ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 323

ตอนที่ 323 คนขับรถ

คนขับรถไม่ได้ตอบกลับด้วยความกระตือรือร้นว่า ‘อ้าว น้องสาว คุณอยู่แผนกไหนล่ะ’ เขาได้แต่ขับรถของตัวเองอย่างสงบสุขและมั่นคง เวลาไหนควรเหยียบเบรกก็เหยียบ กระทั่งเปลี่ยนเลนแซงรถก็ไม่ทำ แต่ขับรถตามกฎรอคอยอยู่ด้านหลัง

โจวเจ๋อรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง รถเมล์มรณะถ้าหากขับผ่านไปเลยจะชนกันไหม วินาทีต่อมา รถเมล์กำลังจอดอยู่หน้าสัญญาณไฟจราจร รอไฟแดง! เถ้าแก่โจวยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คนขับรถเมล์มรณะคันนี้ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดมากกว่าคนขับรถที่เป็นคนเป็นเสียอีก”

สาวน้อยโลลิไม่คิดว่าแบบนั้น เธอใช้นิ้วก้อยแคะหูของตัวเองแล้วพูดว่า “ล้วนเป็นคนขับรถที่ขับรถชนตายเมื่อชาติที่แล้วมาขับรถเมล์มรณะกันทั้งนั้น”

“อ้อ”

ไม่แปลกใจเลย เนื่องจากตายเพราะรถชน ดังนั้นจึงรู้จักเคารพกฎเกณฑ์ยิ่งกว่าเดิม โจวเจ๋อนึกถึงรถเบนซ์ที่แข่งซิ่งกับตัวเองเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ สุดท้ายกลับพลิกคว่ำหมุนติ้วอยู่บนพื้นเหมือนท่าเต้นโทมัส

คราวที่แล้วโจวเจ๋อนั่งรถกระดาษของผู้ชายที่ตายแล้วคนนั้น หากจะพูดจริงจังหน่อยก็คือ รถกระดาษคันนั้นเป็นรถผิดกฎหมายในโลกหลังความตาย ไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถึงแม้จะพูดว่าตำรวจจราจรจัดการเขาไม่ได้แต่ท้ายที่สุดก็ถือว่าไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่รถคันนี้ น่าจะนับเป็นรถเมล์ในโลกหลังความตาย ไม่ว่าจะเป็นผู้โดยสารหรือว่าคนขับรถต่างเห็นได้ชัดว่ามีมารยาทและมาตรฐานสูง

โจวเจ๋อก็มองออก รถคันนี้ไม่มีผี มีเพียงคนขับรถที่อาจจะเป็นกรณียกเว้น ผู้โดยสารคนอื่นบนรถที่ถือร่มกระดาษน้ำมันสีเหลืองถ้าหากมองให้ดีจะสามารถมองออกว่า ด้านล่างใบหน้าที่แต่งหน้าเข้มของพวกเขา ล้วนขาวราวกับกระดาษ

บนรถไม่ว่าจะคนอ้วนผอม สวยหล่อฉลาด ผู้หญิงผู้ชายล้วนมีหมด ล้วนเป็น ‘เดลิเวอรี่’ ที่คนเป็นเผาส่งให้คนข้างล่าง รสนิยมพิเศษเฉพาะตัวจริงๆ โจวเจ๋อไม่แน่ใจว่าผู้ชายพวกนั้นที่ถูกเผาลงมาเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนรับใช้ แต่ใส่เสื้อผ้าทันสมัยและยังใส่แว่นกันแดด นี่คือลูกกตัญญูส่งมาให้พ่อของตัวเองใช้หรือว่าส่งมาให้แม่ของตัวเองใช้ ถือว่าใส่ใจมากจริงๆ

“คนที่เผาของลงมาได้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน” สาวน้อยโลลิเห็นโจวเจ๋อมองไปรอบๆ แล้วจึงอธิบาย

“หืม”

“ถ้าคนที่ตายไม่ใช่คนธรรมดา อย่างนั้นก็เป็นคนเป็นที่ไม่ธรรมดา ทุกคนมีความเสมอภาคกัน ไม่ใช่ประโยคไร้สาระในโลกมนุษย์เท่านั้น ผู้ที่ทรงอิทธิพลใช้อภิสิทธิ์พิเศษมีทุกที่ และในนรกยิ่งรุนแรงยิ่งกว่า”

“จะว่าไปผมอยากลองเข้าไปดูส่วนลึกสุดของนรกจริงๆ” โจวเจ๋อพูด

จะว่าไปแล้ว ทุกครั้งที่เขาเข้าไปในนรกได้เดินดูแค่ช่วงแรกของทางน้ำพุเหลืองเท่านั้น มากสุดก็ไปทักทายผีผู้หญิงไร้หน้าในสระน้ำ แต่ไม่เคยเข้าไปส่วนลึกสุดเลย

“บางครั้ง กระโดดโลดเต้นอยู่ข้างนอกกลับมีความสุขมากกว่า แบบนี้อย่างน้อยเจ้ายังมีจินตนาการยังตื่นเต้นหรือสนุกได้” สาวน้อยโลลิยื่นมือบิดขี้เกียจ “ถ้าหากเข้าไปละก็ คงตกใจตัวสั่นงันงกไม่สนุกเลยสักนิด”

โจวเจ๋อขมวดคิ้ว การอธิบายแบบนี้ทำไมฟังแล้วดูมัวหมอง

สาวน้อยโลลิยิ้ม แล้วพูดต่อ “ประเด็นสำคัญคือ ยมฑูตระดับต่ำอย่างพวกเรา ถือว่าเป็นพนักงานระดับล่าง และในความเป็นจริงพนักงานระดับล่างที่อยู่ในชั้นรากหญ้ามักจะลำบากมากที่สุด ถ้าเจ้าโชคไม่ดี เป็นเพื่อนกับครอบครัวไหนในหุบเขายากจนช่วยกันให้หลุดพ้นความยากจนละก็

ส่วนพนักงานระดับล่างในนรกอย่างพวกเรา ต่อให้ฆ่ากันเอง ขอแค่เรื่องไม่รุนแรงเกินไป ยมโลกจะทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้วางมาดกันตามอำเภอใจ

ไม่กลัวว่าเจ้าจะขำ อย่าว่าแต่เจ้าเลย ข้าก็เหมือนกัน สถานที่ในนรกส่วนใหญ่ข้าก็ไม่เคยไปเหมือนกัน เพราะสถานที่พวกนั้นถ้าหากเจ้าไปแล้วพวกเขาจะไม่สนว่าเป็นพวกเดียวกันไหม เป็นยมทูตหรือเปล่า แต่จะจับเจ้าเข้าไปรวมกับพวกวิญญาณแล้วจัดการทิ้งเป็นเรื่องที่ปกติมาก”

“เนืองนองด้วยน้ำตาจริงๆ”

เถ้าแก่โจวจู่ๆ รู้สึกว่าการเป็นพนักงานดูเหมือนจะไม่ได้สวยงามขนาดนั้น ไม่สู้กลับไปใช้ชีวิตนอนอาบแดดดื่มกาแฟทุกวันตอนเช้าในร้านหนังสือของตัวเอง นับว่าเป็นสุดยอดความสุขแล้ว

“รถคันนี้ก็คือรถขนส่งเหรอ” โจวเจ๋อถามอีก

“จะว่าแบบนั้นก็ได้ ฐานะของพวกเรามีความพิเศษจึงขอขึ้นได้ และเป็นเพราะยมทูตฉางโจวทั้งสองคนเป็นปลาเค็มขี้เกียจไม่สนงานมากกว่าเจ้าอีก หลิวฉู่อวี่อย่างไรเสียก็เป็นคนใหม่ บ้านของเขาเจ้าก็เห็นแล้ว ไม่มีอะไรสร้างบรรยากาศได้เลย ไม่เหมือนร้านหนังสือของพวกเรา สร้างบรรยากาศในสไตล์ของตัวเองได้แล้ว วิญญาณจึงมาหาถึงที่ ถ้าหากเจ้ากำจัดผีดิบหรือคนเป็นคนตายในร้านหนังสือทิ้งไป กิจการน่าจะดีมากกว่านี้” สาวน้อยโลลิก็ไม่ลืมที่จะพูดถึงไป๋อิงอิงในแง่ลบเป็นนัยๆ ในเวลานี้

ตอนนี้รถได้จอดแล้วพร้อมกับเปิดประตูรถ มีคนเดินขึ้นมาไม่น้อย ใส่เสื้อผ้าสไตล์ต่างๆ มีบางคนแต่งตัวเหมือนสาวใช้สาวสวยในสมัยโบราณ และมีผู้ชายบางคนก้มหน้าเหมือนบ่าวรับใช้ แน่นอนว่ามีคนแต่งตัวตามกระแสนิยมสมัยใหม่เหมือนกัน กระทั่งแต่งตัวสไตล์พังก์ก็มี ผู้คนหลากหลายสไตล์ขึ้นมาหลายสิบคน และในมือของคนพวกนั้นยังถือโต๊ะเล่นไพ่นกกระจอกที่ทำจากกระดาษขึ้นมา บ้างก็ถือไอโฟนเอ็กซ์ ฯลฯ ล้วนเป็นของขวัญที่ฝากนำลงไปส่ง ในขบวนรถมีคนแน่นขนัดในพริบตา ข้างกายของโจวเจ๋ออัดแน่นไปด้วยคน

และคนพวกนี้ก็ไม่พูดไม่จา จึงยิ่งไม่ต้องพูดว่าเชิญนั่งอะไรเลย จริงๆ แล้วพวกเขาไม่ใช่คน ดังนั้นจึงมีความเป็นระเบียบสูง เบียดกันก็คือเบียดกัน แต่ทุกคนต่างเงียบมาก ร่างของคนที่ยืนก็โอนเอนไปตามการสตาร์เครื่องของรถเมล์ เหมือนสาหร่ายทะเลพลิ้วไปมาอย่างเป็นระเบียบอยู่บนรถคันหนึ่ง

เขายื่นมือลูบคาง เสียดายที่โทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไม่สามารถบันทึกสิ่งพวกนี้ได้ ไม่อย่างนั้นหากอัปโหลดวิดีโอขึ้นไปน่าจะดังมากใช่ไหม

“รถคันนี้ขับรถช้าจัง” สาวน้อยโลลิบ่นเล็กน้อย

“ไม่เสียเงิน ไม่เป็นไรหรอก” โจวเจ๋อกลับพูดปลอบใจ

“หักเงินกระดาษอัตโนมัติ” สาวน้อยโลลิเหลือบตามองโจวเจ๋อหนึ่งที

“ลุงครับ ขับเร็วหน่อย น้ำมันหมดแล้วเหรอ!”

ในที่สุดรถได้ขับมาค่อนทางแล้ว ห่างจากบ้านของหลิวฉู่อวี่ไม่ไกล โจวเจ๋อมองออกไปนอกหน้าต่าง ฝนยังคงตกหนัก

“ทงเฉิงฝนจะตกเหมือนกันหรือเปล่า” โจวเจ๋อกล่าว

“ทงเฉิงอยู่ใกล้ทะเลมากกว่าฉางโจว จะต้องตกหนักว่าที่นี่แน่นอน พ่อของฉันได้ส่งวีแชตมาบอกว่า จะพาแม่ไปเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้ และเย็นนี้เตรียมตัวจะไปดูการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมเซี่ยงไฮ้พอร์ตกับเอเวอร์แกรนด์ในสนามกีฬาที่จุคนได้แปดหมื่นคน แต่เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นจึงทำให้เลื่อนการแข่งขันออกไป”

“พ่อแม่ของคุณพวกเขาไม่อยู่ที่บ้านพักฟื้นแล้วเหรอ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล