อ่านสรุป ตอนที่ 216 กาแฟขี้แมว! จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 216 กาแฟขี้แมว! คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 216 กาแฟขี้แมว!
‘กุกกัก…’
‘ปัง!’
‘กุกกัก…’
‘ปัง!’
ณ ตอนนี้เวลานี้ โจวเจ๋อลืมไปแล้วว่าที่นี่เป็นความฝัน
และสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันทั้งหมดมันถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แปดสิบปีก่อนแล้ว
ความฝันเป็นแค่การบอกถึงจุดสิ้นสุด บอกถึงกระบวนการขั้นตอน บอกถึงข้อกำหนดเท็จจริง
ท้ายที่สุดแล้ว ใครจะสามารถเปลี่ยนอนาคตได้ล่ะ
ตามค่านิยมของผู้ชมที่มาดูอยู่ข้างๆ อย่างสงบนิ่ง เรื่องที่โจวเจ๋อทำทั้งหมดในตอนนี้ มันดูไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด ทุ่มสุดตัวและพยายามอย่างหนักในความฝัน มันจะส่งผลกระทบอะไรได้บ้าง
ความคิดเหมือนเด็ก ชั้นต่ำ น่าเบื่อ กระทั่งแย่ยิ่งกว่าเด็กอนุบาลที่ชอบนั่งยองๆ อยู่มุมห้องแล้วดูมดต่อยกันเสียอีก
เถ้าแก่โจวไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนดี เพราะการเป็นคนดีนั้นมันเหนื่อย และบางครั้งก็น่าน้อยเนื้อต่ำใจจนเกินไป
ครูที่สวมหมวกทรงสูงที่ถอดออกไม่ได้แม้จะตายไปแล้วก็ตามคนนั้น เป็นเครื่องยืนยันที่ดีที่สุด
เถ้าแก่โจวเป็นคนที่ไม่เอาไหนมาโดยตลอด กระทั่งภายใต้สถานการณ์จับพลัดจับผลูก็ยังกลืนกินมโนธรรมของตัวเองไปจนสิ้น
เมื่อนึกย้อนไปถึงรสชาตินั้นแล้วรู้สึกดีจริงๆ หลังจากไร้มโนธรรมแล้ว ก็จะรู้สึกสบายอกสบายใจ
เรื่องที่ไม่ควรสนใจ ก็ไม่สนใจ
เรื่องที่ขี้เกียจสนใจ ก็ไม่สนใจ
เรื่องที่ยุ่งยาก ก็ไม่สนใจ
ต่อให้น้ำจะท่วมคุณอยู่ข้างนอก ฉันก็แค่เพียงอาบแดดของฉันและดื่มกาแฟขี้แมวของฉันอยู่ในร้านหนังสือต่อไป
แต่ว่าคำบางคำก็เป็นถ้อยคำเช่นนั้น เป็นความคิดเช่นนั้น
เพียงแต่
เมื่อคุณถูกขังอยู่ที่นี่ แล้วได้เห็นฉากที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาคุณ
การได้เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นจ้องมองคุณก่อนที่เธอจะตาย
การได้เห็นทั้งร่างของเธอถูกบีบและยืดออกอย่างช้าๆ เหมือนยาสีฟัน
การได้เห็นลำไส้แต่ละเส้นเหล่านั้นที่กำลังสั่นคลอนอยู่
ฉากนั้น ที่จริงไม่ได้สร้างความสะอิดสะเอียนและความหวาดกลัวให้โจวเจ๋อ
นรกก็เคยไปมาแล้ว ความเป็นและความตายก็ผ่านมาแล้ว ยังจะต้องกลัวอะไรอีกจริงๆ หรือ
แต่ความรู้สึกแบบนั้น ความรู้สึกหดหู่แบบนั้นกลับเหมือนน้ำท่วม บ่อนทำลายเสียอย่างนั้น!
พวกนักโทษที่เฉื่อยชาในห้องขังต่อสู้แย่งชิงโซ่ตรวนที่ผู้คุมทิ้งเอาไว้ด้วยความคาดหวัง สามีต่อสู้อย่างสุดกำลังให้ได้มันมา เพื่อมอบความหวังที่ ‘งดงาม’ ให้กับภรรยาของตัวเอง และมอบให้กับลูกที่ยังไม่เกิดมาของตัวเอง
ภาพแต่ละภาพผุดขึ้นในหัวของโจวเจ๋อไม่หยุดราวกับการฉายภาพสไลด์โชว์อย่างไรอย่างนั้น
ลมหายใจของโจวเจ๋อเริ่มช้าลงเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวของเขาก็เริ่มช้าลงเรื่อยๆ เช่นกัน แต่มันก็ยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม
การกระตุกแต่ละครั้ง มาพร้อมกับความพร่ามัวอีกขั้นของเลือดเนื้อตรงข้อมือ ความรู้สึกเจ็บแปลบแบบนั้น ความรู้สึกฉีดขาดแบบนั้น ในเวลานี้เขากลับดูไม่ยี่หระเลย
บนเตียงผ่าตัดในห้องทดลอง มีศพของหญิงตั้งครรภ์ที่มีร่างกายบิดเบี้ยวและเส้นเลือดปูดโปน
ทารกในฝ่ามือที่ถูกชูขึ้นยังคงดิ้นรนอย่างเจ็บปวด
คุณแม่ทั้งห้าที่ล้วนถูกผ่าท้องออกบนรถเข็นเปล
ทั้งชายและหญิงถูกบังคับให้ผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์กับสัตว์เพื่อศึกษาสายเลือดวงศ์ตระกูล
หญิงสาวที่ไม่รู้ว่ามือทั้งสองข้างแข็งมานานเท่าไรแล้ว เมื่อหยิบค้อนทุบเพียงเล็กน้อยก็แหลกละเอียด แต่ใบหน้ากลับไร้ความรู้สึก
รวมไปถึง แม่และลูกสาวที่ยังนอนอยู่ในภาชนะสุญญากาศยังไม่ทันได้ทำความสะอาดในเวลานี้
ผู้ชมที่อยู่ข้างๆ คนนี้ ทนดูอยู่ข้างๆ ต่อไปไม่ได้จริงๆ
เหตุผลที่จงใจเพิกเฉยต่อบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้ตัวเองสบายใจก่อนหน้านี้ ในเวลานี้กลับสูญเสียประสิทธิภาพทั้งหมดไปอย่างสมบูรณ์
ความโกรธ
ความหดหู่
ความเศร้าโศก
ในเวลานี้มันกลับกลายเป็นเสียงคำรามแหบแห้งของโจวเจ๋อ!
“อ๊าก!!!!”
โจวเจ๋อคำรามอย่างบ้าคลั่ง
แขนของเขาเริ่มกระตุกไม่หยุดเพิ่มความบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาอยากจะหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้
เขาอยากจะหลุดพ้นจากโซ่ตรวนที่รั้งแขนของเขาเอาไว้
เขาอยากจะพุ่งออกไปฉีกกระชากพวกคนสารเลวในชุดกาวน์สีขาวที่ทำเรื่องต่ำทรามทีละคน
เขาอยากจะกลืนกินพวกมันทั้งเป็น
เขาอยากจะดื่มเลือดของพวกมัน
เขาอยากจะกินเนื้อของพวกมัน
เขาอยากจะควักดวงวิญญาณของพวกมันออกมา ไม่ให้โอกาสพวกมันลงไปยังเส้นทางสู่นรกและลงนรก
เขาอยากจะให้พวกมันได้รับความทรมานทั้งวันทั้งคืน ปล่อยให้พวกมันทนทุกข์ทรมานไม่รู้จบ!
พวกแกถือว่าทั้งหมดนี้เป็นการเล่นเกมของเด็ก
พวกแกถือว่าที่นี่เป็นสนามเด็กเล่นของตัวเอง
พวกแกถือว่าชีวิตมนุษย์เป็นเพียง ‘มารุตะ’ เป็นท่อนซุงที่เลาะเปลือกออกแล้ว
พวกแกคิดว่าตัวเองเป็นผู้มีอำนาจเหนือ
พวกแกคิดว่าตัวเองเป็นปีศาจที่กำลังเดินเล่นอยู่บนโลกมนุษย์
พวกแกคิดว่าตัวเองควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้ ความคุมความเป็นและความตายได้!
ได้
อย่างนั้นวันนี้ฉันจะแสดงให้พวกแกได้เห็นว่าปีศาจที่แท้จริงมันเป็นอย่างไรกันแน่!
นี่คือปาฏิหาริย์
เป็นปาฏิหาริย์ภายใต้การคุ้มครองของจักรพรรดิ
เป็นความรุ่งโรจน์ที่เทพีแห่งดวงอาทิตย์มอบให้ชาวยามาโตะ
มันคืออนาคตของจักรวรรดิญี่ปุ่นทั้งหมด!
เสียงกระแทกดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ตู้นิรภัยก็เริ่มสั่นสะเทือนตาม
แต่ตู้นิรภัยนี้ทั้งใหญ่ทั้งหนาและหนักจนเกินไป ด้วยเหตุนี้แม้ว่าสิ่งที่อยู่ข้างในจะกระแทกอย่างรุนแรงไม่หยุด แต่ก็ไม่สามารถออกมาได้เหมือนเดิม
พวกนักวิจัยในชุดกาวน์สีขาวจากห้องทดลองอื่นๆ ในศูนย์วิจัยก็ถูกความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่นี้ดึงดูดเช่นกัน ทยอยวางการทดลองในมือลงและออกมาตรวจสอบสถานการณ์
การทดลองในห้องทดลองบางส่วนยังคงดำเนินต่อไป แต่นักวิจัยชุดกาวน์สีขาวกลับออกไปแล้ว พวกเขาไม่สนใจว่าข้อมูลการทดลองในครั้งนี้จะเป็นโมฆะหรือไม่ ถึงอย่างไรตัวอย่างที่มีชีวิตก็ไม่ขาดแคลน ครั้งนี้ทำไม่ได้ ค่อยทำใหม่ก็ได้
ค่อยเป็นค่อยไป มีพนักงานเจ็ดถึงแปดสิบคนยืนออกันอยู่ทั้งภายในและภายนอกห้องทดลองที่มีตู้นิรภัยตู้นั้นอยู่ พวกเขาต่างมองเข้าไปข้างใน และสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างต่อเนื่อง
ชายชราที่กอดตู้นิรภัยเอาไว้ด้วยความตื่นเต้นคนนั้น คำพูดของเขามีลักษณะปลุกระดม นักวิจัยในชุดกาวน์สีขาวค่อยๆ เริ่มตอบสนองและลุกฮือกันมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาตื่นเต้น พวกเขาบ้าคลั่ง พวกเขาหัวเราะอย่างมีความสุข
มีคนเริ่มร้องเพลงมาร์ชทหารญี่ปุ่น บรรยากาศแบบนี้เริ่มส่งต่อไปเรื่อยๆ ชายชราที่กอดตู้นิรภัยอยู่คนนั้นก็ร้องขึ้นมาเสียงดัง ดูเหมือนว่าทุกคนจะค่อยๆ จมดิ่งลงไปในอารมณ์และความรู้สึกแบบนี้อย่างช้าๆ เพลงมาร์ชทหาร ‘ดังกึกก้อง’ กลายเป็นการขับร้องประสานเสียงในที่นี้
พวกเขาถึงกับหลั่งน้ำตา
รู้สึกว่า ‘การทำงานหนัก’ ของตัวเองไม่ได้ไร้ประโยชน์
รู้สึกว่า ‘การทุ่มเท’ ของตัวเองไม่ได้ถูกทรยศ
พวกเขากำลังฉลอง พวกเขากำลังร้องเพลง พวกเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นกลุ่มคนที่โชคดี เป็น ‘ผู้บุกเบิก’ ร่วมเป็นสักขีพยานในการผงาดขึ้นของจักรวรรดิญี่ปุ่นอันยิ่งใหญ่
เป็นไปได้ว่า มีเพียงนักวิจัยในชุดกาวน์สีขาวสี่คนที่อยู่ในห้องทดลองเดียวกับโจวเจ๋อเท่านั้นที่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เมื่อในห้องทดลองที่อยู่ตรงใจกลางศูนย์กำลังร้องเพลงไปพร้อมกับเสียงกระแทกตู้นิรภัยอย่างต่อเนื่องนั้น นักวิจัยในชุดกาวน์สีขาวทั้งสี่มีแต่ความรู้สึกหนาวเหน็บในหัวใจเท่านั้น
ทุกครั้งที่โจวเจ๋อกระตุกโซ่ ตู้นิรภัยที่อยู่ไกลๆ ก็ส่งเสียง ‘ดังสนั่น’ ออกมาพร้อมกัน
พวกเขารู้ดีว่าเป็นผู้ชายคนนี้ และเป็นมารุตะคนนี้ที่สร้างความตกใจและทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนอง!
แต่ความบ้าคลั่งของโจวเจ๋อยังคงดำเนินต่อไป
เขากระตุกอย่างบ้าคลั่งและรุนแรง โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น เลือดและเนื้อของเขาเริ่มฉีกขาดไปแล้ว เลือดเริ่มสาดกระเซ็น แต่เขาก็ยังไม่มีความคิดที่จะหยุด!
โดยเฉพาะเมื่อโจวเจ๋อได้ยินเสียงร้องเพลงดังลอดมาจากระยะไกล อารมณ์ที่อดกลั้นของเขาถูกจุดไฟขึ้นอย่างสมบูรณ์โดยสิ้นเชิง!
พวกแกยังร้องเพลงอยู่อีก!!!
“อ๊ากกกกกกก!!!!!!!!!”
‘กุกกัก!!!!!!!!’
โซ่ตรวนไม่ได้ขยับ แต่โจวเจ๋อกลับได้รับอิสระแล้ว เพราะตรงข้อมือของเขานั้น ถูกเขากระชากออกเป็นเสี่ยงๆ ไปแล้ว!
‘ปัง!’
และในเวลาเดียวกันนั้น ในห้องทดลองแห่งนั้นที่ยังคงร้องเพลงอยู่ ตู้นิรภัยที่เดิมทีดูเหมือนว่าจะ ‘แข็งแกร่งไร้เทียมทาน’ จู่ๆ ก็แตกออกเป็นรูโหว่
มือที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและผอมจนเห็นกระดูกสีขาวยื่นออกมาจากข้างใน
จังหวะนี้เสียงร้องเพลงก็หยุดลงอย่างกะทันหันเช่นกัน…
…………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล