ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 221

สรุปบท ตอนที่ 221 หน้าครึ่งซีก: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอน ตอนที่ 221 หน้าครึ่งซีก จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 221 หน้าครึ่งซีก คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 221 หน้าครึ่งซีก

สิ่งที่แตกต่างจากความตื่นเต้นของถังซือก็คือ ตอนนี้หลังของโจวรู้สึกเย็นวาบเล็กน้อย เพราะโจวเจ๋อเคยเห็นภาพร่างที่พังเละเดินเตร่ไปทั่ว และใช้ความตายวาดภาพศิลปะในศูนย์วิจัยมาแล้ว

การเดินปล่อยอารมณ์แบบนั้น ความเชื่องช้านวยนาดแบบนั้น เหลือเพียงแค่ทุ่มเงินเก้าเหวิน (อีแปะ) ต่อหน้าคุณแล้วถามคุณว่าคำว่า ‘ตาย’ เขียนได้กี่วิธี

ถ้าคนอื่นพูดว่า ‘ตอนผมบ้าขึ้นมา แม้แต่ผมยังกลัวตัวเอง’ เป็นแค่คำหยอกล้ออย่างหนึ่งละก็

อย่างนั้นสำหรับเถ้าแก่โจวคนปัจจุบันแล้ว นี่เป็นคำอธิบายที่เหมาะสมที่สุด

ทั้งๆ ที่เป็นตัวเขาเอง แต่ในใจของเขากลับมีความรู้สึกหวาดกลัวสุดขีดต่อคนคนนั้นจริงๆ

“ที่จริงแล้ว…คุณมองข้ามปัญหาหนึ่งมาโดยตลอด”

ขณะที่ถังซือเอ่ยขึ้นก็ค่อยๆ เดินไปด้านหน้า

“ปัญหาอะไร”

“นั่นคือสิ่งที่คุณเคยเป็นเมื่อในอดีต ก็คือคุณ คุณในปัจจุบัน ก็คือคุณเอง ในเมื่อคุณในปัจจุบันเป็นตัวคุณเอง อย่างนั้นคุณในอดีต ก็ไม่ใช่คุณแล้วยังไงล่ะ”

นักพรตเฒ่านับคำว่า ‘คุณ’ หลายคำอยู่ข้างๆ พูดตามตรง เขาไม่เข้าใจว่าคำพูดของถังซือสื่อถึงอะไรกันแน่ ในขณะเดียวกันนักพรตเฒ่าก็เริ่มมีความสงสัยในใจ

ผีตายพวกนี้แตกต่างจากคนทั่วไปจริงๆ ด้วยสินะ ในสถานที่น่ากลัวแบบนี้ ยังถกประเด็นปัญหาปรัชญาอยู่อีก

พูดตามตรง ตอนนี้นักพรตเฒ่ารู้สึกเสียใจที่ตามลงมาด้วยกัน รู้อย่างนี้ดูต้นทางอยู่ข้างบนดีกว่าเสียอีก ข้างล่างนี้เดิมทีก็น่าตื่นตระหนกอยู่แล้ว พวกเขายังจะพูดอะไรแปลกๆ อีก

โจวเจ๋อนั้นฟังเข้าใจว่าถังซือหมายถึงอะไร ฉากที่เขาเห็นในความฝันนั้นเป็นตัวเองเมื่อในอดีตที่ฆ่าคน อย่างนั้น แปดสิบปีต่อมา เขาได้กลายเป็นโจวเจ๋อ เขาสูญเสียความทรงจำไปไม่น้อยทีเดียว และก็จำได้แค่เรื่องที่ตัวเองคือโจวเจ๋อเท่านั้น แต่จิตวิญญาณได้รับการสืบทอดต่อกันมา นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำไมเขาก็สามารถกลายเป็นผีดิบได้ด้วย

ด้วยเหตุนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาและร่างที่พังเละนั้นจะปรากฏขึ้นในยุคสมัยเดียวกัน ต่อให้ตอนนี้อีกฝ่ายจะอยู่ที่นี่ แต่มันก็เป็นเพียงร่างกายหนึ่งเท่านั้น

เพราะเมื่อแปดสิบปีก่อนร่างพังเละนั้นสังหารหมู่และสร้างศิลปะแห่งความตายอยู่ที่นี่ จิตวิญญาณของเขาได้กลายเป็นจิตวิญญาณในปัจจุบันของตัวเองเรียบร้อยแล้ว

ดังนั้น เหลือเพียงแค่ซากว่างเปล่า ระดับการคุกคามนั้นไม่ร้ายแรงเท่าในอดีตอย่างแน่นอน

“คุณไม่รู้สึกสนใจเรื่องในอดีตของตัวเองสักนิดเลยเหรอ ฉันไม่รู้สึกว่าคุณจะอยากรู้ตัวตนที่แท้จริงในอดีตของตัวเองมากสักเท่าไรเลย” ถังซือหลบเลี่ยงซากศพใต้ฝ่าเท้าพลางถามขึ้น

“ผมจำได้แค่ผมก็คือตัวผม ผมคือโจวเจ๋อ ผมคิดว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว” โจวเจ๋อตอบ

“เหอะ สภาพจิตใจไม่เลวจริงๆ”

“ในร้านหนังสือของผมมีเรื่องราวในหนังสือไม่น้อยเลย ที่ตัวเอกต้องไขปริศนาประวัติชีวิตของตัวเองเพื่อตามหาความจริงที่ถูกลืมเลือน และต้องทนทุกข์อันใหญ่หลวงมาตลอดทาง แต่นั่นน่ะมันเหนื่อยจะตาย”

“มีเหตุผลมาก” ถังซือพยักหน้า

“ที่จริง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าหากได้ตัวตนเดิมกลับคืนมา ผมกลัวว่าผมจะไม่ใช่ผมในปัจจุบันอีกต่อไป สำหรับผมในปัจจุบันแล้ว แทบจะเท่ากับผมถูก ‘ฆ่าตาย’ เสียด้วยซ้ำ”

นักพรตเฒ่าที่ฟังอยู่ด้านหลังรู้สึกสับสนมากจริงๆ

แม่งเอ๊ย หญิงชายนอกรีตสองคนนี้คุยจนติดงอมแงมไปแล้วละมั้ง แถมยังคุยถึงขั้นลึกซึ้งขนาดนั้น

ในที่สุดก็เดินมาถึงหน้าประตูห้องทดลองห้องนั้น ประตูห้องทดลองถูกปิดอยู่

“สุดท้ายเขาก็พาตัวเองวิ่งกลับเข้าตู้นิรภัยงั้นเหรอ” ถังซือถาม

“ผมไม่แน่ใจ”

‘แอ๊ด…’

ประตูผุพังเปิดออกอย่างช้าๆ พร้อมกับส่งเสียงเสียดสีแสบแก้วหู ดังก้องในศูนย์วิจัยแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง บางมุมในระยะไกลๆ ยังมีเสียงก้องสะท้อนออกมา ราวกับว่าดวงวิญญาณที่ตายไปแล้วยังคงโหยหวนอยู่

“คุณถัง เวลานี้เราใช้มือจริงๆ เปิดประตูได้ไหม เจ้าเปิดประตูแบบนั้นทีไรข้ารู้สึกตื่นตระหนกอยู่เสมอเลย”

นักพรตเฒ่าบ่นเบาๆ อยู่ข้างๆ

ถังซือมองนักพรตเฒ่าแล้วยักไหล่

“ถ้าฉันบอกคุณว่าเมื่อครู่นี้ฉันไม่ได้ใช้พลังจิต คุณจะยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกมากขึ้นหรือเปล่าล่ะ”

“…” นักพรตเฒ่า

ถังซือไม่รีบร้อนเดินเข้าไป แต่มองไปรอบๆ อีกครั้ง เธอมักจะรู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่ในที่มืดและกำลังเฝ้าดูตัวเองและคนอื่นๆ อยู่

“โจวเจ๋อ เหมือนว่าพวกเราจะมองข้ามปัญหาพื้นฐานที่สุดข้อหนึ่งไป โทษที ฉันไม่เคยจัดการปัญหาที่ซับซ้อนอย่างคุณมาก่อน ดังนั้นจึงมองข้ามมาโดยตลอดและคิดไม่ออกน่ะ”

“อะไร”

“นั่นก็คือ ในเมื่อคุณในปัจจุบันอยู่ที่นี่ คุณคือโจวเจ๋อ อย่างนั้นหมายความว่าช่วงแปดสิบปีมานี้ ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับคนคนนั้นที่อยู่ที่นี่แน่นอนใช่หรือเปล่า ไม่อย่างนั้น คุณจะมาจากที่ไหนกัน”

‘ปัง!’

ทันทีที่ถังซือพูดจบ เสียงทุ้มต่ำดังลอยมาจากด้านในห้องทดลอง

ถังซือจ้องเขม็ง ไม่สนใจถกปัญหาเมื่อสักครู่กับโจวเจ๋ออีกต่อไป และเดินตรงดิ่งเข้าไปในห้องทดลอง

ประตูตู้นิรภัยถูกปิดลงแล้ว และยังมีฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่รอบๆ ด้านบนของตู้นิรภัยมีรูขนาดเท่าใบหน้าคนอยู่

แต่ด้านล่างนั้นกลับมีซากศพที่เหลือแค่โครงกระดูกเท่านั้น ส่วนกะโหลกขาวยังคงขาวกว่าส่วนอื่นของร่างกาย คล้ายกับว่าเพิ่งขูดหินปูนมา

นักพรตเฒ่าหลบอยู่หลังโจวเจ๋อ และกำยันต์ไว้ในมือ แต่ดวงตาของเขาสอดส่องไปรอบๆ ซากศพนั้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็เอ่ยถามโจวเจ๋อ

กระจกบริเวณใกล้เคียงก็ถูกกระแทกจนแตกเช่นกัน เถาวัลย์เหล่านั้นปิดกั้นทางออกและซอกหลืบทั้งหมดของห้องทดลองนี้อย่างรวดเร็ว พวกมันไม่ได้โจมตี แต่เริ่มหลั่งของเหลวสีขาวข้นหนืดแทน ของเหลวสีขาวเหล่านี้มีกลิ่นที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงมาก เมื่อกระทบพื้นจะรู้สึกเหมือนกรดกำมะถันรั่วไหลออกมาอย่างไรอย่างนั้น

“บ้าเอ๊ย นี่มันตัวบ้าอะไรวะเนี่ย” นักพรตเฒ่ากลัวจนตัวเริ่มสั่นเทา

ฉากนี้ดูเหมือนว่าตัวเองและคนอื่นๆ เดินเข้าไปในท้องของดอกไม้กินคน ตอนนี้มันเตรียมจะย่อยตัวเองและคนอื่นๆ แล้ว

“น่าจะเป็นพืชที่ได้รับผลกระทบจากสถานที่แห่งนี้” ถังซือพูดพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่ใช่ มันเป็นสัตว์ประหลาดก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกว่ามันแปลกๆ เห็นๆ กันอยู่ว่าที่นี่ไม่มีร่องรอยวิญญาณเลยสักนิด แต่มักจะรู้สึกว่ามีตัวอะไรบางอย่างจ้องมองฉันอยู่ มันคือปีศาจ!”

‘เปาะแปะ…เปาะแปะ…’

ของเหลวสีขาวขุ่นรอบๆ เริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย และค่อยๆ เริ่มไหลเข้าใกล้โจวเจ๋อและคนอื่นๆ

“มันจะให้พวกเราเข้าไปในโพรงนั้น”

โจวเจ๋อชี้ไปข้างหน้าที่เป็นจุดที่หนูเพิ่งมุดกลับเข้าไป

“หยิ่งมาก พวกเรามาถึงที่นี่ แกไม่ออกมาเจอพวกเราก่อน แล้วยังอยากจะให้พวกเราเข้าไปกราบไหว้แกก่อนน่ะเหรอ”

ถังซือหลับตา จากนั้นก็ค่อยๆ ลืมตาอย่างช้าๆ

ในส่วนลึกของดวงตาเธอมีแสงสีม่วงกะพริบระยิบระยับอยู่ และเท้าทั้งสองข้างของเธอก็เหมือนกำลังลอยขึ้นไปเช่นกัน แน่นอนว่าระยะที่ลอยอยู่นั้นไม่สูงเท่าไร เพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น

จากนั้นลมก็พัดแรงขึ้น ชั่วขณะหนึ่งของเหลวสีขาวที่ไหลบนพื้นก็ลอยขึ้นเช่นกัน และลอยปลิวย้อนกลับไปสาดใส่บนตัวหนวดเหล่านั้นทั้งหมด

ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่ามันเป็นของเหลวที่หลั่งออกมาจากหนวดเหล่านั้น แต่ตอนนี้มันกลับสร้างความเสียหายให้กับพวกมันด้วยเช่นกัน ทันใดนั้น โจวเจ๋อเริ่มบิดและสลายหนวดที่มากมายหนาแน่นอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นมันก็เริ่มล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว กลิ่นของกลูเตนย่างตลบอบอวลอยู่ในอากาศ

ถังซือหลับตาลงอีกครั้ง สูดหายใจเข้าลึก

ร่างกายของเธอเซเล็กน้อย แต่ยังฝืนเอาไว้ เมื่อครู่นี้เธอรู้สึกว่าใช้พลังมากเกินไปหน่อย

‘กุกกักๆ…กุกกักๆ…”

เสียงเสียดสีชัดเจน เริ่มดังขึ้นมาจากโพรงด้านล่างเป็นระยะๆ ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวมาทางนี้

สิ่งนั้นมาแล้ว

เงาค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากโพรงด้านล่างอย่างเชื่องช้า เหมือนเป็นใบหน้ามนุษย์

นักพรตเฒ่าหยิบไฟฉายโทรศัพท์มือถือออกมาส่องตรงนั้น และก็เบิกตากว้างทันที

สิ่งที่โผล่ออกมาจากตรงโพรง คือใบหน้าครึ่งหนึ่งของมนุษย์ ส่วนใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งเหมือนถูกผ่าออกไปอย่างราบเรียบมาก และยังมีเงาแวววาวประหลาดๆ อีกด้วย

………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล