ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 235

ตอนที่ 235 รับลูกน้อง!

เป็นคนดีเหนื่อยจริงๆ ยิ่งเป็นคนดีที่ถูกนำมาเผยแพร่ในหนังสือยิ่งเหนื่อยไปกันใหญ่ เพราะนั่นหมายความว่าคุณจะต้องรักษาความสะอาดบริสุทธิ์และความสูงส่งของคุณเอาไว้ตลอดกาล ไม่อย่างนั้นพวกเกรียนคีย์บอร์ดที่ไม่เคยแคร์อะไรจะขุดคุ้ยประวัติดำมืดที่เกี่ยวกับคุณออกมาแน่นอน

ในทางตรงกันข้าม เป็นฝ่ายตัวร้ายสบายกว่ากันมาก เถ้าแก่โจวรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองสบายมาก กดขี่เพื่อนร่วมงานคนใหม่ลอกหนังออกมาทีละชั้น สะใจจริงๆ

“รังแกกันเกินไปแล้ว!” หลิวฉู่อวี่แบมืออก มีต้นอ่อนงอกออกมากลางฝ่ามือ เหมือนถั่วงอกที่งอกออกมา จากนั้นกลิ่นหอมอ่อนๆ ได้ตลบอบอวลกลางอากาศทันที

โจวเจ๋อกลั้นหายใจเมื่อรู้ตัว จ้องมองคนที่อยู่ตรงหน้าต่อ หรือจะพูดให้ถูกคือจ้องมองพืชที่งอกออกมาจากฝ่ามือของอีกฝ่าย

ยมทูตทุกตนล้วนมีความสามารถเฉพาะตัวเป็นของตัวเอง เช่น เล็บของตัวเองกับการดัดเสียงของสาวน้อยโลลิ ส่วนไอ้หมอนี่ได้ปลูกอะไรไว้ในร่างกายของเขาอย่างเห็นได้ชัด จึงสามารถอธิบายได้ว่าทำไมก่อนหน้านั้นหลิวฉู่อวี่ถึงได้อดทนเก่งขนาดนี้ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้รับผลกระทบด้านความคิดและอารมณ์ได้ง่าย แต่พืชกลับสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายมุ่งไปหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้อย่างใจเย็น บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับพืชที่อยู่ในร่างกายนี้ ทำให้หลิวฉู่อวี่ยอมอดทนครั้งแล้วครั้งเล่า

“ตัวใหญ่รังแกตัวเล็กใช่ไหม ผมอยากจะดูเหมือนกันว่าคุณคู่ควรหรือไม่!” ถั่วงอกที่อยู่กลางฝ่ามือของหลิวฉู่อวี่งอกยาวขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน เถาวัลย์และวัชพืชเริ่มแทรกไปตามช่องต่างๆ ทั้งด้านในและด้านนอกร้านหนังสือ เขียวชอุ่มเจริญงอกงาม กลายเป็น ‘ร้านหนังสือรักษ์โลกสีเขียว’ ของแท้

เถาวัลย์แต่ละเส้นงอกยาวขึ้นมา แล้วตวัดไปทางพื้นที่ที่โจวเจ๋ออยู่ ไป๋อิงอิงเดินหน้าก่อน ใช้สองมือคว้าเถาวัลย์สองสามเส้นแล้วกระชากลงมาบิดหักเป็นท่อนๆ แต่เถาวัลย์ที่แตกหักกลับงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เหมือนพลาสเตอร์หนังหมาที่พันรอบตัวไป๋อิงอิงไม่หยุด ไป๋อิงอิงไม่สามารถหลุดออกได้ไปชั่วขณะหนึ่ง

นักพรตเฒ่าถูกเถาวัลย์พันรอบจนกลายเป็นบ๊ะจ่างสีเขียวไปแล้ว แม้แต่เจ้าลิงน้อยก็ยังถูกพันจนกลายเป็นลูกบอลกลิ้งไปกลิ้งมา

เดดพูลที่นั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งก็ถูกพันเหมือนกัน แต่เขามองซ้ายแลขวาไม่หยุดด้วยความมึนงง ดูเหมือนเขากำลังพิจารณาว่า พืชเหล่านี้เป็นพืชของร้านหนังสือหรือเป็นสิ่งสกปรกจากด้านนอกกันแน่

ขณะที่กำลังพิจารณาปัญหาเหล่านี้ บางทีก่อนที่โจวเจ๋อจะออกคำสั่ง เดดพูลคงต้องสับสนแบบนี้ต่อไป ชาติที่แล้วเขาเป็นบาทหลวงที่เจ้าเล่ห์มากคนหนึ่ง สามารถพูดได้ว่าฉลาดแกมโกง แต่ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นไอ้งั่งแต่กำเนิด ต้องพูดว่าเป็นการเยาะเย้ยที่น่าสนุกอย่างหนึ่ง

นี่ไม่ใช่คาถาโจมตีอะไร อาจจะใช้เพื่อถ่วงเวลาและป้องกันตัวเท่านั้น หรือไม่ก็ไอ้หลิวฉู่อวี่นี่ยังฝึกพืชเหล่านี้ไม่ชำนาญพอ ดังนั้นจึงยังเห็นผลไม่ชัดเจน

แต่อย่างน้อยก็พูดได้ว่า มันมีผลในการขัดขวางจริงๆ ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่า หลิวฉู่อวี่ไม่คิดจะพุ่งเข้าชน เขาแค่อยากหาโอกาสหนีออกจากที่นี่เท่านั้น หนีกลับไปฉางโจว ถึงตอนนั้นที่ฉางโจวยังมียมทูตอีกสองสามตน ถ้าหากโจวเจ๋ออยากไปหาลูกน้องที่ฉางโจว จะต้องกระตุกต่อมโกรธของยมทูตในมณฑลเจียงซูตอนใต้อย่างแน่นอน

โจวเจ๋อพ่นควันบุหรี่ออกมา หลิวฉู่อวี่ยังไม่กลับ เขากลับไม่ได้ เพราะเถาวัลย์ของเขาได้พันคนอื่นๆ ในร้านหนังสือหมดแล้ว แต่ขาดโจวเจ๋อแค่คนเดียว

โจวเจ๋อยังคงนั่งอยู่ในที่นั่นอย่างสบายใจเฉิบ และเถาวัลย์พวกนั้นก็ไม่กล้าเข้าใกล้ตัวเขา ความหวาดกลัวความตื่นตระหนก ความหวาดผวา อารมณ์แหล่านี้ได้พรั่งพรูออกมาจากแก่นของเถาวัลย์ส่งผ่านเข้าไปในหัวของหลิวฉู่อวี่อย่างชัดเจน

“เหอะๆ ผมบอกแล้วว่า พวกเรามีวาสนาต่อกัน” โจวเจ๋อหัวเราะ

ภายในศูนย์วิจัยใต้ดิน เขาได้กินผลที่อยู่ในรากไม้เก่าแก่เข้าไป แล้วรากไม้เก่าแก่เป็นใคร ก็คือปีศาจยักษ์ตนหนึ่งนั่นเอง

ของเล่นเด็กที่เพิ่งงอกออกมาจากหลิวฉู่อวี่ จะกล้าเหิมเกริมกับเขาได้อย่างไร นี่เป็นเหตุผลเดียวกับในตอนแรกที่ไป๋อิงอิงกลัวกลิ่นอายของผีดิบที่แผ่ออก มาจากตัวเขามาก คนเรามีหลายครั้งที่ชอบตะโกนว่า‘กษัตริย์ อำมาตย์ ขุนพล เป็นกันเพราะชาติกำเนิดอย่างนั้นเหรอ’ เพื่อก่อกบฏ แต่สำหรับปีศาจและสิ่งมีชีวิตประเภทอื่น ระดับของสายเลือดมีแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวมากเกินไปจริงๆ

โจวเจ๋อทิ้งก้นบุหรี่แล้วเหยียบด้วยฝ่าเท้าอย่างแรง จากนั้นลุกขึ้นตบสองมือเบาๆ

“ตอนเด็กเคยดู ‘โปเกมอน’ ถ้าหากอยากจะปราบโปเกมอนสัตว์ป่า จะต้องจัดการมันให้ใกล้ตายก่อนแล้วถึงจะปราบมันได้ การรับลูกน้องในละครโทรทัศน์ทั่วไปก็ใช้หลักการเดียวกัน ต้องอัดมันให้น่วมก่อน แล้วลูกน้องถึงจะยอมแพ้”

“หงุงหงิงๆๆ…” ไป๋อิงอิงถึงแม้จะถูกเถาวัลย์สีเขียวรัดแน่นลำบากมาก แต่นางก็ยังให้ความร่วมมือกับเถ้าแก่ของตัวเองเพื่อบอกว่าตัวเองก็ถูกเถ้าแก่ปราบมาแล้วเหมือนกัน

โจวเจ๋อหันหน้าไปมองหลิวฉู่อวี่ “พวกเรามาสู้กันหนึ่งตา จริงๆ แล้วเป็นลูกน้องของผมก็ไม่เลว อย่างเช่นหลินเข่อ ก็คือยมทูตเก่าแก่ของเมืองทงเฉิงคนนั้น เธอพูดตลอดว่า ขอสนับสนุนให้ผมเป็นผู้จับกุม และยินดีเป็นลูกน้องของผม นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตของเธอแล้ว แล้วก็ยมทูตอีกหนึ่งคนที่ทงเฉิง เป็นน้องสาวภรรยาของผมเอง ความสัมพันธ์ของผมกับพวกลูกน้องของผมถือว่าดีมาก ทุกคนที่เดินตามผมต่างมีความสุขกันถ้วนหน้า”

โจวเจ๋อพูดจนเกือบจะเชื่อตัวเองแล้ว รู้สึกว่าตัวเองเป็นเถ้าแก่ที่ดี เป็นลูกพี่ที่ดี

สีหน้าของหลิวฉู่อวี่เปลี่ยนไปมาพักหนึ่ง วินาทีต่อมา เขาจึงเก็บต้นอ่อนที่อยู่กลางฝ่ามือกลับไป หมุนตัวไม่คิดจะเดินออกไปทางประตูแล้ว แต่เตรียมจะพังกระจกโดยตรง

โจวเจ๋อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะพังกระจก จึงไม่รีรอ เมื่อวานตอนเย็นเขาที่ขโมย ‘กรงเล็บมังกร’ ออกมา เกือบทำให้สิ่งที่อยู่ภายในร่างตื่นขึ้น ถึงแม้สุดท้ายจะยับยั้งได้สำเร็จ แต่ก็ทำกระจกในร้านหนังสือรวมทั้งหน้าจอต่างๆ พังจนหมด

ตัวเขาตื่นขึ้นมาตอนบ่าย แต่ไม่มีใครบ่นเลย นักพรตเฒ่าหยิบเงินส่วนกลางจ้างช่างมาเปลี่ยนกระจกใหม่ จากนั้นก็ซื้อโทรทัศน์ที่ดีกว่าแพงกว่า ส่วนไป๋อิงอิงก็อดใจไม่ไหวเปลี่ยนหน้าจอคอมพิวเตอร์ใหม่ที่แพงกว่า

ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเงินกองกลาง ทุกคนจึงไม่มีข้อคิดเห็นอะไร ถือเสียว่าเพิ่มระดับคุณภาพชีวิตล่วงหน้าก็แล้วกันแต่เงินที่ใช้เป็นเงินของเถ้าแก่โจว เถ้าแก่โจวเสียใจจริงๆ และกระจกบานนี้ก็เพิ่งเปลี่ยนเมื่อตอนกลางวัน แต่คุณจะพังให้ผมดูอีกเหรอ สงสัยคงจะดูละครโทรทัศน์และภาพยนตร์มากเกินไป ไม่เดินออกทางประตูแต่ชอบกระแทกกระจก

โจวเจ๋อโบกมือ จากนั้นเล็บทั้งห้านิ้วก็งอกยาวออกมาทันที สายลมหยินพัดมาเป็นระลอก แรงดึงดูดที่น่ากลัวแนบติดตัวของหลิวฉู่อวี่ทันที หลิวฉู่อวี่เพิ่งจะกระโดดยังไม่โดนกระจก ทั้งตัวของเขาก็ถูกลากกระเด็นออกมา กระแทกลงบนพื้นอย่างแรง

โจวเจ๋อรีบเดินไปข้างหน้า หลิวฉู่อวี่แบมือทั้งสองข้าง เถาวัลย์หลายเส้นงอกยาวออกมาจากร่างกายของเขาพยายามจะรัดโจวเจ๋อเอาไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล