ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 219

ตอนที่ 219 ทิ้งคนไว้!

หลังจากวางสาย โจวเจ๋อเอื้อมมือขึ้นไปลูบใบหน้า ถอนหายใจโล่งอก เมื่อลุกขึ้น ไป๋อิงอิงก็สะดุ้งตื่น

ไป๋อิงอิงเอื้อมมือขึ้นไปขยี้ตา นอนราบบนโซฟา โชว์เรียวขาอวบอิ่มเรียวยาวทั้งสองข้างของเธอ เท้าไขว้กันเบาๆ เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้ง

แฝงไปด้วยด้วยเสน่ห์และความไร้เดียงสาของหญิงสาว

“เถ้าแก่…”

เสียงนี้ช่างนุ่มหู แฝงไปด้วยความสนิทสนมและชื่นชมอย่างเป็นธรรมชาติ

“ข้าสบายมากเลย น่าพอใจมาก”

“…” โจวเจ๋อ

ในเวลานี้ สวี่ชิงหล่างสวมแจ็กเก็ตบุนวม กำลังนั่งดื่มชาร้อนๆ อยู่ที่เคาน์เตอร์ตรงนั้น ข้างๆ ยังมีเครื่องทำความร้อนวางอยู่ ทั้งยังเสียบหูฟังฟังเพลง ดูท่าทางสบายๆ

นอกร้านเป็นฤดูร้อน คนเดินสัญจรล้วนถูกแสงแดดแผดเผา แต่ที่นี่กลับเหมือนเข้าสู่ฤดูหนาว

วันนี้เขาแค่นั่งอยู่ในร้านหนังสือสักพัก แล้วก็ออกไปเดินเล่นข้างนอก ช่างไม่เลวเลยทีเดียว

สัมผัสประสบการณ์ทั้งร้อนทั้งหนาวในเวลาเดียว จุ๊ๆ น่าสนุกจริงๆ

หลายคนคงเคยผ่านประสบการณ์เมื่อฤดูร้อนดันคิดถึงฤดูหนาว พอฤดูหนาวกลับคิดถึงฤดูร้อน ครั้งนี้สวี่ชิงหล่างจึงรู้สึกสะใจ

เมื่อเห็นโจวเจ๋อตื่นขึ้นมา สวี่ชิงหล่างบิดขี้เกียจไปหนึ่งที คล้ายกับว่ายังซึมซับไม่มากพอ เหมือนหญิงสาวที่ถูกละเลยมานาน

“เอากุญแจรถนายให้ฉัน” โจวเจ๋อเอ่ยออกมาตรงๆ

สวี่ชิงหล่างพ่นไอสีขาวออกมา หยิบกุญแจรถออกจากกระเป๋าของเขา แล้วโยนมันให้โจวเจ๋อ

เมื่อไป๋อิงอิงเห็นว่าโจวเจ๋อทำท่าจะออกไป ก็รีบลุกจากโซฟาตามเถ้าแก่ออกไปทำธุระด้วยกัน แต่ทันทีที่ลุกจากโซฟานางก็ส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ ทั้งตัวล้มคะมำลงกับพื้น

“แงๆๆ เถ้าแก่ ข้าแข้งขาอ่อนแล้ว”

แม้แต่กระดูกก็ยังหมดกำลังวังชา ครั้งนี้นางสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด และดึงพละกำลังทั้งหมดที่สูญเสียไปก่อนหน้านี้ให้กลับมา ทั้งร่างมีความรู้สึกพึงพอใจโดยที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

“พักผ่อนให้เพียงพอนะ”

โจวเจ๋อไม่ได้คิดจะพาไป๋อิงอิงไปด้วย แต่กลับเดินออกไปขึ้นรถและขับออกไปทันที

ระหว่างทาง โจวเจ๋อขับรถเร็วมาก เพราะแม้ว่าเมื่อสักครู่โจวเจ๋อจะตะโกนผ่านโทรศัพท์ไปตั้งหลายรอบให้หยุดทำงาน และหยุดการขุดไปก่อน แต่โจวเจ๋อนั้นรู้ดีว่า จางเยี่ยนเฟิงไม่มีอำนาจเด็ดขาดในการจัดการกับเรื่องนี้

อีกอย่าง จางเยี่ยนเฟิงจะฟังคำพูดของเขาและช่วยเขาหยุดทุกอย่างทั้งหมดนี้หรือไม่นั้นก็ยังไม่แน่ชัด

ถึงอย่างไร หากคิดในอีกแง่หนึ่ง เรื่องโซ่ตรวนเส้นนั้นแทบจะกลายเป็นปมฝันร้ายในใจของเขามาตลอดยี่สิบปี ตอนนี้มีโอกาสแก้ปมแล้ว เขาจะอดทนได้อย่างไร

สถานที่นั้นถูกฝุ่นปกคลุมมาโดยตลอด เมื่อแปดสิบปีที่แล้วมีบางสิ่งปรากฏขึ้นในความฝัน โจวเจ๋อจำช่วงสุดท้ายในความฝันได้ ชาวญี่ปุ่นระเบิดทางเข้าและทางออกของศูนย์วิจัย และคนรุ่นหลังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องของสถานที่แห่งนี้เลย เป็นไปได้ว่าชาวญี่ปุ่นจงใจปิดกั้นข่าวสารนี้

ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครค้นพบและเปิดเผยสถานที่แห่งนี้มาประมาณแปดสิบปีแล้ว

นี่หมายความว่า ร่างที่พังเละนั้นมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าน่าจะยังคงอยู่ข้างใน

หากพวกเขาขุดโดยพลการ เปิดสถานที่นั้นออกมา และปลุกร่างที่พังเละนั้นให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้เห็นฉากสุดท้ายที่ร่างนั้นไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ในความฝัน โจวเจ๋อก็รู้สึกเย็นยะเยือกในใจ

สิ่งที่เลวร้ายที่สุด แน่นอนว่าชายคนนั้นก็คือเขาเอง ในท้ายที่สุด หากว่าเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นจริงๆ มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าตัวเขาเองนั่นแหละที่จะต้องแบกรับมัน

โจวเจ๋อไม่ได้กลัวที่ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าตัวตนเดิมของเขาเกิดบ้าคลั่งจนทำให้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นละก็ เขาจะต้องรู้สึกแย่กับเรื่องนี้อย่างแน่นอน

โทรศัพท์ดังขึ้นมาในเวลานี้ เป็นสายเรียกเข้าของสวี่ชิงหล่าง โจวเจ๋อรับสาย

“มีอะไร”

“อ้อ ลืมบอกคุณไป น้องถังซือคนนั้นมาน่ะ นักพรตเฒ่าตามเธอไปสถานีตำรวจแล้ว ก่อนหน้านี้บอกผมไว้ว่าถ้าคุณตื่นแล้วละก็ให้โทรหาเธอ”

ถังซืออยู่ที่นั่นงั้นเหรอ

โจวเจ๋อรู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง

โจวเจ๋อวางสายทันที ขณะขับรถก็ต่อสายโทรหานักพรตเฒ่าไปด้วย

“ฮัลโหล เถ้าแก่ มีอะไร เรากำลังขุดกันอยู่เลย”

เสียงฝั่งนักพรตเฒ่าก็จ้อกแจ้กจอแจมากเช่นกัน คล้ายกันกับความรู้สึกตอนที่จางเยี่ยนเฟิงโทรหาเขาก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้นักพรตเฒ่าอยู่ที่พื้นที่ก่อสร้าง

“เรียกถังซือมารับสาย” โจวเจ๋อตะโกน

“อ่านกวีหรือ” นักพรตเฒ่าปิดหูอีกข้าง เห็นได้ชัดว่าเสียงในที่นี้ดังเกินกว่าที่เขาจะได้ยินอย่างชัดเจน

ในเวลานี้ เสียงโทรศัพท์มือถือฝั่งนักพรตเฒ่าดังขึ้น ตามด้วยเสียงผู้หญิงดังลอยมา

“ฉันเอง”

น่าจะเป็นเพราะถังซือรู้ว่าโจวเจ๋อเป็นคนโทรมา จึงไม่พูดพร่ำทำเพลงคว้าโทรศัพท์ในมือนักพรตเฒ่ามา

“อย่าให้พวกเขาขุดต่อ ข้างล่างมีปัญหา!”

โจวเจ๋อตะโกน

“ฉันเข้าใจแล้ว”

เมื่อถังซือพูดจบก็วางสายไปเลยดื้อๆ

โจวเจ๋อตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอฟังเข้าใจชัดเจนแล้วจริงๆ เหรอ

ไม่สนแล้ว โจวเจ๋อเร่งความเร็วโดยไม่รู้ตัวและเริ่มขับรถไปทางสถานีตำรวจ ถึงอย่างไรหากฝ่าฝืนกฎอะไรเข้า สวี่ชิงหล่างก็ต้องไปสำนักจัดการจราจรเพื่อจ่ายค่าปรับและโดนหักคะแนนอยู่ดี อย่างไรเสียรถคันนี้ก็เป็นของเขา

ระหว่างทางนอกจากพวกนักเรียนข้ามถนนหน้าทางเข้าโรงเรียนประถมที่จัดงานฉลอง ‘วันเด็ก’ ทำให้รถเป็นอัมพาตไปชั่วขณะแล้ว ช่วงที่เหลือก็ราบรื่นไร้สิ่งกีดขวาง รถไม่ติดแล้ว

เมื่อจอดรถไว้บนถนนริมสถานีตำรวจ โจวเจ๋อก็รีบลงจากรถอย่างรวดเร็ว และตรงดิ่งไปยังพื้นที่ก่อสร้างฝั่งนั้นทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล