ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 25

ตอนที่ 25 เพลิงไหม้

“คุณเป็นอะไร” โจวเจ๋อขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาก็ได้กลิ่นไหม้เหมือนกัน

“ไม่เป็นไร ข้าปวดฉี่ เจ้ากลับไปก่อน!”

นักพรตเฒ่าพูดจบ รีบหมุนตัววิ่งออกไปข้างนอกทันที

โจวเจ๋อมองมือของตัวเอง แล้วก็ไม่ได้วิ่งไปถามอะไร จากนั้นจึงเรียกแท็กซี่กลับไปที่ร้านหนังสือ

นักพรตเฒ่ามาถึงถนนข้างทาง ยื่นมือหยิบกระดาษยันต์ใบหนึ่งออกมาจากเป้ากางเกง กระดาษเปลี่ยนเป็นสีแดงและสลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปตามสายสม จากนั้นก็ลอยกระจายออกไป

นี่คือกระดาษยันต์ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของนักพรตเฒ่า แต่ทำไมถึงซ่อนที่ตำแหน่งนี้ ไม่จำเป็นต้องบอกคนนอกให้รู้

ทว่าฉากเมื่อครู่ ได้ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของนักพรตเฒ่าแล้ว

แน่นอนว่า พอก้มมองลูกวอลนัทที่โดนความร้อนจนเกร็งติดกันแล้ว

อันที่จริง ได้ประทับอยู่บนกายเนื้อของตัวเองเช่นกัน

“แม่งเอ๊ย เถ้าแก่ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าข้าจะได้เจอคนบ้านเดียวกันในเมืองทงเฉิงที่อยู่ห่างออกไปสองพันกิโลเมตร”

ท่ามกลางความมืดมิด

บางทีอาจจะมีการสื่อจิตถึงกันบางอย่าง

ยกตัวอย่างเช่นตอนที่โจวเจ๋อดูการไลฟ์สดของนักพรตเฒ่า แล้วเห็นเด็กหนุ่มที่นั่งกินโจ๊กอย่างลำบากอยู่หลังเคาน์เตอร์ร้านขายของจิปาถะสำหรับคนตาย แล้วจึงเกิดความรู้สึกผูกพันบางอย่าง อย่างบอกไม่ถูก

นั่นไม่ใช่เพราะเป็นโรคเบื่ออาหารง่ายๆ แบบนั้น

จริงๆ แล้ว พวกเขาเดิมทีก็เป็นคนประเภทเดียวกัน

บนโลกใบนี้ เขาไม่ได้เป็นเพียงสิ่งเดียวหรือพวกนอกกลุ่มที่ฉายเดี่ยวอย่างแน่นอน

ก็เหมือนในนรกที่ผีสาวไร้หน้าแผดเสียงอย่างไม่ยินยอมแบบนั้น

“ทำไมคุณถึงหนีไปจากฉัน”

นี่หมายความว่า ไม่ใช่เพียงแค่โจวเจ๋อเท่านั้น ก่อนหน้านั้นก็มีคนเคยจากไปต่อหน้าผีสาวไร้หน้ามาก่อน

บวกกับโจวเจ๋อได้ช่วยชีวิตชายชราเล็บดำจากอุบัติเหตุรถชน

บนโลกใบนี้ ไม่มีอะไรที่เงียบสงบเหมือนที่คิดไว้จริงๆ

หลังจากกลับมาถึงร้านหนังสือ ก็เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว โจวเจ๋อเก็บกวาดเศษกระจกบนพื้นในห้องน้ำจนเรียบร้อยจากนั้นก็ไปต้มน้ำร้อนสองสามกาแล้วพยายามฝืนใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัว

เขาตัดสินใจว่าวันพรุ่งนี้จะให้คนมาติดตั้งฝักบัวจะได้สะดวกยามที่ตัวเองอาบน้ำ สำหรับคนที่รักอนามัยระดับหนึ่งแล้ว หากไม่ได้อาบน้ำ เป็นโทษที่ทรมานอย่างหนึ่ง

กลับมาที่ชั้นสอง เมื่อติดตั้งอุณหภูมิตู้แช่แล้ว โจวเจ๋อก็นอนลงไปแล้วหลับตา เตรียมตัวบอกลาความเหนื่อยล้ามาทั้งวันรวมทั้งสิ่งที่กวนใจทุกอย่างในวันนี้เช่นกัน

การนอนหลับครั้งนี้ นอนหลับสบายไร้ความกังวลเป็นอย่างมาก

หลับสนิทตลอดคืน

วันต่อมาในตอนเช้า โจวเจ๋อออกมาจากตู้แช่แล้วไปล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นก็เปิดร้าน แล้วเหลือบมองไปข้างๆ หนึ่งที

ร้านข้างๆ วันนี้ปิดร้านอีกแล้ว

ส่วนทางหมอหลินยังไม่ติดต่อเป็นการชั่วคราว

ภรรยาไม่อยู่แล้ว

ตอนนี้แม้แต่เขาก็ไม่อยู่เช่นกัน

โจวเจ๋อส่ายหน้า ให้ตายเถอะ ตัวเองเกิดความคิดแบบนี้ได้อย่างไร

สวีเล่อร้ายกาจเหี้ยมโหดจริงๆ

ใช่แล้ว ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ

จากเมื่อวานจนถึงตอนนี้ ยังไม่ได้กินอะไรเลย โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วสั่งอาหารดิลิเวอรี พร้อมระบุให้ทางร้านแถมน้ำส้มสายชูมาเยอะหน่อย

รอประมาณยี่สิบนาที เด็กหนุ่มใส่ชุดสั่งอาหารดิลิเวอรีสีเหลืองคนหนึ่งขี่จักรยานไฟฟ้าเข้ามา จากนั้นอีกฝ่ายได้ผลักประตูร้านเข้ามาโดยตรง พร้อมกับยื่นอาหารดิลิเวอรีให้กับโจวเจ๋อที่นั่งอ่านหนังสืออยู่หลังเคาน์เตอร์

“ขอบคุณครับ ไม่ง่ายเลยจริงๆ วันตรุษจีนแล้วยังต้องส่งอาหารอีก” โจวเจ๋อกล่าวด้วยความเกรงใจ

“คุณก็ไม่ง่ายเหมือนกันครับ วันตรุษจีนก็ยังต้องกินอาหารดิลิเวอรี” เด็กหนุ่มส่งอาหารตอบกลับไปตามตรง

“…” โจวเจ๋อ

โจวเจ๋อรู้สึกว่าเหมือนหัวเข่าของตัวเองถูกยิงด้วยลูกศรหนึ่งดอก เงยหน้ามองเด็กหนุ่มส่งอาหารที่อยู่ตรงหน้าหนึ่งทีอย่างตั้งใจ อีกฝ่ายยังเด็กมาก ดูแล้วน่าจะอายุเพียงยี่สิบปีต้นๆ เห็นจะได้

“ที่นี่ของคุณคือร้านหนังสือเหรอครับ” เด็กหนุ่มส่งอาหารมองไปรอบๆ ร้านหนังสือ “สามารถนั่งอ่านหนังสือได้แบบนั้น เท่าไรครับ”

“อ่านแล้วค่อยจ่าย” โจวเจ๋อเปิดถุงอาหารดิลิเวอรี

“ได้เลย”

เด็กหนุ่มส่งอาหารนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติก หาหนังสือ ‘สัประยุทธ์ทะลุฟ้า’ เล่มหนึ่งแล้วอ่าน จากนั้นก็อ่านอย่างเพลิดเพลิน

โจวเจ๋อดื่มน้ำส้มสายชูที่แถมมาจากร้านนี้รวดเดียวหมด ดูเหมือนจะเป็นเพราะช่วงนี้ดื่มน้ำบ๊วยรสชาติสุดแปลกของสวี่ชิงหล่างจนชิน ดังนั้นโจวเจ๋อรู้สึกว่าน้ำส้มสายชูทั่วไปแบบนี้ ไม่มีความรู้สึกอะไร

จากนั้นก็กินอย่างมูมมาม ตอนที่กินไปได้ครึ่งหนึ่ง ความรู้สึกคลื่นไส้ก็เริ่มโจมตี

โจวเจ๋อใช้สองมือบีบลำคอของตัวเอง พยายามไม่ให้ตัวเองอาเจียนออกมา สุดท้ายหลังจากอาการนิ่งทื่ออันน่ากลัวผ่านพ้นไป ความรู้สึกคลื่นไส้ก็เริ่มลดถอยลง โจวเจ๋อเช็ดมุมปาก จากนั้นก็เริ่มไอแรงๆ ขึ้นมา

“พี่ชาย ค่อยๆ กินครับ หากใช้คำของย่าผมบรรยายการกินแบบนี้ของคุณ ก็เหมือนกับผีตายโหงกลับชาติมาเกิดใหม่”

เด็กหนุ่มส่งอาหารพูดพร้อมกับอ่านหนังสือไปด้วย

โจวเจ๋อขึงตามองอีกฝ่าย แล้วนั่งลงบนเก้าอี้หายใจหอบ เขาจำเป็นต้องปรับการหายใจ

ไอ้บ้าสวี่ชิงหล่าง

ทำไมยังไม่เปิดร้าน!

โจวเจ๋อตัดสินใจ ถ้าหากตอนบ่ายอีกฝ่ายยังไม่เปิดร้านอีก ตัวเองคงต้องทุบประตู แล้วเข้าไปหาน้ำบ๊วยหรือน้ำมะระที่เหลือมากินให้ได้ ไม่อย่างนั้นคงกินข้าวมื้อนี้ต่อไปไม่ไหว

เด็กหนุ่มส่งอาหารเหมือนจะหยุดรับออเดอร์แล้ว เพราะนั่งอ่านนิยายอยู่ตรงนั้นมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว

“เอ๊ะ ทำไมมีกลิ่นเหม็นเหมือนแก๊สไหม้” เด็กหนุ่มส่งอาหารรู้สึกเหม็น จากนั้นจึงเดินออกไปนอกร้านหนังสือ

โจวเจ๋อไม่ได้สนใจอะไร อีกฝ่ายคงแค่อยากอ่านหนังสือแต่ไม่ยอมจ่ายเงิน ก็ไม่เป็นไร

ร้านหนังสือแห่งนี้ การทำกำไรยังต้องปล่อยให้เป็นไปตามพรหมลิขิต

แต่ต่อจากนั้น เด็กหนุ่มส่งอาหารที่เพิ่งเดินออกไปข้างนอกอ้าปากค้างทันที แล้วตะโกนว่า

“เฮ้ย ไฟไหม้”

โจวเจ๋อเพิ่งเริ่มสังเกต รีบเดินออกไปนอกร้านหนังสือทันที เงยหน้ามองด้วยแววตาที่สงสัยในทันใด ชั้นที่สี่ของตึกใหญ่ มีกลุ่มควันพุ่งออกมาจากข้างใน

นี่คือตำแหน่งของโรงภาพยนตร์!

ศูนย์การค้าแต่เดิม ตอนนี้ที่ยังพอได้รับความนิยมอยู่บ้าง ก็คือโรงภาพยนตร์แห่งนั้น และเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุดตรุษจีน ดังนั้นคนที่มาดูหนังที่นี่จึงเยอะมาก

“ไป ไปช่วยคน” เด็กหนุ่มส่งอาหารวิ่งไปที่นั่นโดยตรง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล