ยถาม

“ยมทูตไง เถ้าแก่”

“งั้นสายแปลกๆ ที่โทรมาหาผมล่ะ เป็นอะไร”

“เป็น…”

“ผีโทรมา”

……………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล