ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 326

ตอนที่ 326 เสียงระฆัง!

พระตกตะลึง อมิตาภพุทธเชี่xอะไร ฉันเป็นตัวประกันนะ!

ผู้ชายวัยกลางคนก็ตกตะลึงเช่นกัน กระทั่งส่งสายตาอ้อนวอนออกมา คุณลังเลสักนิดไม่ได้เหรอ จากนั้นโจวเจ๋อจึงสูบบุหรี่อีกหนึ่งทีแล้วทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้น ใช้รองเท้าบดขยี้แล้วพุ่งเข้าไปโดยตรง โจวเจ๋อไม่เห็นตัวประกันอยู่ในสายตา

ชาติที่แล้วตอนดูละครตำรวจจับโจรผู้ร้าย โจวเจ๋อเบื่อที่สุดก็คือโจรจับตัวประกันแล้วมักจะมีบทพูดที่ไร้สาระมากมาย โดยเฉพาะบทพูดพวกนั้นในละครรัก ‘คุณรีบไป ไม่ต้องสนใจฉัน!’ ‘คุณไปซะ คุณรีบไปเดี๋ยวนี้!’ ‘ฉันไม่ไป!’ ‘คุณไปซะ!’ ‘ฉันไม่ไป!’ ‘คุณรีบไปซะ!’

ผู้ชายวัยกลางคนเห็นโจวเจ๋อพุ่งเข้ามา เขากลับไม่ได้ลงมือฆ่าพระอ้วนจริงๆ เพราะเขามองออกว่าโจวเจ๋อไม่ได้สนใจชีวิตของตัวประกันที่อยู่ในมือของตัวเอง และพระอ้วนรูปนี้ก็อ้วนเกินไป ใช้แผ่นกระเบื้องแทงคอของเขาต้องใช้แรงเยอะมาก จึงฆ่าไม่สะดวก

ผู้ชายวัยกลางคนทิ้งแผ่นกระเบื้องแล้วหมุนตัววิ่งหนีไปข้างหลัง ครั้งนี้เขาเล่นท่ายาก พยายามกระแทกหน้าต่างกระจกออกไป

‘ปัง!’ เสียงหนักอึ้งดังตามมา หน้าต่างไม่แตก จากนั้นผู้ชายวัยกลางคนก็เด้งกลับมากระแทกกับพื้นอย่างแรง พระอ้วนที่ถูกมัดนอนอยู่กับพื้นหันไปมองแล้วจึงแสยะยิ้มออกมา “กระจกกันกระสุน”

“…” ผู้ชายวัยกลางคน

ผู้ชายวัยกลางคนไม่มีเวลาคุยกับพระอ้วนรูปนี้ว่าวัดว่างมากนักเหรอ ทำไมถึงมีกระจกกันกระสุนอยู่ที่เรือนด้านข้าง เพราะโจวเจ๋อกำลังเข้ามาประชิดตัวแล้ว

’วืด!’ ผู้ชายวัยกลางคนสายตาจ้องนิ่งทันที ความรู้สึกหนักอึ้งและเหม่อลอยที่คุ้นเคยโจมตีเข้ามาอีกครั้ง แต่โจวเจ๋อที่ได้ประสบการณ์จากครั้งที่แล้วประนมสองมือ จากนั้นควันสีดำจึงลอยฟุ้งออกมา บดบังระหว่างตัวเองกับผู้ชายวัยกลางคน แล้วความรู้สึกหนักอึ้งแบบนั้นจึงหายไปทันที

ตอนที่โจวเจ๋อพุ่งเข้าไปเขาได้ง้างมือขึ้นมาเตรียมโจมตีไปที่ท้ายทอยด้านหลังเพื่อจับวิญญาณร้ายออกมา ด้านนอกของเรือนด้านข้าง ผู้ชายใส่ชุดสูทที่เพิ่งจะวิ่งเข้ามาพร้อมกับเหงื่อท่วมศีรษะเมื่อครู่ได้ถอดถุงมือของตัวเองทันที ชั่วเวลานั้นเนื้อของนิ้วมือซ้ายละลายหายไป เผยให้เห็นฝ่ามือกระดูกสีชมพู จากนั้นกำนิ้วทั้งห้าอย่างแน่นจนเกิดเสียงเสียดสีออกมาเล็กน้อย

“ไป!” ทนายอันตะโกนด้วยความร้อนใจ

ภายในห้องโจวเจ๋อที่กำลังลงมือรู้สึกว่าสายตาของตัวเองพลันพร่าเลือน ผู้ชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าก็ดูเลือนรางขึ้นมาเช่นกัน แม่งเอ๊ย หาลูกเล่นใหม่มาหน่อยไม่ได้เหรอไง นอกจากภาพลวงตาแล้วก็ภาพลวงตา

โจวเจ๋อกัดปลายลิ้น พยายามใช้เล็บทั้งสิบนิ้วเสียดสีกัน ความเจ็บแสบส่งมาจากนิ้วทั้งสิบ สิบนิ้วเชื่อมถึงใจ โจวเจ๋อพยายามบังคับตัวเองให้มีสติ และเหมือนกับภายในร่างกายมีภูมิต้านทานหลังจากติดเชื้อมาแล้วครั้งหนึ่ง เถ้าแก่โจวหลังจากที่มีชีวิตกลับมาไม่รู้ว่าต้องเจอภาพลวงตามากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ดังนั้นพลังการต่อต้านภาพลวงตาของเขาจึงเยอะกว่าคนทั่วไปกระทั่งยมทูตทั่วไปเป็นอย่างมาก

จากนั้นโจวเจ๋อจึงแค่ตัวเซแต่ไม่ได้หลงเข้าไปอยู่ในแดนมายา เดิมทีชายวัยกลางคนคาดหวังให้โจวเจ๋อหลงลืมตัวเขาไป เขารู้ว่าคนคนนั้นมาถึงแล้ว เพราะเมื่อวานนี้ตัวเขาก็เข้าไปอยู่ในแดนมายาโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน ทว่าโจวเจ๋อแค่ตัวโอนเอนเท่านั้น จากนั้นสีดำในนัยน์ตาของเขายิ่งสีเข้มมากขึ้น ยกฝ่ามือขึ้นแล้วกดลงมาอีกครั้ง

ด้านนอกประตู ทนายอันรู้สึกปวดตาทั้งสองข้าง ภาพลวงตาไม่ได้ผล อีกฝ่ายรอดไปได้ จากนั้นทนายอันอยากจะพุ่งเข้าไปช่วยคนทันทีเมื่อได้สติ แต่ร่างของเขายังคงหยุดอยู่หน้าประตูไม่ไปไหน

ความแตกต่างของตัวประกอบและนักแสดงสมทบอยู่ที่ ในหัวของตัวประกอบมีแต่คำว่า ‘รนหาที่ตาย แล้วก็รนหาที่ตาย’ เหมือนกับตอนต้นของหนังสยองขวัญเวลาที่ตัวเอกรู้สึกผิดปกติ คนนั้นก็จะพูดทันทีว่า ‘คุณคิดมากไปแล้วจะต้องเป็นภาพลวงตาแน่นอน’ คาดว่าตัวละครที่พูดแบบนี้ไม่นานก็จะได้รับข้าวกล่อง แต่นักแสดงสมทบรู้ตัวเองดีว่าควรหยุดลงมือตอนไหน

ทนายอันไม่กล้าหวังให้ตัวเองเป็นตัวเอก เขาเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้กลายเป็นตัวเอก เขาเป็นเพียงหนึ่งในสรรพชีวิตในโลกหลังความตาย สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยอาศัยการระวังตัวของตัวเองทั้งสิ้น เขาจึงไม่คิดว่าตัวเองโชคดีมากหรือมีรัศมีอะไรอยู่กับตัว เพราะคนที่คิดแบบนี้ เขาเจอมาเยอะแล้ว และส่วนใหญ่จะตายหมด

ด้วยเหตุนี้ ทนายอันจึงหยุดชะงักกัดฟันอย่างแรง ลางสังหรณ์รุนแรงแบบนั้นบอกว่าอย่าปะทะกับโจวเจ๋อแบบซึ่งๆ หน้าเด็ดขาด อย่าเด็ดขาด!

ถึงแม้ว่าธุรกิจนี้จะล้มเหลว ถึงแม้ว่าตัวเองจะต้องเจอเรื่องยุ่งยากไม่น้อยจากเรื่องนี้ แต่ต่อให้ยุ่งยากมากแค่ไหนก็ยังดีกว่าตายมากนัก เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วจึงถอยหลังสามก้าว ฉันจะทน!

ถ้าหากตอนนี้เจ้าที่คนนั้นที่ถูกกินไปแล้วยังมีชีวิตอยู่ที่นี่ จะต้องร้องเชียร์ทนายอันอย่างบ้าคลั่งแน่นอน ทว่าในเวลานี้ เสียงระฆังที่หยุดไปแล้วก่อนหน้านั้น กลับดัง ‘กระหึ่ม’ ขึ้นมาอีกครั้ง! แรงขึ้น ถี่ขึ้น วุ่นวายและเร็วมาก! ‘เหง่งหง่าง!!! เหง่งหง่าง!!! เหง่งหง่าง!!!’ เสียงระฆังนี้ดังกว่าตอนที่เถ้าแก่โจวไปดื่มน้ำชาหลายเท่า ชั่วเวลาเพียงครู่เดียวเถ้าแก่โจวรู้สึกสมองของตัวเองหมุนติ้ว แล้วจึงล้มฟุบลงไปกับพื้น

ด้านนอกห้อง ทนายอันที่เพิ่งจะปลอบใจตัวเองสำเร็จก็คลานลงไปกับพื้นด้วยสีหน้าที่ทรมานเป็นอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล