ตอนที่ 288 ฝันร้ายบนปลายปากกา!
ฝั่งนั้น เถ้าแก่โจวยังคงบีบคั้นคนในกระจกอยู่ให้จุกอกตายอยู่
ฝั่งนี้ อิงอิงที่น่ารัก เฉียบแหลม ไหวพริบดี เฉลียวฉลาด ใครเห็นก็ถูกชะตา ใครเห็นก็รักใคร่พบเจอเบาะแสที่อยู่ในนั้นตั้งนานแล้ว!
นางรีบลุกขึ้นไปที่ชั้นบน ผลักประตูห้องหนังสือออกและเริ่มค้นหาบนโต๊ะทำงานทันที
โดยทั่วไปแล้วปากกาใช้สอยในบ้านนั้น ตำแหน่งที่มีแนวโน้มจะหาเจอมากที่สุดก็คือในห้องหนังสือนี่แหละ แน่นอนว่าสามารถหาเจอได้ที่ห้องนอนของเด็กๆ ด้วยเช่นกัน แต่ว่าในเมื่ออาศัยอยู่บ้านหรูหลังใหญ่ พวกเด็กๆ ก็น่าจะมีห้องหนังสือของตัวเองด้วยใช่หรือไม่
ไป๋อิงอิงหาไปด้วยและครุ่นคิดตามไปด้วย แต่ทว่าบนโต๊ะหนังสือสะอาดมาก แม้แต่ในลิ้นชักก็ไม่มีร่องรอยของปากกาอยู่เลย
เคยเกิดเหตุการณ์ฆ่าตัวตายที่นี่มาก่อน ฝ่ายตำรวจก็เคยมาตรวจสอบความเรียบร้อยอยู่หลายครั้งหลายครา ของมีค่าหรือสิ่งที่น่าสงสัยใดๆ ต่างก็ถูกยึดเอาไว้เป็นหลักฐานและเก็บถาวรไปแล้ว
อีกทั้งครอบครัวนี้อาศัยอยู่บ้านหรูหลังใหญ่การสร้างห้องหนังสือนั้น อันที่จริงก็ทำเพื่อให้เข้ากันเฉยๆ คนเดี๋ยวนี้ไม่นิยมใช้ปากกากันแล้ว การสื่อสารส่วนใหญ่ต่างก็ใช้แป้นพิมพ์พิมพ์เสร็จสรรพ ดังนั้นอิงอิงจึงจัดการค้นหาทุกซอกทุกมุมของห้องหนังสือ และหาปากกาหมึกซึมเจอสองด้าม
ในสองด้ามนั้นมีด้ามหนึ่งหัวปากกาพังไปแล้ว เขียนไม่ออก
เมื่อวางปากกาหมึกซึมทั้งสองด้ามไว้ตรงหน้าแล้ว อิงอิงก็เอียงหัว หลังจากครุ่นคิดดูแล้วคิดว่าปากกาที่มีฐานะเป็นบอสลับผู้อยู่เบื้องหลังคนร้ายทั้งหมด จะตกต่ำไม่มีระดับเช่นนี้เชียวรึ
‘กึก!’
อิงอิงออกแรงดึงเล็กน้อย ปากกาทั้งสองด้ามหักไปพร้อมกัน
เฮ้อ ไม่ใช่พวกแก หลับให้สบายนะ
หลังจากเดินออกจากห้องหนังสือ อิงอิงก็ไปค้นห้องอีกสองสามห้อง พบว่าเสื้อผ้า ของเล่น เครื่องเขียน และอื่นๆ ในห้องของเด็กๆ หายไปหมดจนไม่เหลืออะไรแล้ว
อิงอิงจมดิ่งอยู่กับการครุ่นคิด
อันที่จริง เรื่องนี้มันเข้าใจได้ไม่ยาก แม่พาลูกทั้งสองคนกินยาพิษฆ่าตัวตายพร้อมกัน ญาติของทั้งสองฝ่ายจะต้องนำของจำพวกเสื้อผ้าเด็กๆ หรือสิ่งที่สามารถนำไปเป็นสิ่งที่ระลึกถึงได้ไปหมดแล้ว ไม่มีคนอยู่อาศัยในบ้านหลังนี้แล้ว เป็นธรรมดาที่จะเห็นว่ามัน ‘สะอาดโล่ง’ มาก
หลังจากค้นหามาเป็นเวลานาน จากชั้นสองลงมาหาที่ชั้นหนึ่งอีกครั้ง
ครั้งนี้ยังต้องค้นหาเถ้าแก่ละเอียดมากกว่าครั้งก่อนหน้านั้นอีก ถึงอย่างไรสถานที่ที่สามารถซ่อนคนตัวโตอย่างเถ้าแก่นั้นมีไม่มาก แต่สถานที่ซ่อนปากกานั้นมีเยอะแยะไป
เมื่อค้นหาไปๆ มาๆ นอกจากปากกาหมึกซึมสองด้ามนั้นที่ถูกหักออกในห้องหนังสือแล้ว ไป๋อิงอิงก็ยังหาปากกาด้ามที่สามไม่เจอ
กลับไปนั่งบนโซฟาใหม่อีกรอบ ไป๋อิงอิงมองหนังสือมากมายบนโต๊ะรับแขกแล้วนิ่งไป
หนังสืออยู่ที่นี่ การเขียนหนังสือจะต้องใช้ปากกาแน่ๆ
นักเขียนและพวกคนที่เชี่ยวชาญการเขียนรายงานในหน่วยงานล้วนถูกขนานนามว่าด้ามปากกา [1] แต่ทำไมนางถึงหาไม่เจอล่ะ
หลังจากหยิบหนังสือขึ้นมาพลิกดู และพิจารณาจากแบบอักษรที่พิมพ์อยู่ด้านบน
ไป๋อิงอิงสงสัยว่า ‘ปากกา’ นี้ไม่ได้หมายถึงปากกาในความหมายเดิม แต่เป็นสิ่งของทดแทนในยุคสมัยใหม่กว่าใช่หรือไม่
อย่างเช่น…แป้นพิมพ์
อย่างเช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก
แต่เมื่อกี้นางก็ค้นหาไปแล้ว ไม่เจอของประเภทคอมพิวเตอร์หรือว่าแป้นพิมพ์เลยนี่นา
…
“นี่ มาถึงตอนนี้แล้ว คุณเลิกทำตัวเหลวไหลขนาดนี้สักทีได้ไหม”
โจวเจ๋อมองคนที่เหมือนตัวเองในกระจกแล้วพูดขึ้น
เจ้านั่นยังคงแผดเสียง ยังคงคำราม ยังคงดิ้นรนขัดขืนไม่หยุด เห็นได้ว่าเขาบ้าไปแล้ว!
บางทีสักวันหนึ่ง วิธีที่เถ้าแก่โจวจะใช้ตัดปัญหากับจิตสำนึกที่สองในร่างของเขาจริงๆ ก็คือใช้ความฉลาดทางสติปัญญาของตัวเองบีบคั้นให้อีกฝ่ายทนไม่ไหวและจบชีวิตตัวเองไปเสีย
“ได้ๆๆ…”
โจวเจ๋อกางมือทั้งสองข้างออก
“ฉันเข้าใจผิดแล้วงั้นเหรอ”
ในที่สุดคนในกระจกก็เลิกบ้าแล้ว
“คุณไม่ได้มีความคิดล้อเล่นแบบนั้น งั้นความหมายของคุณก็คือขนงั้นเหรอ”
โจวเจ๋อตกอยู่ในภวังค์ความคิด
“ของที่มีขนและผมเหรอ ของอะไรมีกลุ่มขนและผมกันนะ ที่นี่มีสัตว์ประหลาดหรือไง แต่ผมไม่รู้สึกถึงพลังปีศาจเลยนะ”
แววตาของโจวเจ๋อในกระจกว่างเปล่า ไม่เคลื่อนไหวใดๆ และมองไปด้านนอก จากนั้นเขาก็นั่งลงไปดื้อๆ เรื่องน่าเศร้าที่สุดคือความพยายามที่ไร้ประโยชน์ อันที่จริง นี่จะโทษเถ้าแก่โจวไม่ได้เสียทีเดียว คนทั่วไปใครที่เห็นตรงนั้นแล้วนึกถึง ‘ปากกา’ ได้ทันทีบ้าง
บ้าฉิบ เมื่อได้เห็นที่ตรงนั้นแล้วคุณยังนึกถึงสิ่งที่สง่างาม เช่นการท่องบทกวีและร้อยแก้วได้อยู่งั้นหรือ
อย่างนั้นคุณยังเป็นชายชาตรีอยู่หรือไม่
เหตุผลที่อิงอิงที่อยู่ข้างๆ สามารถนึกออกได้อย่างรวดเร็ว เป็นเพราะว่าก่อนหน้านั้น นางได้อ่านหนังสือหลายเล่มในจิตสำนึกจึงมีพื้นฐานล่วงหน้ามาบ้างแล้ว
แต่เถ้าแก่โจวไม่ใช่ไง เขาเลยต้องต่อสู้กับยายบ้าคนนี้ด้วยความงุนงง จากนั้นก็แทะซี่โครงรสชาติดั้งเดิมในห้องน้ำซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะจะเข้ามากินอาหารอยู่นานพอสมควร
“ตอนนี้ผมควรจะปล่อยคุณออกมายังไง”
โจวเจ๋อเริ่มเปลี่ยนแนวคิดใหม่ หากสามารถปล่อยคนผู้นี้ออกมาได้และให้เขากลับเข้าร่างตัวเอง อย่างนั้นโจวเจ๋อก็สามารถใช้วิชาอู๋ซวง จากนั้นก็จะคลี่คลายปัญหาทุกอย่างได้ ตัวเขาก็สามารถกลับไปร้านหนังสือใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไปได้
ช่างวิเศษเหลือเกิน!
แต่คนในกระจกกลับนิ่งไม่ไหวติงและมีท่าทีคร้านจะสนใจไยดีโจวเจ๋ออย่างสิ้นเชิง ไม่รู้ว่าหมดหนทางหรือว่าเขาไม่อยากออกไปแล้วกันแน่
“อย่าคิดในแง่ลบขนาดนั้นจะได้ไหม” โจวเจ๋อตบกระจกที่แตกร้าวเบาๆ “เราจะทิ้งความหวังไม่ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล