ตอนที่ 289 อากาศแห้งแล้ง
“นี่ ทำอาหาร”
ในร้านหนังสือ สาวน้อยโลลินั่งอยู่ตรงริมหน้าต่างที่เถ้าแก่โจวโปรดปรานมากที่สุด พลางถือนิตยสารเศรษฐกิจไว้ในมือของเธอและเปิดอ่านแบบสุ่มๆ ตามใจชอบ อ่านไปอ่านมา เธอหิวแล้ว ในเมื่อหิวแล้วก็ต้องกินข้าว แต่ตอนนี้โจวเจ๋อไม่ได้อยู่ในร้านหนังสือ ผีดิบงี่เง่าตัวนั้นก็ไม่อยู่
แม่ครัวยังไม่ได้สติ หญ้ายังขึ้นเดดพลูอยู่ เหลือเพียงนักพรตเฒ่าที่ยังมีชีวิตอยู่คนนี้
นักพรตเฒ่าเม้มปาก และไม่ได้สนใจเธอ ในเวลานี้เขาง่วนอยู่กับการหยิบกะละมังอาบน้ำเล็กๆ เพื่ออาบน้ำให้เจ้าลิงของเขาอยู่ เขากินมื้อค่ำระหว่างทางที่กลับมาแล้ว เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจางคนนั้นที่เลี้ยงข้าวเขานั่นแหละ
สาวน้อยโลลิอยากจะโมโหตามนิสัย
เธอรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองนับวันยิ่งถดถอยลงไปเรื่อยๆ ย้อนกลับไปตอนที่โจวเจ๋ออยู่ตรงหน้าเธอในตอนแรกนั้นเป็นเพียงนกกระทาตัวน้อยเท่านั้น จะอยู่หรือตายล้วนอยู่ในกำมือของเธอ แต่ตอนนี้ ชายชราลูกกะจ๊อกที่ทำงานให้โจวเจ๋อยังกล้าเมินเธอ
เธอหยิบโทรศัพท์มือถืออกมาอย่างจนปัญญา และเปิดแอปเดลิเวอรี่เตรียมจะสั่งอาหาร
‘เจี๊ยกๆๆ…’
จู่ๆ เจ้าลิงในกะละมังอาบน้ำก็กระโดดโลดเต้นขึ้นมา
‘เพียะ!’
นักพรตเฒ่าตบหัวเจ้าลิง “อาบน้ำไปอย่าดื้อ อีกหน่อยเจ้าอยากมีเห็บมีเหาขึ้นบนตัวเจ้าหรือยังไง อีกหน่อยยังต้องผสมพันธุ์ให้เจ้าอีก เวลาอันแสนมีค่าขนาดนี้ ปรากฎว่าเจ้าปล่อยให้ลิงตัวเมียใช้เวลาจับเห็บจับเหาให้เจ้าไปแล้วค่อนชีวิต ไม่รู้สึกกลัวเสียเปรียบบ้างเหรอ”
เจ้าลิงกุมหัว รู้สึกเศร้ามาก
ส่วนสาวน้อยโลลิวางโทรศัพท์มือถือลง เธอเห็นนอกประตูกระจกร้านหนังสือมีแมวสีขาวตัวหนึ่งคลานอยู่ตรงนั้น เจ้าแมวขาวน่าจะเป็นแมวป่าตัวหนึ่งละมั้ง เนื้อตัวสกปรกมอมแมม แถมยังมีบาดแผลอยู่หลายจุด
ตอนแรกสาวน้อยโลลิไม่ได้สนใจ แต่เสียงร้องของเจ้าลิงเตือนสติเธอ ทำให้เธอเหลือบมองเจ้าแมวขาวอยู่หลายครั้ง จากนั้นเธอก็พบว่ามันไม่ถูกต้อง เธอลุกขึ้นเดินไปที่ประตูแล้วเปิดประตูกระจกออก
เจ้าแมวขาวเงยหน้าขึ้นมองสาวน้อยโลลิ เผยความกลัวบนใบหน้าออกมา และเริ่มฝืนสังขารที่เหนื่อยล้าของมันถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
“ปีศาจเหรอ”
สาวน้อยโลลิรีบก้มลงและอุ้มเจ้าแมวขาวไว้ในอ้อมแขนทันที จากนั้นเดินไปที่ริมเคาน์เตอร์และวางมันลงตรงนั้น สองมือจับอุ้งเท้าหน้าของเจ้าแมวขาว พลิกตัวมันกลับซ้ำไปซ้ำมาและตรวจเช็กอยู่หลายครั้ง เจ้าแมวหน้าแดงเห็นได้ชัดว่ามันอายมาก
“ตัวเมีย” สาวน้อยโลลิขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่มันปีศาจที่ไหนกัน มันเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งชัดๆ”
นักพรตเฒ่าเดินเข้ามาหลังจากเพิ่งเช็ดตัวให้เจ้าลิงเสร็จ เขากวาดตามองเจ้าแมวขาวบนเคาน์เตอร์และพูดออกมาทันที “สุนัขจิ้งจอกเหรอ”
“ใช่น่ะสิ สุนัขจิ้งจอก แต่ว่าถูกคนตัดหางทิ้งไปแล้ว แต่มันแปลกจังเลยนะ สมัยนี้สุนัขจิ้งจอกต้องเข้าร่วมประกวดความงามเหมือนสุนัขคอร์กี้ด้วยเหรอ”
จิ้งจอกขาวหันหน้ามองนักพรตเฒ่า เผยอปากเผยให้เห็นเขี้ยวของมันและส่งเสียง ‘กรร กรร กรร’ แฝงไปด้วยความหมายเชิงคุกคาม
‘เจี๊ยกๆๆ!’
เจ้าลิงเพิ่งอาบน้ำจนสะอาดหมดจดกลิ่นหอมฟุ้งกระโดดขึ้นไปบนเคาน์เตอร์ แล้วถลึงตาใส่เจ้าสุนัขจิ้งจอกกลับทันที!
นักพรตเฒ่าเผยสีหน้าครุ่นคิด คล้ายกับนึกอะไรออก รีบย่อตัวลงมามองเจ้าสุนัขจิ้งจอกบนเคาน์เตอร์ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย
“คลับเหรอ”
เจ้าสุนัขจิ้งจอกพยักหน้า
“ฉิบหาย!”
นักพรตเฒ่าตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะสะดุดล้มจ้ำเบ้าลงบนพื้น
“ถูกคนทำร้าย เสียพลังไปแล้ว หางก็ไม่เหลือแล้ว เจ้ากลัวอะไรน่ะ” สาวน้อยโลลิกวาดสายตามองนักพรตเฒ่าด้วยความดูถูก พลางชี้จิ้งจอกขาวตรงหน้าและเอ่ยขึ้น “ตอนนี้ถ้าอยากจะตุ๋นหรือว่านึ่งหรือที่เด็ดขาดกว่านั้น จัดการโชว์ห่วยสักฉาก มันก็ทำได้เพียงปล่อยให้เจ้าทำตามใจเท่านั้น”
จิ้งจอกขาวมองสาวน้อยโลลิด้วยสีหน้าประจบเอาใจและอ้อนวอน
สุนัขจิ้งจอกมันอยู่เป็น
ผู้คนมักเรียกชายชราที่อยู่มานานและมีหลักปรัชญาชีวิตอย่างโชกโชนว่า…จิ้งจอกเฒ่า นี่ก็เป็นเหตุผลของมันด้วย
เจ้าจิ้งจอกรู้ดีว่าตัวเองต้องประจบเอาใจใครในร้านหนังสือแห่งนี้
ในความเป็นจริง มันก็ไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ หลังจากใช้ชีวิตระเหเร่ร่อน ลุ่มๆ ดอนๆ มาเป็นเวลานาน ไม่มีทางเลือกถึงได้ก้มหัวจำนน เมื่อหาร้านหนังสือแห่งนี้เจอ จึงอยากจะมาขอลี้ภัยกับโจวเจ๋อเสียหน่อย
แต่ใครจะไปรู้ว่านางมาได้ไม่ถูกจังหวะ ในเวลานี้เถ้าแก่โจวไม่ได้อยู่ในร้าน ที่ร้านมีสาวน้อยอยู่คนหนึ่ง แต่สาวน้อยคนนี้ไม่ได้เห็นสัตว์เลี้ยงน่ารักแล้วดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
“อาบน้ำให้นางหน่อย ตัวนางเหม็นจะแย่อยู่แล้ว นางมาหาโจวเจ๋อน่ะ ให้นางรอหน่อยแล้วกัน”
ท้ายที่สุดสาวน้อยโลลิตัดสินใจไม่ทำเกินหน้าที่ของตนเอง ถึงอย่างไรโจวเจ๋อที่ไม่เอาไหนคนนั้นก็มีนิสัยชอบสะสมของทำนองนี้ และชอบสะสมของสารพัดสิ่งในสถานที่ที่เขาอาศัยอยู่แล้ว
“อาบน้ำเหรอ”
นักพรตเฒ่าชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเดินเข้ามา เจ้าจิ้งจอกตกใจจนถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าตัวสุนัขจิ้งจอกจะไม่ได้สวมเสื้อผ้าหรืออะไรเลย นับว่าแทบจะเปลือยเปล่า แต่การปล่อยให้นักพรตเฒ่าดูในเวลานี้กับปล่อยให้นักพรตเฒ่าช่วยอาบน้ำให้ทีหลัง มันเป็นแนวคิดสองอย่างที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ปีศาจจิ้งจอกที่ได้บำเพ็ญเพียรมามากกว่าหนึ่งร้อยปี และถูกบรรดาเด็กรุ่นหลังเรียกว่าบรรพบุรุษของวงศ์ตระกูล อีกทั้งในปีนั้นนางยังสามารถมีความสัมพันธ์โรแมนติกกับหยวนซื่อข่ายในชั่วข้ามคืน จะปล่อยให้นักพรตเฒ่าดูหมิ่นร่างกายของนางแบบนี้ได้อย่างไร
เมื่อคิดว่าหลังจากนี้ตัวนางจะต้องลงน้ำจนกลายเป็นเหมือนไก่ผลัดขน และต้องถูกนักพรตเฒ่าคนนี้จ้องตลอดทาง เจ้าจิ้งจอกไม่เต็มใจอย่างที่สุด
อันที่จริงนักพรตเฒ่าเองก็ไม่กล้า
บ้าเอ๊ย นี่มันปีศาจจิ้งจอกเลยนะ!
เขาเคยถูกนางสั่งสอนมาแล้วในตอนแรก แม้ว่านกฟินิกซ์ที่ถอนขนแล้วจะสู้ไก่ไม่ได้ก็ตามที แต่ใครจะยืนยันได้ว่าของพรรค์นี้จะไม่สามารถกู้คืนได้อีกในอนาคต
เว้นเสียแต่ว่าตอนนี้เขาจะจับนางตุ๋นกินซะ ให้นางจบเห่ไปเลย ไม่อย่างนั้นนักพรตเฒ่าก็คงไม่กล้าดูหมิ่นนางหรอก
“เอ่อ งั้นให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน ข้าจะไปซื้อข้าวให้เจ้าเองดีไหม” นักพรตเฒ่าพูดกับสาวน้อยโลลิ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล