ตอน ตอนที่ 324 ยอมรับ จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 324 ยอมรับ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 324 ยอมรับ
รถเมล์ยังคงขับต่อไปช้าๆ โอนเอนไปมา คนที่อยู่ด้านในก็เซไปเซมาไปพร้อมกัน เหมือนลุกตุ้มนาฬิกา วนซ้ำด้วยอัตราความถี่แบบคงที่อย่างไร้ชีวิตชีวา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
โจวเจ๋อยืนอยู่ข้างชายชรา มือจับราวจับเหนือศีรษะ มีคนล้อมรอบอยู่ไม่น้อย แต่ไม่รู้สึกเบียดแน่นจนเกินไป ถึงอย่างไรก็ล้วนทำมาจากระดาษ
ชายชราเงยหน้ามองโจวเจ๋อ เขายิ้มอย่างเกรงใจแล้วพูดขอโทษว่า “ขากับเท้าไม่ค่อยดี ชอบปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ” โจวเจ๋อพยักหน้า “ถึงแม้ผมจะรู้ว่าตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว เพราะว่าผมตายแล้ว แต่พอเห็นฝนตกข้างนอกดูเหมือนจะรู้สึกเจ็บขึ้นมาอีก” ชายชรามองฝนตกหนักนอกหน้าต่างด้วยแววตาที่หวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต โรคไขข้ออักเสบอยู่กับเขามานานแรมปี จากเจ็บปวดทรมานในตอนแรก เริ่มชินชาอย่างช้าๆ สุดท้ายกลายเป็นความคุ้นชิน จนกระทั่งวันที่ตายกลายเป็นผี ก็กลายเป็นสิ่งที่ระลึกถึง
รถถึงสถานีแล้ว โจวเจ๋อกับสาวน้อยโลลิแยกกันพาผู้หญิงเดินลงจากรถ รถเมล์ค่อยๆ ขับออกไป มีคนกระดาษเต็มรถกับคนแก่ที่ได้รับสิทธิพิเศษ
โจวเจ๋อจำได้ว่าข่าวเขียนรายงานไว้ว่า ชายชราต้องสานตะกร้าไม้ไผ่เพื่อประทังชีวิต และทั้งครอบครัวต้องอาศัยคนแก่วัยเจ็ดสิบปีกว่าสานตะกร้าเพื่อจุนเจือครอบครัว มากพอที่จะแสดงให้เห็นว่าครอบครัวนั้นยากจนแค่ไหน ถึงแม้รัฐบาลท้องถิ่นจะมอบเงินชดเชยจำนวนหนึ่ง อย่างน้อยก็ทำให้ครอบครับของชายชราใช้ชีวิตที่มั่นคงต่อไปได้ แต่ดูเหมือนจะยังไม่พอ
“คิดอะไรอยู่” สาวน้อยโลลิยืนอยู่ใต้ชานชาลามองสายฝนที่ตกหนักด้านนอกพลางถาม “ผมกำลังคิดเรื่องเงินระดมทุน”
“หืม”
“ก่อนหน้านั้นเกิดเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลของหมอหลิน พี่ชายเอาเรื่องของน้องสาวที่โดนรถชนมาใส่ร้ายโรงพยาบาลว่าถ้าไม่จ่ายเงินจะไม่รักษา แล้วโพสต์ลงเว็บไซต์เพื่อขอระดมทุน แต่ในความเป็นจริง หากมองจากมุมมองความรู้สึกของคนเรา คนอย่างชายชราที่อยู่บนรถเมื่อกี้นี้ มีความจำเป็นที่ต้องขอเงินระดมทุนมากกว่า”
“อือฮึ”
“คนป่วยเยอะเกินไป คนที่น่าสงสารก็เยอะเกินไปเหมือนกัน ไม่ว่าจะจริงหรือหลอก ไม่ว่าจะเกินจริงหรือไม่ พูดจริงๆ นะ ผมรู้สึกชินชาแล้ว ชาติที่แล้วมีคนโพสต์ข่าวขอระดมทุนเพื่อช่วยรักษาคนในโมนเมนต์ ผมได้บริจาคเงินไปไม่น้อย ตอนหลังการระดมทุนแบบนี้มีเยอะเกินไป ผมจึงขี้เกียจสนใจอีก
แต่คนที่กล้าพลีชีพหรือทุ่มเทเพื่อความยุติธรรม พวกเขาทำในสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปไม่กล้าทำ สำหรับคนทั่วไปโดยส่วนใหญ่แล้ว การบริจาคเงินให้คนพวกนี้ จะเป็นฝ่ายให้เองเสียมากกว่า และคนส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนอ่อนแอ ถ้าหากสามารถออกเงินสนับสนุนผู้กล้าให้กล้ามองออกมามากขึ้น ยอมทิ้งภาระและความกังวลเพื่อปกป้องทุกคน ถือว่าไม่ขาดทุนอะไร”
“เถ้าแก่ของข้า ข้ารู้สึกว่าเวลาที่เจ้าอารมณ์อ่อนไหว ควรต้องคิดอีกเรื่องหนึ่ง”
“อะไร”
“นั่นก็คือตอนนี้พวกเราจะกลับยังไง ฝนตกหนักมาก” สาวน้อยโลลิพูดด้วยความหงุดหงิดใจ
…
ตอนที่ทั้งสองคนกลับมาถึงบ้านของหลิวฉู๋อวี่ สิ่งที่หลิวฉู่อวี่เห็นคือลูกหมาตกน้ำทั้งสี่คน สาวน้อยโลลิบ่นว่าจะอาบน้ำเป่าผม จากนั้นจึงได้แต่มองโจวเจ๋อด้วยความขุ่นเคืองที่เข้าห้องน้ำก่อนใครโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง รอให้โจวเจ๋อถือผ้าเช็ดตัวเช็ดผมเดินออกมา สาวน้อยโลลิจึงพูดกับโจวเจ๋อด้วยความโกรธ “ผู้ชายไม่มีมารยาท!”
“ผมอาบน้ำก่อน เวลาที่คุณเข้าไป อุณหภูมิในห้องน้ำจะอุ่นมาก ผมทำอย่างนี้เพราะกลัวว่าคุณจะหนาว”
สาวน้อยโลลิตกตะลึงเล็กน้อยแล้วพูดทันที “นี่เป็นฤดูร้อน! แล้วก็เจ้าอย่าทำตัวน่ารังเกียจได้ไหม ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะโสดในชาติที่แล้ว!”
ถ้าหากสาวน้อยโลลิเป็นสาวน้อยโลลิจริงๆ คาดว่าคงจะหลงเชื่อคำพูดเหล่านี้ แต่สาวน้อยโลลิในความเป็นจริงมีอะไรบ้างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
เมื่อรอให้สาวน้อยโลลิอาบน้ำเสร็จเดินออกมา ทั้งสามคนนั่งบนโซฟาในห้องรับแขก มีคุกกี้สองกล่องวางอยู่บนโต๊ะน้ำชา แสดงว่าตอนที่โจวเจ๋อกับสาวน้อยโลลิออกไป หลิวฉู่อวี่ที่อยู่ในบ้านและบาดเจ็บอยู่พยายามต่อสู้กับของกินมาตลอด เขาเชื่อแล้ว และได้กำลังใจจากคำพูดที่ว่า คนที่ทนลำบากได้ถึงจะเป็นคนเหนือคน นอกจากนี้เขารู้สึกว่าโจวเจ๋อกับสาวน้อยโลลิเป็นคนที่มีปณิธานแน่วแน่ พิชิตการปฏิเสธการกินอาหารของวิญญาณจนสามารถกินอาหารเหมือนคนปกติได้สำเร็จ ซึ่งคล้ายกับการบำเพ็ญเพียรอย่างหนึ่ง
โจวเจ๋อรู้สึกใจอ่อนและทนดูไม่ได้อยู่บ้าง เขามักจะรู้สึกว่าปล่อยให้ลูกน้องอย่างหลิวฉู่อวี่ต่อสู้กับอาหารแบบนี้ต่อไปจะเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่า แต่พอคิดว่าหากตัวเองใช้น้ำดอกพลับพลึงแดงนิดหนึ่งก็จะน้อยลงไปนิดหนึ่งยากที่จะหามาชดเชยได้ โจวเจ๋อพลันรู้สึกว่าเด็กหนุ่มเจออุปสรรคและความลำบากบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแย่ ซึ่งเหมือนหมอหลินในตอนแรก ถ้าหากเขาไม่ได้ใช้งานพวกเธอที่เป็นแพทย์ฝึกหัดอย่างหนักหน่วงในตอนนั้น หมอหลินคงไม่ได้เป็นหมอที่เก่งเหมือนทุกวันนี้ อืม เหตุผลนี้แหละ
หลิวฉู่อวี่มองโจวเจ๋ออย่างเกรงใจ พูดตามจริง จนถึงป่านนี้ เขาเพิ่งรู้สึกถึงความห่วงใยของลูกพี่ที่นำวิญญาณร้ายฝ่าฝนกลับมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อแบ่งผลงานให้เขานิดหน่อย
โจวเจ๋อก็ไม่ได้ชักช้าอะไร ใช้เล็บเปิดประตูแห่งนรก สาวน้อยโลลิจับวิญญาณออกมาจากร่างกายของผู้หญิงทั้งสองคนแล้วช่วยโจวเจ๋อส่งเข้าประตูนรกไปเกิดใหม่ ทุกอย่างประสบความสำเร็จแล้ว!
โจวเจ๋อเดินเข้าไป สั่งชาขมหนึ่งกา ตอนที่รอน้ำชามาเสิร์ฟได้หยิบบุหรี่ออกมาคาบหนึ่งมวน แต่ยังไม่ทันได้จุดก็มีผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาจากข้างนอก และผู้ชายคนนั้นก็มานั่งตรงข้ามโจวเจ๋อ
ผู้ชายใส่ชุดกีฬาสีน้ำเงิน หลังจากนั่งลงแล้วจึงสั่งน้ำชาหนึ่งกา พร้อมกับสายตาที่จ้องมองไปด้านนอกประตูวัดพูดตามจริง นั่งดื่มน้ำชาที่นี่เหมือนโดนลงโทษชัดๆ ลูกค้านักดื่มชาทั่วไปเมื่อมาถึงที่นี่ จะรู้สึกว่าได้นั่งดื่มน้ำชาดูวัดเป็นเรื่องที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ศิลป์ ได้ฟังเสียงระฆัง รู้สึกว่าตัวเองได้ยกระดับชีวิตแล้ว
แต่สำหรับเถ้าแก่โจว ทุกครั้งที่เสียงระฆังดังขึ้น เขาจะรู้สึกไม่สบายตัวเป็นระยะกระทั่งรู้สึกทรมาน แต่ในทางตรงกันข้ามความรู้สึกแบบนี้ก็เป็นความสบายอย่างหนึ่ง เหมือนตอนที่ชายชราคนนั้นพูดบนรถเมล์มรณะ พอไม่มีความเจ็บปวดแล้วจริงๆ กลับรู้สึกคิดถึงมัน
เขาดื่มชาขมหนึ่งที แล้วจึงขมวดคิ้วตัวสั่น จากนั้นสูดลมเย็นเข้าปากเบาๆ สัมผัสได้ถึงความสุขของความทรมาน สุดยอดไม่น่าเชื่อจริงๆ
เขาดื่มจนหมดถ้วย ดื่มได้ถึงอกถึงใจ จากนั้นรินน้ำชาให้ตัวเองอีกถ้วย ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาดมกลิ่นหอมของชาขม เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง มือที่ถือน้ำชาสั่นเล็กน้อย เกิดเป็นคลื่นกระเพื่อมขึ้นลงจางๆ แล้วจึงก้มหน้าจิบน้ำชาอีกครั้ง ความเจ็บปวดทรมานนิดๆ ของร่างกายบวกกับความขมระหว่างลิ้นกับฟัน เสริมกันให้เด่นชัดมากขึ้น
เพียงแต่ตอนที่เถ้าแก่โจวกำลังก้มหน้าดื่มครั้งที่สอง กลับเห็นความผิดปกติว่า ชายวัยกลางคนที่เพิ่งเข้ามานั่งตรงข้ามตัวเอง มือของเขาที่ถือถ้วยน้ำชาก็สั่นเล็กน้อยเหมือนกัน แต่โจวเจ๋อไม่ได้ใส่ใจ ผ่านไปสักพักหนึ่ง เสียงระฆังครั้งถัดมาดังกว่าเสียงระฆังก่อนหน้านั้นมาก คาดว่าเณรที่เคาะระฆังคงจะเคาะเป็นครั้งสุดท้าย จึงทุ่มสุดแรง
‘ตึง!’
โจวเจ๋อสูดลมหายใจลึกๆ มึนศีรษะไปชั่วขณะ แต่ยังจับถ้วยน้ำชาในมือได้อย่างมั่นคง ส่วนผู้ชายวัยกลางคนที่นั่งตรงข้ามโจวเจ๋อกลับส่งเสียงอึดอัดออกมา ตามด้วยร่างกายที่โอนเอนอย่างแรง แล้วทั้งตัวจึงล้มลงไปกับพื้น ส่วนแก้วน้ำชาที่อยู่ในมือของเขาได้ถูกสะบัดออกไป
‘แปะ!’
น้ำชาที่สะบัดออกไป สาดไปโดนใบหน้าของโจวเจ๋อโดยตรง
“…” โจวเจ๋อ
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล