ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 188

ตอนที่ 188 สายที่ไม่ได้รับ!

อันที่จริงไม่ได้หมายความว่า หลังจากที่นักพรตเฒ่าถูกประทับร่างแล้วจะเปิดเส้นลมปราณสำคัญทันที จากนั้นพลังเหนือธรรมชาติจะเพิ่มมากขึ้นจนถึงขั้นทวยเทพมาขวางสังหารทวยเทพ พระมาขวางสังหารพระได้ การประทับร่างของเฉาติ่งได้กระตุ้นศักยภาพของนักพรตเฒ่าก็จริง แต่ในความเป็นจริงนั้นไม่ว่าจะกระตุ้นแค่ไหน ศักยภาพของนักพรตเฒ่าก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเกินกว่าระดับของไป๋อิงอิงและสาวน้อยโลลิ

ทำไมเขาถึงสามารถจัดการนักรบซามูไรทั้งสองติดๆ กันด้วยฝีดาบที่ว่องไวได้ ในความเป็นจริงแล้วเป็นเพราะในปีนั้นเฉาติ่งได้ฆ่าพวกมัน ขณะเดียวกันยังปราบพวกมันมาเป็นเวลาห้าร้อยปี จนกลายเป็นความหวาดกลัวที่ตราตรึงในจิตวิญญาณ

ต่อหน้าเฉาติ่งนั้น นักรบซามูไรที่ดุร้ายและอาฆาตแค้นทั้งสามนี้เป็นเพียงนกกระทาที่อ่อนแอเท่านั้น

มันก็เหมือนกับการที่ไป๋อิงอิงจะเย็นชาเมื่ออยู่คนเดียว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเถ้าแก่โจวที่มีความเหนือกว่าทางสายเลือดเมื่อไร นางก็จะกลายเป็น ‘กระจองอแง’ มันเป็นหลักการเดียวกัน

เฉาติ่งปราดเปรียวว่องไวมาก จัดการสังหารนักรบซามูไรตัวที่สองทันที และตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ตัวเดียวแล้ว

อีกทั้งยังเห็นได้ว่า นักรบซามูไรผู้นี้รู้สึกหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด ความหวาดกลัวแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เพียงแค่ตะโกนคำขวัญออกมาว่า ‘ความแน่วแน่เท่านั้นถึงจะเอาชนะได้’ แล้วจะสามารถต้านทานมันได้

นี่เป็นศัตรูโดยธรรมชาติ เป็นคลองหงโกว[1]ที่ข้ามผ่านไม่ได้

นักพรตเฒ่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนนี้เพียงแค่ฆ่าตัวสุดท้ายทิ้ง การแสดงบทบาทนี้ก็จะยุติลงได้แล้ว

เฉาติ่งไม่รอช้าเช่นกัน เขาเองก็รู้ดีว่าไม่สามารถรอช้าได้ จึงรีบพุ่งเข้าไปทันที

รูปร่างของนักพรตเฒ่าแข็งแรง กระปรี้กระเปร่าราวกับวสันตฤดูหนที่สอง นักรบซามูไรผู้นั้นเริ่มหลบหลีก กระทั่งไม่กล้าตอบโต้กลับก่อน แต่การหลบหลีกก็ไม่ได้ผลอะไรมากนัก หลังจากผ่านไปมากกว่าสิบกระบวนท่า นักรบซามูไรเริ่มต้านไม่ไหว จนในที่สุดเฉาติ่งก็พบช่องโหว่ คุกเข่าข้างหนึ่งย่อลง ตามด้วยปลายดาบของเฉาติ่งแทงสวนขึ้นไป

รีบฟันมันเสีย

ฟันมันไปเสีย!

ฟันมันแล้ว พวกเราก็จะสามารถตะโกนว่า ‘คัต’ จากนั้นก็กลับบ้านไปเก็บผ้าเก็บผ่อนได้!

นักพรตเฒ่าตะโกนอย่างบ้าคลั่งในใจ!

แต่ทว่า

ในเวลานี้เอง ความรู้สึกอ่อนแออย่างรุนแรงจากร่างกายของนักพรตเฒ่าแผ่ซ่านออกมา ความรู้สึกอ่อนแอนี้เป็นเหมือนการปลอบโยนหญิงขายบริการหลายสิบครั้งภายในคืนเดียว ฟ้าเริ่มกลับตาลปัตรแล้ว

“แม่งเอ๊ย!”

นักพรตเฒ่าใจคอไม่ดี

จากนั้นก็ถอยหลังไปทั้งตัวและล้มลงกับพื้นไปในท้ายที่สุด ความรู้สึกเหนื่อยล้าถาโถมเข้ามา นักพรตเฒ่าเป็นลมหมดสติไปทันที

ดาบซามูไรร่วงลงบนพื้น ดาบสุดท้ายนี้กลับไม่ได้ฟันลงไป

สวี่ชิงหล่างที่นอนอยู่บนพื้นแต่กลับเฝ้าสังเกตสถานการณ์มาโดยตลอดเลือดไหลออกจากมุมปากโดยไม่รู้ตัว

นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว ทั้งที่ให้ความหวังอันยิ่งใหญ่กันชัดๆ แต่กลับผิดพลาดในนาทีสุดท้ายเนี่ยนะ

หนังดราม่ามาตรฐานซ้ำๆ เดิมๆ กลับเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาของเขาแล้วจริงๆ

ไป๋อิงอิงฝืนตัวพิงผนังและลุกขึ้นอย่างช้าๆ อันที่จริงภายในร่างกายของนางปั่นป่วนไปหมด พลังปราณวิญญาณชั่วร้ายยิ่งเหมือนม้าป่าที่หลุดจากบังเหียนพยศไม่หยุด แต่นางรู้ดีว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาพักผ่อนของนางแล้ว ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายมากแค่ไหน นางก็ต้องลุกขึ้นสู้

สาวน้อยโลลิที่เลือดท่วมตัวและทั้งร่างฝังอยู่ในผนัง ตอนที่เห็นนักพรตเฒ่าล้มลงไปนั้น มุมปากของนางกระตุก เดิมทีอารมณ์ของนางก็ไม่ค่อยจะดีนัก ดังนั้นในตอนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของนางทนไม่ไหวละก็ นางอยากจะด่ากราดจริงๆ

แต่พอมาคิดดูแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีใครให้นางตำหนิได้แล้ว

ตำหนิเฉาติ่งหรือ

เขาไม่ปากมาก และไม่พูดพล่ามไร้สาระ ยิ่งไม่เหมือนตัวละครฝ่ายธรรมะไร้สมองในซีรีส์บางเรื่องที่ชอบพูดพล่ามไร้สาระก่อนจะฆ่าคน เขาเด็ดขาดและปราดเปรียวพอแล้ว

ตำหนินักพรตเฒ่าหรือ

ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรต้องตำหนิเขา เขาทำทุกอย่างเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว

ในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้ในบรรดาคนเหล่านี้ มีเพียงนักพรตเฒ่าที่เป็นคนบริสุทธิ์ ดังนั้นถ้าเฉาติ่งอยากจะประทับร่างละก็ ประทับได้แค่ร่างของนักพรตเฒ่าเท่านั้น และเขาก็ได้เสนอตัวของเขาไปแล้วเรียบร้อย

ในท้ายที่สุด สาวน้อยโลลิคิดว่ายังมีคนให้ด่าอีกคนหนึ่ง

นั่นก็คือ ‘จจ’ (โจวเจ๋อ)

เขาถ่อมาขุดหลุมด้วยตัวเขาเอง

จากนั้นเมื่อทุกคนกำลังช่วยเขาถมหลุมแทบเป็นแทบตาย เขากลับนอนหลับปุ๋ยอยู่ตรงนั้น!

‘จจ’ คนนี้!

สาวน้อยโลลิกัดฟันแน่นและพยายามดิ้นรนออกจากผนัง แม้ว่าร่างกายจะไม่มั่นคงและโอนเอนอย่างควบคุมไม่ได้ แต่นางไม่มีทางเลือก

ไม่มีเพลงประกอบ ไม่มีดอกไม้ ยิ่งไม่มีธงสีเลือดปลิวไสวอยู่ข้างหลัง

เห็นได้ชัดว่าทำเรื่องยิ่งใหญ่และเที่ยงธรรม แต่ไม่มีเสียงเชียร์และไม่มีเชียร์ลีดเดอร์ สาวน้อยโลลิไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เอาเสียเลย และเกลียดฉากแบบนี้เช่นกัน

สไปเดอร์แมนยังไม่ตาย แต่เขาลุกไม่ขึ้น เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่บาดแผลขนาดใหญ่ก่อนหน้า ในตอนนี้เริ่มตกสะเก็ดแล้ว

นักรบซามูไรยืนชะงักอยู่กับที่อยู่นาน ดูเหมือนว่ามันยังไม่ออกจากอารมณ์ความรู้สึกสิ้นหวังเมื่อสักครู่ ด้วยความลังเลเล็กน้อย มันลุกขึ้นหยั่งเชิงดู

จากนั้น

มันเห็นนักพรตเฒ่าที่เป็นลมหมดสติบนพื้นแล้ว เห็นคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้ามันแต่ละคนได้รับบาดเจ็บสาหัสแม้แต่จะยืนก็ยังไม่สามารถหยุดโอนเอนได้

มันอยากจะหัวร่อนัก

ความสุขมาอย่างกะทันเกินไปแล้ว!

อารมณ์ความรู้สึกสิ้นหวังที่แผ่ซ่านอยู่ตรงนี้ วิดีโอช็อตนี้ ฉากนี้ เนื้อเรื่องนี้ และจังหวะนี้เหมาะสำหรับวางไว้ต้นเรื่องไม่ใช่ตอนจบ

ตามเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ เนื้อหาส่วนใหญ่ต่อจากนี้คือ หลังจากความล้มเหลวในการสยบปีศาจร้ายในครั้งนี้ นักรบกลุ่มใหม่ได้ถือกำเนิดและปรากฏตัวขึ้น จนสุดท้ายก็สังหารปีศาจตาย

ในความเป็นจริง สาวน้อยโลลิเองก็รู้ดี หลังจากฝ่ายตัวเองพ่ายแพ้ อย่างมากก็แค่ร่างตายตบะสูญสลาย หลังจากที่นักรบซามูไรญี่ปุ่นผู้นี้สร้างหายนะไปชั่วระยะหนึ่ง ก็จะมียมทูต ผู้จับกุม และแม้แต่ผู้ตรวจสอบผู้ยิ่งใหญ่จากทั่วทุกสารทิศรีบรุดเข้ามาด้วยตัวเอง

สุดท้ายแล้วนักรบซามูไรผู้นี้ก็ไม่อาจหนีชะตากรรมพ้น

สาวน้อยโลลิถอนหายใจและสูดหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง แล้วอ้าปาก แต่แค่เพียงแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากที่แห้งแตกของนางเท่านั้น

นักรบซามูไรหยิบดาบซามูไรของมันขึ้นมา

ชุดเกราะของมันขยายออก

ลมพัดไปทั่วทุกสารทิศ

ลมแรงมาก ราวกับว่ามันกำลังหัวเราะเงียบๆ อย่างเย้ยหยัน

หลังจากสละสหายทั้งสองแล้ว สุดท้ายแล้วมันเป็นฝ่ายที่ยิ้มออก

แม้ว่าท่ามกลางสถานการณ์นี้จะเกิดการพลิกผันไม่น้อย แม้ว่ามันจะอับอายจากการไล่สังหารของเฉาติ่งเมื่อครู่นี้มาก แต่ในที่สุดสถานการณ์ก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของมัน!

‘กึก!’

นักรบซามูไรยกดาบซามูไรของมันขึ้นมา ตอนแรกชี้นักพรตเฒ่าที่อยู่ข้างหน้า ต่อมาก็ชี้ไปทางไป๋อิงอิงที่อยู่อีกด้าน จนสุดท้ายชี้ไปทางสาวน้อยโลลิที่อยู่อีกฝั่ง

ตัวร้ายจำนวนมากตายเพราะพล่ามมากเกินไป ไม่ใช่เพราะฝ่ายอธรรมต่างก็โง่เขลา แต่เพราะตอนที่ชัยชนะอยู่ในกำมือมักจะโอ้อวดความเก่งกาจสักหน่อย มันเป็นสิ่งล่อใจที่ไม่อาจต้านทานได้ ทำให้คนจมดิ่งกับมันอย่างไม่รู้ตัว

แต่นักรบซามูไรก็ไม่ได้ล่าช้ามากนัก มันเดินเข้าไปหานักพรตเฒ่าที่อยู่ข้างหน้ามันก่อน

ยกดาบขึ้น

‘ชิ้ง!’

นักรบซามูไรชะงักไปครู่หนึ่งและหันหน้ามองไปทางด้านหลัง

จู่ๆ ในเวลานี้รูปปั้นที่เป็นของเฉาติ่งก็พังทลายลงมา

‘ตึง!’

นักรบซามูไรถูกทับอยู่ด้านล่าง รูปปั้นทำให้เกิดฝุ่นตลบคละคลุ้งเป็นวงกว้าง และภายในนั้นเกิดประกายไฟกระจัดกระจาย จากนั้นครู่หนึ่งก็เกิดควันโขมงลุกลาม

สาวน้อยโลลิยืนอยู่ที่เดิม จากนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปโดยที่ไม่สนอาการบาดเจ็บของตัวเองทันที!

ไป๋อิงอิงก็ส่งเสียงว่าเยี่ยม ก่อนจะฝืนตัวเองพุ่งตามเข้าไป

ผู้หญิงทั้งสองคนยืนอยู่หน้ารูปปั้นที่พังทลาย และมองรูปปั้นขยับขึ้นลงไม่หยุด เห็นได้ชัดว่านักรบซามูไรที่อยู่ข้างในกำลังดิ้นรนหนีอย่างสุดชีวิต

เสียงกรีดร้องดังมาจากวิญญาณเบื้องล่าง แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคืออุณหภูมิที่ร้อนระอุขึ้น

มีวิธีทำไก่ขอทานอย่างหนึ่งคือการนำไก่ที่ยัดไส้ด้วยส่วนผสมต่างๆ ไปวางไว้ใต้ดินที่มีอุณหภูมิสูงมาก หลังจากผ่านไประยะหนึ่งนำออกมาและลอกดินออก เนื้อไก่ด้านในจะมีรสชาติดีเยี่ยม

แต่ในเวลานี้นักรบซามูไรตัวสุดท้ายเปรียบเสมือนกับไก่ขอทานตัวนั้นจริงๆ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ไป๋อิงอิงไม่เข้าใจอย่างเห็นได้ชัด

“มันถูกทับตายแล้วงั้นหรือ”

ผีนักรบซามูไรที่เรียกลมเรียกฝนไปเมื่อสักครู่ ถูกทับตายไปอย่างนี้เลยน่ะหรือ

มันเหมือนกับหัวหน้าฝ่ายอธรรมที่มีบทบาทยิ่งใหญ่ในภาพยนตร์ ปรากฏว่ายังไม่ทันจะได้ออกโรงก็สำลักอาหารตายไปก่อนเสียอย่างนั้น มันทำให้ผู้คนสุดที่จะพรรณนาได้

สาวน้อยโลลิคุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง ก้มศีรษะลงให้กับรูปปั้นที่พังลงไปด้านหน้า นี่เป็นวิธีแสดงความเคารพในแบบของยมทูตอย่างหนึ่ง

“เฉาติ่งเผาทำลายร่างตนเอง เดิมทีเขาสามารถกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดเหมือนแม่นางไป๋และเจ้าแม่ชิงอีแบบนั้นได้ ในความเป็นจริงบุญบารมีของเขาและการบูชาเซ่นไหว้จากคนรุ่นหลังในทงเฉิงสูงกว่าสองท่านก่อนหน้านี้มากทีเดียว

แต่เขาเสียสละทั้งหมดนี้ เพียงเพื่อดึงวิญญาณของนักรบซามูไรให้ถูกทำลายล้างไปพร้อมๆ กัน แม้แต่โอกาสลงนรกไปร้องขอให้มีตำแหน่งก็ล้วนแล้วแต่ละทิ้งไปทั้งหมด”

ไป๋อิงอิงได้ยินดังนั้นก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นคุกเข่าตามลงมาด้วยคน

ด้านบนนั้น

สวี่ชิงหล่างที่นอนเฝ้าดูสถานการณ์ทางนี้อยู่บนพื้นถอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่ในใจ ตอนจบของวีรบุรุษนั้นเศร้าสลดมากจริงๆ

จากนั้น

สวี่ชิงหล่างมองโจวเจ๋อที่นอนหมดสติอยู่ข้างๆ เขา เอ่ยด้วยความรู้สึกระอาเล็กน้อย

“เรื่องราวจบลงหมดแล้ว คุณยังไม่ตื่นขึ้นมาอีกเหรอ”

ท่ามกลางความเอือมระอาแฝงไปด้วยความขุ่นเคืองและไม่พอใจอย่างรุนแรง จนเหมือนจะกลายเป็นน้ำหยดไหลลงมาข้างล่างแล้ว

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” สาวญี่ปุ่นมองโจวเจ๋อด้วยความสงสัย

ภาพหลอนของรูปปั้นที่อยู่เบื้องหลังกำลังลุกไหม้ ชุดเกราะและธงที่เหลือผืนนั้นก็กำลังลุกไหม้เช่นกัน เปลวไฟที่แผดเผาลุกโชนปกคลุมไปทั่วทั้งด้านหน้า

“เป็นการเผาวิญญาณและบุญบารมีของตัวเอง” โจวเจ๋ออธิบาย

เมื่อห้าร้อยปีก่อน เฉาติ่งตายในสนามรบ ชาวทงเฉิงสร้างศาลเฉากงและสุสานวาโกะให้เขา การบูชาเซ่นไหว้ถวายห้าร้อยปี เป็นการระลึกถึงเขาของคนในพื้นที่ แต่บัดนี้ เขาได้คืนของเหล่านี้ไปทั้งหมดโดยไม่เหลือสิ่งใดไว้ เพียงเพื่อกำจัดปีศาจที่กำลังจะหลุดออกมาและรักษาความสงบสุขเอาไว้

โจวเจ๋อรู้สึกว่าแม้ตัวเองจะเป็นคนทงเฉิงคนหนึ่ง แต่เขาคงทำได้ไม่ถึงขั้นนี้หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะมีข้อผูกมัดจากสถานะยมทูต เขาอาจจะเลือกรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีในตอนแรกเริ่มเลยก็เป็นได้

เป็นเพราะคนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ จึงทำให้ผู้คนเคารพบูชาวีรบุรุษมากยิ่งขึ้น มีการต้อนรับที่ทรงเกียรติภูมิ มีการบูชาและเคารพนบน้อมมากอีกหน่อย ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินไปเลยสักนิด

ไฟยังคงลุกไหม้ โลกกระจกที่ขาวไปทั้งผืนนี้ ราวกับกำลังจะถูกเผาไหม้จนสิ้นซากในไม่ช้านี้ หลังจากสูญเสียเฉาติ่งและสูญเสียดวงวิญญาณปีศาจร้ายเหล่านี้ที่ถูกปราบปรามเอาไว้ ความพิเศษต่างๆ นานาของเขาเจียงจวินก็จะไม่มีอีกต่อไป

โจวเจ๋อคิดว่าเขาน่าจะได้ออกไปเร็วๆ นี้ ต่อจากนี้วิญญาณที่รวมตัวกันที่นี่เหล่านี้ก็จะลงนรกไปเอง เดิมทีพวกเขาก็ควรจะลงนรกกันอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าโจวเจ๋อจะส่งดวงวิญญาณเหล่านี้หรือไม่ ก็ไม่นับว่าเป็นผลงาน

โอ้ หรือว่ามีผลงานกันนะ

อย่างเช่นสาวญี่ปุ่นที่ยืนอยู่ข้างเขาคนนี้

โจวเจ๋อรู้สึกว่าเรื่องนี้เขาเป็นแค่ตัวประกอบมาโดยตลอด แต่โชคดีที่มันไม่สูญเปล่าไปเสียทั้งหมด อย่างน้อยเขาก็สามารถส่งเด็กสาวคนนี้ลงนรกและทำผลงานได้นิดๆ หน่อยๆ ละมั้ง

กระจกรอบทิศเริ่มบิดเบี้ยวและระเหย เหล่าวิญญาณเริ่มเร่ร่อนไปทั่วทุกสารทิศ พวกมันกำลังเฝ้ารอการสูญสิ้นของข้อห้ามในที่นี้ นับจากนี้ต่อไปพวกมันสมควรไปยังเส้นทางสู่นรกได้แล้ว

เมื่อโจวเจ๋อคิดว่าจะต้องออกไปเจอหน้ากลุ่มเพื่อนที่อยู่ด้านนอกก็ยังรู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อย เป็นเพราะว่าเขาต้องการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองถึงได้ทะลุเข้ามา แต่ปรากฏว่าในท้ายที่สุดเขาดันถูกขังอยู่ในกระจกเสียเองและไม่ได้ทำอะไรเลย แต่คาดว่าคนพวกนั้นที่อยู่ข้างนอกคงจะยุ่งกันแย่เลยละมั้ง

นี่ไม่ใช่คำอธิบายที่ดีเอาเสียเลย

เมื่อหยิบบุหรี่หนึ่งมวนและไฟแช็กออกมาจากเสื้อ โจวเจ๋อเห็นบุหรี่และไฟแช็กของเขาบิดเบี้ยว แม้แต่ฝ่ามือของเขาก็เลือนรางเล็กน้อย

นี่เป็นสัญญาณว่าใกล้จะได้กลับไป

แต่โจวเจ๋อก็ยังคงจุดบุหรี่อยู่

จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาตามความเคยชิน

“พวกเราสามารถออกไปได้แล้วใช่ไหมคะ” สาวญี่ปุ่นเอ่ยถาม

“หลักจากออกไปแล้ว ผมจะส่งคุณไปยังที่ที่ควรไป” โจวเจ๋อพูด “ถ้าคุณมีญาติละก็ ผมสามารถช่วยคุณติดต่อพวกเขาและส่งต่อคำสั่งเสียครั้งสุดท้ายให้ ต้องขอโทษด้วย นี่เป็นขีดจำกัดที่ผมสามารถทำได้”

“ฉันเข้าใจค่ะ” เด็กสาวเข้าอกเข้าใจมากทีเดียว

โจวเจ๋อยักไหล่ อันที่จริงมีเรื่องหนึ่งที่โจวเจ๋อรู้สึกแปลกใจมาโดยตลอด ทำไมผีโทรเข้าสายนั้นถึงสามารถโทรติดต่อเขาจากในกระจกได้ แต่เขากลับไม่สามารถโทรออกไปจากในกระจกได้เลย หรือว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นการเชื่อมต่อทางเดียว หรือไม่ก็สามารถติดต่อได้แค่ยมทูตประจำถิ่นเท่านั้น

แต่สาวน้อยโลลิก็เป็นยมทูตไม่ใช่หรือไง

ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ในเมื่อเฉาติ่งสามารถเผาร่างเทพเจ้าและเผาพวกภูตผีปีศาจเหล่านี้ให้สิ้นซาก ทำไมไม่เริ่มเผาตั้งแต่ทีแรก เป็นไปได้ไหมว่าในตอนแรกเขายังมีความตั้งใจจะปกป้องตัวเองให้อยู่รอด แต่เมื่อไม่อาจควบคุมสถานการณ์ในตอนท้ายได้จึงตัดสินใจเสียสละตัวเอง

แน่นอนว่า ในความคิดของโจวเจ๋อไม่ได้หมายถึงการดูหมิ่นวิญญาณวีรบุรุษ วิญญาณวีรบุรุษก็เป็นคนเช่นกัน จะมีความคิดเช่นนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา

มันเป็นเรื่องที่จับพลัดจับผลูกระทำลงไปโดยไม่รู้ตัว

โจวเจ๋อเปิดสมุดโทรศัพท์

แต่ในเวลานี้เอง หน้าจอโทรศัพท์เริ่มเปลี่ยนไปและพร่าเบลอขึ้นมา ทุกสรรพสิ่งรอบๆ ตัวก็พร่าเบลออย่างช้าๆ

โจวเจ๋อเลือกเบอร์ที่ไม่รู้จักเบอร์นั้นและกดโทรออก ก่อนหน้านี้เขาเคยโทรหาเบอร์โทรศัพท์อื่นๆ ไปหมดแล้ว มันโทรติดแต่กลับไม่มีคนรับสาย แต่โจวเจ๋อยังไม่เคยโทรไปเบอร์นี้เลย

‘ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…’

โทรติดแล้ว

‘ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…’

ดันมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาข้างๆ เขา

โจวเจ๋อวางโทรศัพท์ลงด้วยความแปลกใจ และมองสาวญี่ปุ่นที่อยู่ตรงหน้าเขา

เสียงโทรศัพท์ดังมาจากบนตัวของเธอ

เด็กสาวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหน้าไปมองโจวเจ๋อ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าสับสน

“เสียงอะไรน่ะ”

โจวเจ๋อมองเธอ มองเธอนิ่งๆ เธอไม่ได้สวมเสื้อผ้า เมื่อตอนที่ออกมาจากในบ่อน้ำพุร้อนก็ไม่ได้สวมเสื้อผ้ามาก่อนแล้ว ภายหลังวิ่งตามโจวเจ๋อออกมาจากข้างในห้องก็ไม่ได้สวมเสื้อผ้า ดังนั้นบนตัวเธอจึงไม่มีที่เอาไว้สำหรับวางโทรศัพท์จริงๆ

แต่ไม่นานรอยยิ้มและความสับสนบนใบหน้าของเด็กสาวก็หายไป

เธอเอื้อมมือออกมาวางไว้บนหน้าอกของตัวเอง จากนั้นฉีกเนื้อหน้าอกตัวเองออก

ตรงกลางระหว่างซี่โครงนั้นมีโทรศัพท์มือถือขนาดเล็กฝังอยู่

‘เป๊าะ! เป๊าะ!’

เธอหักซี่โครงตัวเองออกไปสองซี่ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือในนั้นออกมา

จากนั้นหยิบโทรศัพท์มาแนบใบหน้าของตัวเองต่อหน้าโจวเจ๋อ

ดัดเสียงต่ำลงและพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม

“ฮัลโหล…ช่วยฉัน…ฉันอยู่ที่เขาเจียงจวิน…ช่วยฉัน…”

เด็กสาวเลียริมฝีปากของตัวเอง เหมือนว่ามุกตลกถูกผู้ใหญ่จับได้แล้ว ดูเก้อเขินเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด

จากนั้นมือของเธอก็ตบลงไปตรงที่ที่เธอเพิ่งจะฉีกออกจากกันเบาๆ แล้วก็ร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว

“เกือบไปแล้วนะเนี่ย ฉันบอกแล้วว่าไอ้แก่ตายยากที่นิ้วมือหายไปรับมือยากมากเลย ตอนแรกบาทหลวงไม่เห็นด้วย บอกว่าเขาตายไปห้าร้อยปีแล้วยังจะมีภัยอันตรายอะไรอีก

แต่น่าเสียดาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรบาทหลวงถึงได้ผิดสัญญา คราวนี้เขากลับไม่มา ไม่อย่างนั้นฉันอยากจะชี้จมูกตำหนิเขาสักทีหนึ่ง ให้เขาแหกตาดู ถ้าเมื่อกี้ฉันพุ่งเข้าไปด้วยละก็ ตอนนี้ก็อาจจะถูกไฟคลอกตายแล้วใช่ไหม”

…………………………………………………….

[1] คลองหงโกว ขึ้นชื่อว่าเป็นสายน้ำที่เชี่ยวกรากที่สุด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล