ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 189

ตอนที่ 189 มารผจญ!

ทุกคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บ ทุกคนล้วนมีบาดแผลนับไม่ถ้วน

สาวน้อยโลลินั่งบนพื้น หลับตาลงและนวดจุดที่ปวดเมื่อยบนร่างกายของนางเป็นระยะๆ ร่างกายของนางค่อนข้างบอบบาง และต้องการความเอาใจใส่มากกว่านี้

นักพรตเฒ่าและสไปเดอร์แมนถูกไป๋อิงอิงแบกขึ้นหลังอย่างยากลำบาก นักพรตเฒ่ายังหมดสติอยู่ ใบหน้าซีดเซียว ดูแก่และหมดราศีมากขึ้น

เบ้าตาคล้ำลึก ริมฝีปากแห้งแตกซีดเซียว ร่างกายอ่อนแรงเหงื่อผุดพรายออกมาไม่หยุด แถมยังกระตุกเป็นครั้งคราว

แน่นอนว่าในเวลานี้ไม่มีคนหัวเราะเยาะเขา กลุ่มคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น โจวเจ๋อและสาวน้อยโลลิเป็นยมทูต ไป๋อิงอิงเป็นผีดิบ สไปเดอร์แมนเป็นคนตายที่ยังมีชีวิต สวี่ชิงหล่างเป็นผู้ฝึกตนแบบเต๋า ถ้าหากไม่ได้พานักพรตเฒ่ามาละก็ แม้ว่าในเวลานั้นเฉาติ่งอยากจะประทับร่างเข้าช่วยก็ไม่มีร่างกายที่เหมาะสมให้เขาอยู่ดี

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงท้ายๆ ตอนที่เฉาติ่งยังไม่เข้าประทับร่าง นักพรตเฒ่าก็ไม่ได้ขี้ขลาด เขาคว้าก้อนปูนแล้วพุ่งเข้าไป แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการเป็นลูกผู้ชาย

กล้ามเนื้อของสไปเดอร์แมนยังกระตุกไม่หยุด ราวกับกำลังฟื้นตัวขึ้นเอง แต่ว่ากระบวนการนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้า

ไป๋อิงอิงมองเขาและรู้สึกว่าน่าสนใจนิดหน่อย บาทหลวงที่บริสุทธิ์ผุดผ่องในวันวานกลับกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้ ต้องบอกเลยว่ามันเป็นเรื่องที่น่าขันมาก

อีกทั้งตามที่สาวน้อยโลลิพูดมา บาทหลวงมีส่วนร่วมในเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง แต่ใครสั่งให้เขาไม่มีอะไรทำแล้วไปศึกษาอัฐิของเถ้าแก่ของเราระหว่างทางกัน สุดท้ายก็เลยมาลงเอยแบบนี้อย่างไรล่ะ

ไป๋อิงอิงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ถ้าบาทหลวงอยู่ที่นี่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม มีความเป็นไปได้ว่าแม้เฉาติ่งจะเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างของเขาไปในท้ายที่สุด ก็อาจจะไม่มีทางหยุดยั้งการฟื้นคืนชีพของวิญญาณเหล่านี้ได้สำเร็จ

ความสามารถในการทำสิ่งต่างๆ ของบาทหลวงคนนี้ช่างแกร่งกล้าจริงๆ ราวกับว่าได้เริ่มทำมาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ทำสิ่งต่างๆ มาเรื่อยๆ จนมาก่อเรื่องกับเถ้าแก่ของนางเข้า

จากนั้นก็ถูกฆ่าตาย

สวี่ชิงหล่างเอนกายลงบนโซฟาผุๆ พังๆ และไอเป็นระยะ เขาพันบาดแผลตัวเองไว้อย่างง่ายๆ ลวกๆ ปัญหามันไม่ได้มากมายขนาดนั้น ที่สำคัญก็คือการเสียเลือดมากต่างหากที่ทำให้เขาอ่อนแอลง

คนที่อยู่ในสถานการณ์และดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอะไรเลย นั่นก็คือเถ้าแก่โจวที่นอนหลับไปตั้งแต่ต้นจนตบ

สวี่ชิงหล่างเหยียดเท้าออกไปสะกิดร่างโจวเจ๋อเบาๆ อย่างไม่สบอารมณ์

“นี่ เรื่องจบหมดแล้ว ฟื้นได้แล้วมั้ง”

ถ้าก่อนหน้านี้มีโจวเจ๋อเข้ามาร่วมวงด้วย ทุกคนก็คงไม่อนาถถึงขนาดนี้หรอก กระทั่งเฉาติ่งเองก็คงไม่ต้องมอดไหม้ดับสูญไป และเขายังมีโอกาสได้ใช้บุญกุศลและเครื่องเซ่นไหว้ลงไปหาตำแหน่งหน้าที่ของเขาในนรก หรือไม่ก็ไปจุติกลับชาติมาเกิดเพื่อให้ตัวเองมีแต่ความสุขและราบรื่นในชาติหน้าได้

มีหรือจะเป็นเหมือนอย่างตอนนี้ที่วิญญาณกระจัดกระจาย ทุกอย่างก็กลายเป็นความว่างเปล่าไปแล้ว

ไม่ใช่ว่าสวี่ชิงหล่างกล่าวโทษโจวเจ๋อ แต่ผู้ชายน่ะ ถึงช่วงเวลาที่สำคัญแล้วใช้ไม่ได้ ตอนที่ปรารถนาและต้องการความแข็งแกร่งของเขามากๆ เขากลับเอาแต่หันหน้าหนี หลับใหลและแสร้งทำเป็นตีมึน มักจะทำให้คนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก!

สาวน้อยโลลิถอนหายใจยาวๆ ลมหายใจที่พ่นออกมาจากปากมาพร้อมกับกลิ่นเลือดเล็กน้อย แต่ร่างกายดูเหมือนจะผ่อนคลายลงกว่าก่อนหน้านี้มาก นางใช้วิธีพ่นลมหายใจเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายในของตัวเอง

เมื่อลืมตาขึ้นมองโจวเจ๋อที่ยังหมดสติอยู่

สาวน้อยโลลิเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของโจวเจ๋อด้วยความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ไป๋อิงอิงสนใจทุกการกระทำของสาวน้อยโลลิอย่างใกล้ชิด นางกังวลว่าสาวน้อยโลลิจะฉวยโอกาสนี้ฆ่าเถ้าแก่ของตัวเองทิ้ง

“เขาควรจะฟื้นขึ้นมาได้แล้วนี่” สาวน้อยโลลิเอ่ยขึ้น

ทันใดนั้น สาวน้อยโลลิก็ชี้ไปยังวัตถุที่สามารถสะท้อนแสงทั้งหมดรอบๆ ตัว เช่น กระจก กรอบรูป หรือแม้แต่กระเบื้อง สิ่งเหล่านี้ล้วนปรากฏรอยแตกถี่ยิบโดยไม่มีข้อยกเว้น

เขตปราการแตกแล้ว

ก่อนหน้านี้สาวน้อยโลลิเดาว่าจิตของโจวเจ๋อน่าจะติดอยู่ในโลกกระจก ตอนนี้เรื่องราวจบลงหมดแล้ว เขาก็น่าจะกลับมาได้แล้วถึงจะถูก

แต่แล้ว จู่ๆ สาวน้อยโลลิก็ ‘อุทาน’ ออกมา และรีบดึงมือที่วางไว้บนหน้าผากของโจวเจ๋อกลับมาทันที เมื่อกางฝ่ามือตรงหน้าออกมาดู ตรงนั้นมีร่องรอยของการบวมช้ำอยู่

“เกิดอะไรขึ้น” สาวน้อยโลลิมองโจวเจ๋อที่ยังหมดสติอย่างเคร่งขรึม

ในเวลานี้ใบหน้าของโจวเจ๋อค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนไป ผิวพรรณเริ่มแห้งเหี่ยว พร้อมกันนั้นก็เผยให้เห็นแสงสีทองแดงประหลาดๆ เขี้ยวสองซี่ก็ค่อยๆ แทรกเบียดออกมาจากช่องว่างระหว่างริมฝีปาก ร่างกายแผ่ความเย็นที่น่าสะพรึงกว่าตอนที่ไป๋อิงอิงต่อสู้เสียอีก

นี่เป็นครั้งแรกที่สาวน้อยโลลิเผชิญหน้ากับโจวเจ๋อที่เป็นอย่างนี้ เมื่อก่อนนางแค่เคยได้ยินนักพรตเฒ่าเยาะเย้ย บอกว่าหลังจากเถ้าแก่ของตัวเองแอบใช้วิชานั้นยอดเยี่ยมเกรียงไกรมาก

ตอนนี้นางเชื่อแล้ว

“เถ้าแก่” ไป๋อิงอิงรีบรุดเข้ามามองโจวเจ๋อด้วยความเป็นห่วง

“หรือว่า…” สวี่ชิงหล่างขมวดคิ้วมองฉากข้างหน้าและพึมพำ “ฝันร้ายหรือเปล่า”

การพังทลายในโลกกระจกไม่มีทางหยุดยั้งได้ กระทั่งวิญญาณในพื้นที่รอบนอกก็เริ่มหายไปทีละน้อย พวกมันเริ่มกลับสู่ความเป็นจริง จากนั้นก็จะลงนรกไปเองตามธรรมชาติ นี่เป็นที่ที่พวกมันควรจะไปตั้งแต่แรก แต่ดันถูกสภาพแวดล้อมของที่นี่ทำให้ล่าช้าไป

เด็กสาวกำลังเผชิญหน้ากับโจวเจ๋อ มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ความโกรธแค้นไร้สติและความตื่นตระหนกในตอนแรกหายไปจากใบหน้านางแล้ว ดูสงบลงอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอบใจเจ้าจริงๆ”

เด็กสาวโค้งคำนับโจวเจ๋ออย่างจริงจัง มันเป็นมารยาทน่ะ

“มีเพียงติดตามเจ้าเท่านั้น ข้าถึงจะมั่นใจว่าจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์”

ใช่ เด็กสาวพูดความจริง เดิมทีนางสามารถเลือกจู่โจมไปพร้อมกับนักรบซามูไรสามตัวนั้นได้ แต่นางกังวลว่าจะเกิดเรื่องที่คาดไม่ถึง อย่างเช่นผู้ที่ปราบปรามเธอมาห้าร้อยปีผู้นั้น

เรื่องราวมันก็เป็นอย่างนี้จริงๆ ชายผู้นั้นกลับยอมเสียสละบุญกุศลและเครื่องบูชาเซ่นไหว้ของตัวเองเพียงเพื่อทำลายพวกเขาให้หมดสิ้น!

ถึงตอนนี้ไฟกลุ่มนั้นได้มอดดับไปแล้ว แต่ก็ยังทำให้เด็กสาวรู้สึกหวาดกลัวอยู่ดี

แต่นางเลือกที่จะติดตามโจวเจ๋อ ในฐานะที่เป็นฝ่ายเข้าร่วม ‘หยุดยั้ง’ สถานการณ์ เมื่อโจวเจ๋อชนะ นางเองก็จะเป็นอิสระ เมื่อโจวเจ๋อพ่ายแพ้ นางก็ยิ่งเป็นอิสระ เท่ากับว่าท่ามกลางสงคราม นางเดิมพันทั้งสองฝ่าย และไม่ว่าสุดท้ายผลจะลงเอยเช่นไร นางก็จะแพ้ไม่ได้

โทรศัพท์ถูกเด็กสาวใช้นิ้วคีบอยู่ในมือและเขย่าขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง

คนแก่แล้ว อาบน้ำร้อนมาก่อน นี่คือสิ่งที่ผู้พูดวิจารณ์คนแก่ที่ฉลาดบางคน เพราะพวกเขามีชีวิตอยู่มานาน ผ่านการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มาแล้วมากมาย

แต่เด็กสาวคนนี้ นางอยู่มาแล้วห้าร้อยปี โดยพื้นฐานแล้วในช่วงห้าร้อยปีที่ผ่านมานี้ ใช้ลูกไม้และเล่ห์กลหน่อยๆ ก็ดูปกติสุดๆ แล้ว

“ผมคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้” โจวเจ๋อพูด

ตอนนี้โจวเจ๋อเข้าใจแล้วว่าทำไมเฉาติ่งถึงไม่เลือกที่จะทำลายล้างพวกผีนักรบซามูไรที่พยายามจะคืนชีพด้วยวิธีที่เรียบง่ายและป่าเถื่อนในตอนแรก

เพราะเฉาติ่งรู้ว่ายังมีอีกคนที่ยังไม่เข้าไปในวงล้อม

แต่ในตอนสุดท้ายมันไร้หนทางแล้วจริงๆ เขาจำเป็นต้องทิ้งปลาที่ลอดออกจากแหไปหนึ่งตัว เพราะปลาที่ลอดออกจากแหตัวนี้ มันระมัดระวังตัวจนเกินไป

เฉาติ่งอยากจะขจัดปัญหาทั้งหมดในคราเดียว แต่เขาทำไม่สำเร็จ

“เจ้าอยากเห็นตัวตนเมื่อก่อนของข้าหรือเปล่า”

เด็กสาวบิดเอวของนาง

เพียงไม่นาน

ชุดออฟฟิศเลดี้ก็ปรากฏบนร่างของนาง ดูมีสติปัญญาและความสามารถ

จากนั้นชุดกระโปรงก็ปรากฏขึ้นมาอีก ดูขวยเขินและน่ารัก

จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายของชาวฮั่น ดูสง่างามและประณีต

ก่อนจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง สวมร้องเท้าแตะผ้าฝ้ายสีขาวของรีสอร์ตอย่างช้าๆ นี่เป็นเสื้อผ้าที่นางสวมในวันเกิดเหตุที่นางถูกคนร้ายสวมจิตวิญญาณชาวญี่ปุ่นสามคนข่มขืน

จนในท้ายที่สุด

เสื้อผ้าบนร่างของนางเริ่มหลอมรวมกันและกลายเป็นผ้าสีดำสนิท ซึ่งค่อยๆ แนบพอดีกับลำตัวของนาง นี่คือชุดของนินจาสาว และนี่ก็เป็นชุดดั้งเดิมของนางด้วย เป็นเสื้อผ้าที่นางสวมเมื่อตอนที่นางตาย!

เมื่อห้าร้อยปีก่อน นางและสหายของนางเพิ่งมาถึง เพิ่งเข้าไปในประตูเมืองก็ถูกเฉาติ่งนำชาวบ้านมาขับไล่โจมตี ตัวนางเองถูกดาบของเฉาติ่งฟันเข้าที่ศีรษะระหว่างการไล่ล่าของเฉาติ่ง

“ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว กระจกมันสามารถบันทึกภาพได้ มันมีภววิสัยและเที่ยงตรงมาก มันบันทึกเหตุการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในขณะนั้นอย่างชัดเจน

แต่เนื่องจากความเที่ยงตรงของมัน จึงทำให้ผู้คนหลงคิดว่าภาพในนั้นเป็นของจริงทั้งหมด และยิ่งมีสิ่งที่เป็นความจริงมากเท่าไร ก็ยิ่งมีเรื่องโกหกอยู่เบื้องหลังมากขึ้นเท่านั้น”

นินจาสาวหันหน้าไปเล็กน้อย และมองโจวเจ๋อราวกับว่านางกำลังล้อเลียนน้องชายคนเล็กของนาง

“ตอนนี้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วใช่ไหม รู้สึกอัปยศอดสูที่ตัวเองถูกปั่นหัวหรือไม่”

นินจาสาวเข้ามาใกล้ เข้าใกล้โจวเจ๋อเพียงเล็กน้อย และหยอกล้อต่อไป

“เจ้าไม่เคยสงสัยเลยหรือว่าทำไมสามคนนั้นถึงมารวมตัวกันที่นี่โดยบังเอิญได้

เจ้าไม่เคยสงสัยเลยหรือว่าทำไมถึงมีเด็กสาวชาวญี่ปุ่นอย่างข้าที่บังเอิญได้ยินเสียงเพลงญี่ปุ่นจากห้องข้างๆ แล้วเป็นฝ่ายมาเคาะประตูอยากเข้าไปร่วมวงปาร์ตี้เอง แต่ท้ายที่สุดเมื่อเกิดเรื่องขึ้นจู่ๆ กลับมีท่าทางผิดปกติเปลี่ยนไปเหนียมอายอยากจะขัดขืน”

โจวเจ๋อพยักหน้ายอมรับ “ผมประมาทเอง”

เรื่องทั้งหมดนี้ โจวเจ๋ออยู่ในเกมมาตั้งแต่เริ่ม ไม่ว่าจะเป็นการ ‘ติดคุก’ แทนอีกฝ่าย หรือการกระทำครั้งสุดท้าย อันที่จริงเขาถูกทำนายไว้หมดแล้ว

“เหอะๆ”

นินจาสาวหัวเราะ นางหัวเราะอย่างมีความสุข แล้วพูดต่อ

“เจ้ารู้หรือไม่ การล่อลวงชายสามคนนั้นมันค่อนข้างสนุกเลยทีเดียว แต่พวกมันทำไม่ได้…”

มีผีทั้งหมดสี่ตน ตนหนึ่งรับผิดชอบล่อลวง อีกสามรับผิดชอบสิงร่าง แบ่งงานกันอย่างชัดเจน ทำทั้งหมดนี้ในคราวเดียว

ดังนั้น นางถึงสามารถเข้าไปในบ้านของโจวเจ๋อที่อยู่ข้างๆ ได้

แน่นอนว่าตอนที่นางถูกโจวเจ๋อฟันร่างแยกออกยังสามารถยับยั้งชั่งใจเอาไว้ได้เหมือนเดิม และสามารถแสดงเป็นผีสาวอาฆาตพยาบาทได้สมจริง มันเป็นความสามารถของนางจริงๆ

ร่างกายของโจวเจ๋อเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ

ในความเป็นจริงนั้น

การเปลี่ยนแปลงของร่างกายในโลกความเป็นจริง เป็นเพียงแรงขับเคลื่อนในการดึงสติเท่านั้น

ในโลกกระจกนี้

ผิวหนังบนร่างกายของโจวเจ๋อค่อยๆ เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีทองแดง เลือดเนื้อเริ่มแห้งเหี่ยว ในส่วนลึกของดวงตาทั้งคู่ริบหรี่และมืดมนราวกับเปลวเพลิงสีดำทะมึน

นินจาสาวประหลาดใจเล็กน้อย ประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงของโจวเจ๋อ ประหลาดใจกับกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ซ่านออกมาจากโจวเจ๋อในตอนนี้

แต่นางก็ไม่ได้เกรงกลัว และหัวเราะต่อไป

“สายเกินไปแล้ว อีกไม่นานที่นี่ต้องพังทลายลง จนถึงตอนนั้นข้าก็จะตามหากระจกที่สมบูรณ์สักบานและออกไป เจ้าจะหาข้าไม่พบ และจับข้าไม่ได้ ข้าจะเป็นอิสระ!”

โจวเจ๋อก้มหน้าลงช้าๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำพูดของเด็กสาวเลย

เด็กสาวเริ่มถอย ปราการในที่นี้ใกล้จะพังทลายอย่างสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้นางก็สามารถออกไปได้แล้ว

“ปลุกข้าขึ้นมา…ทำไม…”

เด็กสาวตะลึงและหันกลับไป พบว่าโจวเจ๋อยังคงก้มหน้าอยู่

ไม่ได้คุยกับนางอยู่หรอกหรือ อย่างนั้นกำลังคุยกับใครอยู่กัน

เด็กสาวสงสัยเล็กน้อย

“โอ้…เข้าใจแล้ว…”

โจวเจ๋อดูเหมือนกำลังคุยกับตัวเอง

ในความเป็นจริง เขากำลังพูดกับตัวเองอยู่จริงๆ

เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าของเขา แล้วหยิบแหวนทองสัมฤทธิ์ออกมา

“เข้าใจแล้ว…น่าสนใจ…ของพรรค์นี้…เจ้าใช้ไม่เป็น…ใช่ไหม” เขายังคงพูดกับตัวเองอยู่

แต่นินจาสาวกลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันตรายร้ายแรงอย่างหนึ่ง

ความรู้สึกอันตรายอย่างนี้มันน่ากลัวชัดเจนยิ่งกว่าตอนที่กลิ่นอายของโจวเจ๋อเกิดความเปลี่ยนแปลงเสียอีก!

นางเริ่มวิ่งหนีไปรอบๆ นางจะต้องออกจากที่นี่

เฉาติ่งตายแล้ว ไม่มีใครสามารถพันธนาการนางไว้ได้อีก

อิสรภาพ อยู่ตรงหน้านางแล้ว!

‘ติ๊ง…’

เล็บสีดำของโจวเจ๋อดีดลงบนแหวนเบาๆ จนแหวนเกิดเสียงดังคมชัด

จากนั้นม่านแสงสีฟ้าก็แผ่ออกมาจากแหวน และปกคลุมพื้นที่แห่งนี้ในชั่วพริบตา

ร่างของนินจาสาวกระแทกม่านแสงอย่างแรงและเด้งกลับมา ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความไม่อยากจะเชื่อ

ปราการที่เห็นๆ กันอยู่ว่าแตกไปถึงเจ็ดแปดส่วนมาตั้งนานแล้ว กลับกำลังฟื้นฟูขึ้นมาในเวลานี้!

ไม่ ไม่ใช่ นินจาสาวมองออกแล้ว

มันเป็นปราการใหม่ที่ปกคลุมที่นี่ไว้อีกครั้ง

นางถูกขังเอาไว้อีกครั้งแล้ว!

โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้นช้าๆ หลังของเขายังงอโค้งอยู่เล็กน้อย

แขนทั้งสองข้างหย่อนลงมาอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะถูกดึงรั้งจนยาวมาก เล็บยาวจนสามารถสัมผัสพื้นได้อยู่ตลอดเวลา

เขาแสยะยิ้มมุมปาก

เปลวเพลิงสีดำในเบ้าตาจ้องนินจาสาวที่อยู่ข้างหน้าแฝงไปด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย

ยิ่งมองยิ่งชอบ

เหมือนได้มองดูขวดไวน์ที่บ่มเอาไว้ถึงห้าร้อยปี…

………………………………………………………

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล