ตอนที่ 268 การกลับมา! (1)
เงินเป็นของนักพรตเฒ่า เขาอยากจะใช่จ่ายอย่างไรก็แล้วแต่เขา โจวเจ๋อจึงไม่พูดอะไรอีก และเขาก็ไม่มีสิทธิ์พูดแทรก อย่างไรเสียถึงแม้นักพรตเฒ่าจะเป็นลูกน้องของตัวเอง แต่ไม่เคยรับเงินจากตัวเองสักแดงเดียว และบางครั้งเวลาที่โจวเจ๋อ ‘ไปทำธุระต่างเมือง’ นักพรตเฒ่ายังต้องออกเงินบางส่วนของตัวเองอีกต่างหาก
นอกจากนี้ คนเนรคุณพวกนั้น หรือการพูดเรื่องคุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่าอะไรพวกนั้น พูดกับนักพรตเฒ่ามากเกินไปก็ไม่มีประโยชน์
เขาเป็นคนที่มีชีวิตมาเจ็บสิบปีแล้ว เดินทางไปทั่วทิศจะไม่มีประสบการณ์อะไรเลยเหรอ พวกสามลัทธิเก้าอาชีพ เขาไม่เคยเจอคนประเภทไหนบ้าง และเขาก็ไม่ใช่คนแก่ที่จะถูกหลอกเรื่องถูกรางวัล บางทีจิตใจของคนเราก็เหมือนกระจกที่ใสสะอาดจริงๆ แล้วยากที่จะได้ทำตัวเลอะเลือนสักครั้ง
เมื่อรอให้นักพรตเฒ่าโอนเงินเสร็จแล้ว โจวเจ๋อจึงเข็นรถเข็นของนักพรตเฒ่ากลับมาที่ร้านหนังสือของเขา ระหว่างทางตอนที่นักพรตเฒ่าผ่านร้านสะดวกซื้อได้ซื้อขนมกลับมาให้เจ้าลิงด้วย
หลังจากกลับมาที่ร้านหนังสือ โจวเจ๋อล้างมือให้สะอาดและฆ่าเชื้อทั้งสองมือ แล้วจึงเปลี่ยนไปใส่เสื้อกาวน์มาตรวจอาการของนักพรตเฒ่า สวี่ชิงหล่าง รวมทั้งไป๋อิงอิงทีละคน เมื่อรอให้ตรวจเสร็จก็เป็นเวลาพลบค่ำพอดี
โจวเจ๋อถอดเสื้อกาวน์ออก ถอนหายใจยาวโล่งอก แล้วเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ
กลัว แน่นอนว่ากลัวอยู่แล้ว
คืนนั้นเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ตัวเขาเกือบจะกลายเป็นคน ‘หัวเดียวกระเทียมลีบ’ แล้วจริงๆ ชาติที่แล้วตัวเขาถูกเผาวายวอดแทบไม่เหลืออะไร ชาตินี้กว่าจะได้ใช้ชีวิตใหม่ก็ไม่ง่าย แต่ชายชราคนนั้นเกือบจะทำให้ชีวิตของเขาต้อง ‘เริ่มจากศูนย์’ อีกครั้ง
เมื่อสัมผัสถึงความรู้สึกแปล๊บๆ บนใบหน้าของตัวเอง โจวเจ๋อจึงส่ายหน้าหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเพื่อเช็ดหน้าตัวเองแต่ในเวลานี้โจวเจ๋อกลับเห็นเงาดำปรากฏขึ้นมาในกระจก ผ้าขนหนูในมือของโจวเจ๋อร่วงลงไปในพริบตา
เขาหมุนตัว ด้านหลังของเขาไม่มีคนเลยด้วยซ้ำ เมื่อหันกลับมาอีกที เงาดำในกระจกก็หายไปแล้วเช่นกัน ไม่ใช่ภาพลวงตา เป็นภาพลวงตาไม่ได้ ตอนนี้โจวเจ๋อมั่นใจ ‘หัวใจ’ ของตัวเองเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยอ่อนแอถึงขั้นเห็นเงาคันศรในจอกเหล้าเป็นงู[1]
เขาผลักประตูห้องน้ำ แต่ยังไม่เดินออกมา จากนั้นเสียงคนแก่ที่คุ้นเคยก็ดังมาจากด้านในห้องน้ำ
“ตามหาผมอยู่เหรอ”
ครั้งนี้โจวเจ๋อไม่หันกลับไป แต่หันตัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ใช่ครับ” เขายังไม่ตายจริงๆ คนนั้นที่อยู่ในร่างกายของตัวเองพูดถูก เขาไม่ตาย เขาปรากฏตัวอีกแล้ว
โจวเจ๋อรู้สึกประหลาดใจ เดิมทีเขาคิดว่าคนนั้นที่อยู่ภายในร่างกายของตัวเองถึงแม้จะไม่ได้ฆ่าเขาให้สิ้นซาก แต่อย่างน้อยก็สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะไม่ปรากฏตัวอีกในระยะเวลาอันสั้นนี้ แต่ใครจะคิดว่า เพิ่งจะผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น เขากลับมาแล้ว ช่างเป็นวิญญาณที่ตามหลอกหลอนจริงๆ
แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะแตกต่างออกไป คืนนั้นตอนที่ตัวเองเผชิญหน้ากับชายชราคนนี้ สามารถสัมผัสได้ถึงความยึดติดถึงขั้นสุดโต่งที่กระจายออกมาจากตัวของอีกฝ่าย แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายกลับมีจิตที่บริสุทธิ์สะอาดมากเกินไปเหมือนถูกชำระล้างจิตใจมาแล้ว
เดิมทีเป็นน้ำส้มสายชูเก่า แต่ตอนนี้เป็นน้ำที่ใสสะอาดแล้ว ทว่าชายชราก็คือชายชราอยู่วันยังค่ำ การปรากฏตัวของเขาลึกลับมาก สิ่งที่เขาประสบพบเจอก็ลึกลับมากเช่นกัน กระทั่งการตายของเขาก็ลึกลับเป็นอย่างยิ่ง
คนนั้นที่อยู่ภายในร่างกายของตัวเองได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ‘เขายังไม่ตาย’ แล้วหลับใหลไปอีกครั้ง ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความพิเศษของเขา ไม่อย่างนั้นด้วยลักษณะพิเศษของคนผู้นั้น จะต้องโดนถอนรากถอนโคนไปแล้วแน่นอน
เขาไม่สนว่าจะเจอปัญหาใหญ่แค่ไหน ถึงแม้จะอยู่ในช่วงฟื้นฟูก็ตาม แต่กลิ่นอายที่คิดว่าตัวเองยอดเยี่ยมที่สุดในโลกของของชายชราได้ระเบิดออกมาแล้ว เขาไม่สนใจใครอย่างสิ้นเชิง ไม่รู้จักการวางตัวยิ่งกว่าเห้งเจียใน ‘ไซอิ๋ว’ เสียอีก
“คุณฆ่าผม ดังนั้นผมจึงอยากมาหาคุณ แต่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ดูเหมือนคุณจะไม่รู้สึกตกใจกับเรื่องที่ผมยังไม่ตาย”
“คุณเหมือนขนมหนิวผีติดหนึบจริงๆ” โจวเจ๋อพูดอย่างจนใจ
“เหอะๆ” ชายชราหัวเราะ จากนั้นเสียงของเขาจึงเปลี่ยนไปจากใกล้เป็นไกล
โจวเจ๋อเงยหน้าเห็นเงาร่างของชายชรายืนอยู่หน้าประตูร้านหนังสือ ดูเหมือนเขากำลังรอโจวเจ๋อ โจวเจ๋อจึงเดินเข้าไปแล้วผลักประตูร้านออก
“ผมตายนานแล้ว ก่อนที่คุณจะฆ่าผม ผมได้ตายไปแล้ว” ชายชราพูดอย่างเงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง
เขายังคงใส่เสื้อคลุมสีเขียวตัวใหญ่เหมือนเดิม ใส่รองเท้าปลดแอกที่ยังเปื้อนโคลนและดูคับเล็กน้อยเหมือนเดิม มาพร้อมกับใบหน้าที่ดูซื่อๆ และเขินอายของเขา
แต่ชายชราสภาพแบบนี้ เกือบจะฆ่าทุกคนในร้านหนังสือยกเว้นโจวเจ๋อเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ถ้าหากโจวเจ๋อเป็นยมทูตธรรมดา ทุกอย่างคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
โจวเจ๋อเดินออกจากร้านหนังสือ
“ผมตายไปแล้ว”
รถเมล์จอดป้ายถัดไป มีคนกลุ่มหนึ่งเดินขึ้นมา หญิงชราอายุประมาณหกสิบปีคนหนึ่งเดินเข้ามาข้างใน แล้วยืนอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อ รถเมล์เริ่มเดินไปข้างหน้า ขบวนรถก็เริ่มสั่น
“คุณลุกขึ้น ฉันขอนั่งหน่อย ฉันปวดขาจะตายอยู่แล้ว” หญิงชราที่ยืนอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อพูดกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะได้ยินแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเธอหลับตาตลอดทาง ตอนที่หญิงชราเดินเข้ามา เธอก็ยังหลับตาอยู่เธอไม่อยากให้ที่นั่ง แต่รู้สึกว่าไม่ให้คนแก่นั่งจะดูไม่ดี ดังนั้นเธอจึงแสร้งทำเป็นว่าตัวเองมองไม่เห็น
หญิงสาวมีถุงพลาสติกใบหนึ่งอยู่ข้างๆ ในนั้นน่าจะใส่ยูนิฟอร์มของพนักงานที่ทำงานในห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ เธอน่าจะยืนมาทั้งวันแล้วเพิ่งเลิกงานกลับบ้าน และรู้สึกเหนื่อยมากเหมือนกัน
“นี่ ฉันพูดกับเธออยู่นะ” หญิงชรายื่นมือดึงเส้นผมของหญิงสาวคนนั้น หญิงสาวลืมตาด้วยความงุนงง ดูเหมือนเธอจะคาดคิดไม่ถึงว่าหญิงชราคนนั้นจะรุกมากขนาดนี้
“เธอเข้าใจไหมอะไรเรียกว่ามารยาท อะไรเรียกว่าเคารพผู้ใหญ่และเมตตาเด็ก ฉันอายุขนาดนี้ เดินมาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว เธอยังแกล้งหลับทำเป็นมองไม่เห็นอีก อายบ้างไหม บ้านของเธอไม่มีคนแก่หรือไง ตอนเธอเป็นเด็กไม่มีใครสั่งสอนให้รู้จักการวางตัวเหรอ”
หญิงสาวอดกลั้นจนหน้าแดง แต่เธอก็ยังลุกขึ้นยืนเพื่อให้หญิงชรานั่ง หญิงชราเหมือนไก่ตัวผู้ที่ตีชนะ เชิดหน้านั่งลงไป จากนั้นเริ่มนวดขาของตัวเอง แต่เธอยังพูดไม่หยุดปาก “ฉันจะช่วยสั่งสอนแทนพ่อแม่ของเธอ สอนให้เธอรู้จักการเป็นคน เธอยังไม่ได้แต่งงานใช่ไหม ถือเสียว่าฉันสอนการวางตัวเวลาอยู่ในครอบครัวบ้านสามีให้เธอ หนุ่มสาวสมัยนี้ แต่ละคนไม่รู้จักมารยาทเลย ไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่และรักเด็ก หากสังคมเป็นแบบนี้ต่อไปจะทำยังไง”
คนบนรถจำนวนไม่น้อยเบนสายตามาทางนี้ หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ หน้าแดงมากขึ้น ตอนที่ลงจากรถ หญิงสาวแทบจะกระโดดลงจากรถก็ว่าได้ เธอเบ้าตาแดงเห็นได้ชัดว่ากำลังอดกลั้นน้ำตาของตัวเอง
“เหอะ” เมื่อเห็นหญิงสาวลงจากรถแล้ว หญิงชราเหมือนยังพูดไม่จบและรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย รถเมล์เริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง ทันใดนั้นโจวเจ๋อไม่เห็นชายชราแล้ว เขาไปไหนแล้ว โจวเจ๋อสาบาน เมื่อกี้เขาจ้องมองชายชราตลอด แต่ชายชราคนนั้นเหมือนหายตัวไปในชั่วพริบตา เขายังพูดไม่จบ แต่หลอกตัวเองให้ขึ้นรถเมล์ก็จบแล้วเหรอ จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยว่าเขาอยากจะพูดอะไรกันแน่
“นี่” เสียงของชายชราดังขึ้น
โจวเจ๋อมองไปตามเสียง พบว่าออกมาจากหญิงชราคนนั้น ตอนนี้หญิงชราหันหน้ามองไปนอกหน้าต่าง เส้นผมบางตาของเธอพัดกระจายออก เผยให้เห็นใบหน้าที่เหี่ยวย่นของชายชราที่อยู่ด้านหลังศีรษะของเธอ ชายชรากำลังยิ้มโชว์ฟันสีเหลือง เขาหัวเราะอย่างมีความสุขมาก หัวเราะอย่างอิ่มอกอิ่มใจ ขณะเดียวกันได้เอ่ยว่า “ตอนนี้รู้หรือยัง ทำไมผมตายแล้วแต่กลับไม่ตาย”
………………………………………………………………….
[1] เห็นเงาคันศรในจอกเหล้าเป็นงู หมายถึง ระแวงมากจนประสาทเสีย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล