ตอนที่ 172 สายเรียกเข้า
มื้อกลางวัน โจวเจ๋อไม่ได้กินอะไรมาก วางท่าว่าเขาไม่ต้องการอาหารเสริมใดๆ ด้วยท่าทางปากไม่ตรงกับใจ
ดื่มเพียงน้ำบ๊วยและกินนิดๆ หน่อยๆ
ตรงกันข้ามกับนักพรตเฒ่าที่กินเอาๆ และสวาปามอย่างตะกละตะกลาม มีจิตวิญญาณของตาเฒ่าเหลียนพัวที่แก่แล้วก็ยังกินเก่ง อาหารทั้งโต๊ะส่วนใหญ่ตกลงไปในกระเพาะของนักพรตเฒ่า
จวบจนถึงช่วงบ่าย นักพรตเฒ่าอดไม่ได้ที่จะแอบเหลือบมองออกไปนอกร้านหนังสือ จิตใจน่าจะฟุ้งซ่านอยู่เล็กน้อยและพร้อมที่จะออกไปเหินฟ้าตามหาคนควงแล้ว
ถึงอย่างไรในตอนนี้ก็มีสไปเดอร์แมนทำความสะอาดร้านหนังสือเรียบร้อยแล้ว งานของเขาเบาลงไปเยอะเลยจริงๆ
แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาบ่ายสามโมงตรง โทรศัพท์มือถือของโจวเจ๋อก็ดังขึ้น
สายเรียกเข้าเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย โจวเจ๋อรับสาย เสียงแหบแห้งดังมาจากปลายสายโทรศัพท์
“ช่วยฉันด้วย…ช่วยฉันด้วย…”
โจวเจ๋อเอียงศีรษะเล็กน้อย และถือโทรศัพท์ห่างจากตัวเองนิดหน่อย
เพราะเสียงรบกวนที่แทรกมาจากปลายสายดังมากจริงๆ เหมือนตรงนั้นกำลังจุดชุดประทัดเล็กๆ อยู่อย่างไรอย่างนั้น
“ฮัลโหลครับ” โจวเจ๋อถามขึ้นอีกครั้ง
“ฉันอยู่ที่เขาเจียงจวิน ช่วยฉัน…ช่วยฉันด้วย…”
“ตู๊ด!”
โจวเจ๋อตัดสายทิ้งแล้วโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะน้ำชา ก่อนจะยกกาแฟขึ้นจิบอีกครั้ง
สวี่ชิงหล่างที่อยู่ด้านข้างเงยหน้าขึ้นมองโจวเจ๋อพลางถามอย่างขอไปที “ใครโทรมาเหรอ”
“พวกเล่นพิเรนทร์น่ะ โทรมาร้องขอความช่วยเหลือ”
“เกิดมันเป็นจริงขึ้นมาล่ะ” สวี่ชิงหล่างยิ้มพลางเอ่ยถาม
“บอกว่าอยู่ที่เขาเจียงจวิน แต่มันไกล ขี้เกียจไปด้วย”
เถ้าแก่โจวเป็นเจ้าแห่งการกลัวความยุ่งยาก สามารถนั่งรอในร้านหนังสือจนกว่างานจะมาจ่อถึงหน้าประตู แล้วทำไมยังจะต้องวิ่งวุ่นไปรอบๆ ด้วยล่ะ
โจวเจ๋อขี้เกียจสนใจกระทั่งไม่ได้นึกถึงสาเหตุที่แท้จริงของการโทรมาร้องขอความช่วยเหลือนี้เลยด้วยซ้ำ และเขาไม่มีเวลาที่จะไปแยกแยะว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องล้อเล่น เขาไม่ใช่พระเจ้า และไม่ใช่พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ที่อยากให้ไปที่ไหนก็ไปได้
“เถ้าแก่ ข้าอยากออกไปซื้อของใช้สักหน่อย”
ในเวลานี้นักพรตเฒ่าเดินไปลางานข้างๆ โจวเจ๋อ
โจวเจ๋อกำลังจะพยักหน้าอนุญาต แต่ใครจะรู้ว่าโทรศัพท์จะดังขึ้นอีกครั้ง แถมยังเป็นหมายเลขที่ไม่รู้จักเบอร์นั้นอีก
โจวเจ๋อกดเปิดลำโพงทันที
“ว่าไงครับ”
“ช่วยฉัน…ช่วยฉันด้วย…ฉันอยู่ที่เขาเจียงจวิน…พวกมันจะฆ่าคน …จะฆ่าคนแล้ว …เขาเจียงจวิน…เขาเจียงจวิน …”
เสียงในสายนั้นชัดกว่าครั้งที่แล้วมาก แต่เสียงรบกวนในนั้นก็ยังมากอยู่ดี
“ช่วยฉัน…ช่วยฉันด้วย…ฉันอยู่ที่เขาเจียงจวิน…พวกมันจะฆ่าคนแล้ว…จะฆ่าคนแล้ว…เด็ก…ผู้หญิง …พวกมันเป็นเพชฌฆาต…เพชฌฆาต…”
สวี่ชิงหล่างกับนักพรตเฒ่ามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ถ้าหากว่านี่เป็นการเล่นพิเรนทร์ละก็ มันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่หมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวของโจวเจ๋อนั้นปกติแล้วไม่มีใครสนใจเลยด้วยซ้ำ นอกจากพวกเขาเองก็ไม่มีใครติดต่อโจวเจ๋อแล้ว ใครจะเบื่อมากจนต้องสร้างเรื่องพิเรนทร์ๆ ให้เขากันนะ
อย่างนั้น…ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาล่ะ
แต่คุณจะอธิบายเรื่องที่คนอื่นกดหมายเลขโทรออกมั่วๆ แล้วต้องโทรมาติดที่โจวเจ๋อได้อย่างไร เขากดโทรหาตำรวจแล้วร้องขอความช่วยเหลือเองไม่เป็นหรือ
ตอนนี้ความเป็นไปได้ทั้งสองอย่างต่างก็ไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไร
โจวเจ๋อกดวางสายอีกครั้ง และเอื้อมมือขึ้นไปนวดขมับของตัวเอง
“เย็นนี้กินอะไร” เถ้าแก่โจวเอ่ยถาม
เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่โจวที่มีนิสัยไม่ชอบความวุ่นวายยังกำลังพยายาม พยายามทำอย่างเต็มที่ที่จะไม่เข้าใกล้การโทรร้องขอความช่วยเหลือแปลกๆ นี้ ไม่ต้องสนหรอกว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือว่าล้อเล่น เขาแค่ไม่อยากออกไป โอเคไหม
“สปาเก็ตตีมั้ง” สวี่ชิงหล่างตอบ
“อ้อใช่สิ นักพรตเฒ่า เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณจะออกไปใช่ไหม คุณออกไปสิ อย่าลืมกลับมาไวๆ ล่ะ”
“ครับผม”
นักพรตเฒ่าออกไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ ท่าทางฮึกเหิมมีชีวิตชีวา เหมือนตาเฒ่าวางมาดวัยรุ่นเลือดร้อน!
“อิงอิง ช่วยออกไปซื้อซิมการ์ดแบบไม่ต้องลงทะเบียนกลับมาให้ผมหนึ่งใบ” โจวเจ๋อพูดกับไป๋อิงอิง
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่”
ไป๋อิงอิงออกจากร้านไป ผ่านไปเพียงไม่นานก็กลับมา แม้ว่าซิมการ์ดระบบลงทะเบียนในประเทศจีนจะเข้มงวดมาก แต่ซิมการ์ดที่ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนก็ยังสามารถซื้อได้ทุกที่ เป็นไปได้ว่าได้ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนของคนแปลกหน้าไปแล้ว
เมื่อเปลี่ยนซิมการ์ดแล้ว โจวเจ๋อก็กดโทรแจ้งตำรวจ เพียงไม่นานโอเปอเรเตอร์ฝั่งนั้นก็เชื่อมต่อไปยังสายด่วนสำหรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย
“สวัสดีครับ ที่นี่คือสำนักงานบริการตำรวจทงเฉิง…”
“ผมต้องการแจ้งความ มีคนแจ้งมาว่าเกิดคดีฆาตรกรรมที่เขาเจียงจวิน ทางที่ดีพวกคุณควรไปตรวจสอบดู จะจริงหรือเท็จนั้นผมไม่ทราบ เรียบร้อยแล้ว แค่นี้นะครับ”
“สักครู่นะครับ คุณหมายถึงเขาเจียงจวินเหรอครับ”
“ถูกต้อง”
“ถ้าอย่างนั้นคุณสะดวกแจ้งที่อยู่และช่องทางการติดต่อของคุณไหมครับ เราจะส่งคนไปติดต่อกับคุณโดยเฉพาะ”
โจวเจ๋อวางสายอีกครั้ง จากนั้นแกะซิมการ์ดนั้นออกมาแล้วใส่ซิมการ์ดของตัวเองเข้าไปแทนที่
หลังจากเปลี่ยนซิมการ์ด โจวเจ๋อลังเลเล็กน้อยและพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกตินะ”
“ผิดปกติตรงไหนเหรอ” สวี่ชิงหล่างถาม
“บอกไม่ถูก แต่มักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ”
…
ถนนหนานต้านี้มีคลับอยู่หลายแห่ง แต่ราคาและระดับออกจะสูงไปสักหน่อย แม้ในกระเป๋าของนักพรตเฒ่าจะนับว่าล่ำซำ แต่เขาก็ยังชอบไปปลอบโยนน้องๆ หนูๆ ที่เป็นสาวแก่ทั้งหลายแหล่มากกว่าเสียอีก แน่นอน ไม่ว่าพวกเธอจะแก่แค่ไหน ก็อายุไม่ต่างกับลูกสาวของเขาอยู่ดี อย่างไรก็ยังมีความเป็นเดรัจฉานอยู่บ้างนิดหน่อย
แต่ในคลับล้วนเต็มไปด้วยเด็กรุ่นลูกสาวหลานสาวของเขาทั้งนั้น ถ้าอย่างนั้นเดรัจฉานก็สู้ไม่ไหวหรอก!
หลังจากนั่งรถไปเขตกั่งจ๋าแล้ว นักพรตเฒ่าก็หาร้านอาบอบนวดแห่งหนึ่งพบเหมือนพวกเจนที่เจนทาง
ประตูม้วนปิดอยู่ แต่นักพรตเฒ่ารู้ดีว่ามันไม่ได้หมายถึงไม่เปิดบริการ
เมื่อสูบบุหรี่อยู่ด้านนอกไปมวนหนึ่ง หลังจากรอสักครู่แล้ว ประตูม้วนก็ถูกเปิดออก ชายชราที่อายุน้อยกว่านักพรตเฒ่าเล็กน้อยเดินออกมาจากด้านใน สบตาและยิ้มให้นักพรตเฒ่า
นี่คือมิตรภาพของ ‘คนที่เกี่ยวดองกัน’
การบำเพ็ญสิบปีนำพาให้คนสองคนข้ามแม่น้ำด้วยเรือข้ามฟากลำเดียวกัน การบำเพ็ญร้อยปีทำให้คนสองคนนอนหนุนศีรษะบนหมอนใบเดียวกัน และการบำเพ็ญหนุนนำคนสองคนเกี่ยวดองกันนับพันปี
นักพรตเฒ่าก้มลงและเดินเข้าไป
ข้างในมีผู้หญิงแต่งหน้าจัดคนหนึ่งอายุประมาณสี่สิบปีเห็นจะได้ เธอพูดกับนักพรตเฒ่าว่า
“พี่ชาย ฉันไปอาบน้ำก่อนนะคะ พี่รอสักครู่นะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล