ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 409

สรุปบท ตอนที่ 409 ปล่อยพลังอันน่าเกรงขาม: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

อ่านสรุป ตอนที่ 409 ปล่อยพลังอันน่าเกรงขาม จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 409 ปล่อยพลังอันน่าเกรงขาม คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 409 ปล่อยพลังอันน่าเกรงขาม

เจ้าหมาร่ำรวย

โจวเจ๋อไม่ได้จงใจตั้งชื่อนี้มั่วๆ ในโลกใบนี้นับตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันมีสุนัขหลายตัวชื่อเจ้าร่ำรวย ทำให้ ‘เจ้าร่ำรวย’ เกือบจะกลายเป็นชื่อโหลอันดับต้นๆ ในหมู่สุนัข

ตามตำนาน จักรพรรดิเหยาโปรดให้มีการตั้งกลองแห่งการแสดงความคิดเห็น ให้ราษฎรทั่วหล้าเอ่ยความในใจของตน และตั้งต้นไม้แห่งการสาดโคลน ให้ประชาชนประณามความผิดของเขา ทั้งยังพระราชทานให้อสูรร้ายเซี่ยจื้อที่เขาพาออกมาจากอนารยะถิ่นทุรกันดารให้เป็นสัตว์แห่งความยุติธรรม เพื่อตัดสินโทษตามประมวลกฎหมาย รักษาความศักดิ์สิทธิ์ของตุลาการและความยุติธรรม

เมื่ออสูรร้ายตัวนี้ถูกพาออกมากลับไม่ได้ตั้งชื่อให้มัน เมื่อบุตรีของจักรพรรดิเหยาเห็นมันจึงถามบิดาว่ามันชื่ออะไร คล้ายกับพ่อแม่ในยุคนี้ที่ซื้อสัตว์เลี้ยงจากร้านขายสัตว์เลี้ยงสักตัวแล้วพามันกลับบ้าน และพวกเด็กๆ เข้ามาเล่นด้วยพร้อมกับถามพ่อแม่ว่ามันชื่ออะไร

จักรพรรดิเหยาลูบหัวเซี่ยจื้อและพูดว่า “งั้นเรียกว่าเจ้าร่ำรวยแล้วกัน”

ต่อมาเมื่อได้รับการประกาศแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ จะเรียกมันว่า ‘เจ้าร่ำรวย’ ตามปกติไม่ได้ จะเรียกว่า ‘เจ้านำโชค’ ก็ไม่ได้อีก จึงได้ชื่อว่า ‘เซี่ยจื้อ’ สืบมา และด้วยเหตุนี้ ทำให้มีสุนัขนับพันนับหมื่นตัวบนโลกนี้ชื่อว่า ‘เจ้าร่ำรวย’ แต่สันนิษฐานว่าผู้ที่ได้รับชื่อนี้และเป็นผู้ก่อตั้ง ‘ร่ำรวยกรุ๊ป’ ในช่วงแรกสุด ก็น่าจะเป็นเซี่ยจื้อ

‘ชื่อที่เรียกด้วยความรัก’ นี้ หรือที่เรียกว่า ‘ชื่อเล่น’ ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้คน แต่เป็นที่รู้จักในหมู่แวดวงชนชั้นสูง แน่นอนว่ารวมไปถึงอิ๋งโกว…ที่ยุคสมัยเก่าแก่กว่าจักรพรรดิเหยา

เพื่อนเก่าพบหน้า แกเรียกฉันว่าไข่หมา ฉันเรียกแกว่ายาจก ซี้กันจะตาย ใช่ไหมล่ะ

ในตอนนี้เอง ประกายในดวงตาของเซี่ยจื้อกลอกไปมาอย่างรวดเร็ว

มัน ในที่สุดมันก็จำได้แล้วว่าชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เป็นใครกันแน่!!!

วินาทีต่อมา สีหน้า ‘ซวยแล้วตู’ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยจื้อ

เขา ทำไมถึงโผล่มาอยู่ที่นี่ได้! ร่างของเซี่ยจื้อเริ่มสั่นเทา มันกำลังหวาดกลัว!

ต่อให้มันเป็นสัตว์แห่งความยุติธรรม มันก็กลัวเป็นเหมือนกัน ในโลกใบนี้ไม่มีความยิ่งใหญ่ ความรุ่งโรจน์ และความถูกต้องอยู่อย่างแท้จริง ความยิ่งใหญ่ ความรุ่งโรจน์ และความถูกต้องที่เกินจริงมักมีการแอบแฝงโฆษณาชวนเชื่อและจงใจทำให้เป็นดั่งเทพ เซี่ยจื้อก็เช่นกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีชื่อ ‘เจ้าร่ำรวย’ นี่หรอก และคงไม่มีทางไม่กล้าลงนรกไปอีกเป็นเวลาหลายพันปีหลังจากครั้งนั้น

แขนของโจวเจ๋อสั่น ในเวลานี้เองเกิดเสียงดัง ‘กึก’ ตรงแขนขวาข้างที่หักและยังไม่หายดี ชั่วพริบตาเดียวมันฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิม แม้แต่แผลบนเล็บก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง เล็บใหม่งอกยาวออกมา พลังฟื้นฟูแบบนี้ทำให้เดดพูลที่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ ยังหยุดหัวเราะโง่ๆ ได้

อารมณ์หวาดกลัวของเซี่ยจื้อถูกซ่อนอำพรางเอาไว้อย่างรวดเร็ว หลังจากจู่ๆ ก็พบว่าคนตรงหน้าคือชายหนุ่มที่หักเขาของมันที่ทะเลแห่งความตายในนรกตอนนั้น เซี่ยจื้อหวาดกลัวมากจริงๆ นั่นเป็นความกลัวที่ฝังลึกอยู่ในกระดูกและเป็นเงาร้ายสะสมมานับพันปี แต่ไม่นานนักความหวาดกลัวก็ถูกยับยั้งไว้ และความปีติยินดีเข้ามาแทนที่!

แก แกยังไม่ตายจริงๆ สินะ!!! แกยังมีชีวิตอยู่จริงๆ สินะ!!!

เซี่ยจื้อคำราม ในเสียงคำรามนี้แฝงไปด้วยความดีใจระคนตื่นเต้นยากที่จะอำพรางไว้ได้! ศัตรูยังไม่ตาย อย่างนั้นมันก็สามารถแก้แค้นได้แล้ว! อีกทั้งมันยังรู้ว่าศัตรูของมันผู้นี้ผ่านเรื่องอะไรมาบ้าง!

มันดันเจอเขาในตอนที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด!

แต่ทว่า เซี่ยจื้อไม่ได้เคลื่อนไหวโจมตีโดยตรง อีกทั้งร่างเงาของมันพลันจางลงเรื่อยๆ มันกำลังจะหายไป!

นี่เป็นเพียงแค่ภาพเสมือน ไม่ใช่แม้แต่ร่างแยกด้วยซ้ำ เหนือหน่วยงานในระบบงานยุติธรรมของประเทศล้วนมีดวงตาของมันคอยสอดส่องความอธรรมและความชั่วช้าทั้งปวง และในขณะเดียวกันก็ป้องกันไม่ให้สิ่งชั่วร้ายเข้ามารุกราน และด้วยเหตุนี้ มันจึงต้องไปเพื่อนำสารนี้ส่งต่อให้ร่างจริงของมัน กระทั่งส่งต่อให้คนเหล่านั้นในปีนั้นด้วย

ถ้าหากอยู่ในยุคปัจจุบัน จะต้องมีกลุ่มวีแชตชื่อว่า ‘กลุ่มวีแชตตามหาอิ๋งโกวเพื่อล้างแค้น’ หรือไม่ก็ชื่อว่า ‘กลุ่มวีแชตไอ้สารเลวอิ๋งโกวตายสิ้นซากหรือยัง’

การอวดเก่งของเขาในปีนั้น ในหลายพันปีต่อมากลับกลายเป็นหนี้ที่เขาต้องชดใช้ นี่เป็นสาเหตุที่อิ๋งโกวจำเป็นต้องซ่อนอยู่ในร่างของโจวเจ๋ออยู่เงียบๆ

ศัตรูของเขามีมากเกินไปจริงๆ มากเสียจนเขาไม่รู้จะนับอย่างไรไหว แน่ละ คนส่วนใหญ่ล้มหายตายจากไปหมดแล้ว แต่ก็ยังคงเหลือพวกที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษบางส่วน เรื่องราวล้วนเปลี่ยนแปลงความรุ่งเรืองและความตกต่ำนั้นไม่แน่นอน แม้กระทั่งพวกปลาเล็กปลาน้อยที่เขาเคยจัดการตามอำเภอใจในตอนนั้น ในตอนนี้อาจจะมีบางส่วนไต่เต้าขึ้นไปตำแหน่งระดับสูงบ้างแล้วก็ได้

หากเป็นพวกมนุษยสัมพันธ์ดีละก็ เมื่อได้รับความเดือดร้อนในยามนี้ แค่เรียกหาเพื่อนเก่าสักคนเพื่อขอพึ่งพา และทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน ก็จะสามารถฟื้นตัวได้ง่ายขึ้นไปอีก แต่พออิ๋งโกวมาคำนวณและนับดูแล้วก็พบว่าตัวเองนั้นมีศัตรูอยู่ทั่วทั้งโลก ดันหาเพื่อนไม่ได้แม้แต่คนเดียว นี่มันช่างน่าเศร้ามาก!

“คิดหนีงั้นหรือ”

โจวเจ๋อสัมผัสแหวนทองสัมฤทธิ์บนนิ้วของเขา ม่านแสงสีฟ้าปกคลุมที่นี่ทันที เขตแดนใหม่ก่อตัวขึ้น และได้ทำลายเขตแดนที่สร้างตอนเซี่ยจื้อปรากฏตัวขึ้นก่อนหน้านี้ลงไป ขณะเดียวกันมันกลายเป็นกรงขัง และเซี่ยจื้อถูกกักขังอยู่ข้างในทันที จะปล่อยให้ร่างเงานี้จากไปไม่ได้เด็ดขาด และจะปล่อยให้เรื่องที่ตัวเขายังไม่ตายเล็ดลอดออกไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด!

เดิมทีเป็นเพียงแค่เรื่องการปล้นคุกช่วยนักพรตเฒ่าออกมาธรรมดาๆ เท่านั้น แต่เนื่องจากเหตุบังเอิญต่างๆ ดันมาพัวเข้ากับความคับแค้นใจในสมัยโบราณนับพันปี นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด

“พวกเจ้า…ป้องกันค่ายกล!”

ครู่หนึ่ง ภายใต้ม่านแสงสีฟ้าได้ปรากฏจุดสามจุดขึ้น แต่ละจุดคล้ายกับมีตะปูเสียบอยู่ข้างใน นี่ไม่ใช่นัยน์ตาค่ายกล นัยน์ตาค่ายกลคือแหวนในมือโจวเจ๋อ แต่ตำแหน่งทั้งสามนี้กลับเป็นกุญแจสำคัญอย่างยิ่ง

ไป๋อิงอิงพุ่งออกไป สำหรับความต้องการของเถ้าแก่นั้น เธอมักจะเป็นคนแรกที่ตอบสนองโดยไร้เงื่อนไข ในขณะเดียวกันยังพยายามแสดงความริเริ่มของตัวเอง เพื่อเปลี่ยนวิธีที่จะทำให้เถ้าแก่พึงพอใจมากยิ่งขึ้น

พวกสาวน้อยโลลิทั้งสามคนที่อยู่ทางนั้นก็รีบพุ่งออกไปด้วย สาวน้อยโลลิ เดดพูล และสวี่ชิงหล่างทั้งสามคนรับผิดชอบตะปูหนึ่งตัว ส่วนไป๋อิงอิงทางนั้นรับผิดชอบตะปูหนึ่งตัวเพียงคนเดียว ยังว่างอยู่หนึ่งที่เดดพูลรีบลุกขึ้นเตรียมพร้อมจะไปทางนั้น แต่ในเวลานี้เอง ทนายอันที่หมอบอยู่บนพื้นตัวสั่นเทาก่อนหน้านี้ลุกขึ้นทันที ตบพื้นด้วยฝ่ามือเดียว ร่างดีดตัวขึ้น และสุดท้ายก็ตกลงไปข้างๆ ตะปูตัวที่สาม พลางใช้มือกระดูกของตัวเองคว้ามันเอาไว้แน่นและดันลงไป

เมื่อเห็นเซี่ยจื้อเด้งกระดอนอย่างต่อเนื่องจวนจะหลบหนีได้แล้ว โจวเจ๋อก้มหน้าลงและเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ ใช้น้ำเสียงที่แผ่วเบาและท่าทีที่ไม่เต็มใจนักปริปากเอ่ยว่า “กาแฟ”

‘ตู้ม!’ บนพื้นนั้น โซ่ตรวนสีดำที่น่าสะพรึงกลัวทั้งห้าเส้นดูเหมือนทะลวงออกมาจากทะเลแห่งความตาย ยึดร่างเซี่ยจื้อเอาไว้ในชั่วพริบตา ร่างของเซี่ยจื้อเป็นภาพเสมือน โซ่ตรวนทั้งห้าเส้นนี้ก็เป็นเพียงภาพเสมือนเช่นกัน หลังจากโจมตีสำเร็จ เซี่ยจื้อแผดเสียงคำรามอย่างสุดชีวิต แต่กลับไม่สามารถหลุดพ้นได้ในเวลาอันสั้น

โจวเจ๋อกลับไม่ยินดียินร้ายที่ได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย ในสายตาของเขามีเพียงสิ่งที่เรียกว่า ‘อัปยศอดสู’ แต่ภายใต้ความอัปยศอดสูเช่นนี้ เขายังต้องพูดต่อไป

“หนังสือพิมพ์…” พยับเมฆเข้าปกคลุมเหนือเขาของเซี่ยจื้อ จากนั้นฟาดลงมาทันที!

‘ตุ้บ!’ เซี่ยจื้อถูกทุบกลับไปที่พื้นอย่างจัง เซี่ยจื้อที่ร่วงบนพื้นแหงนหน้าขึ้นจ้องโจวเจ๋อที่อยู่ตรงหน้า โจวเจ๋อไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด เมื่อเทียบกับภาพเสมือนของเจ้าร่ำรวยตรงหน้า โจวเจ๋อยังรู้สึกว่าชื่อท่ากาแฟ หนังสือพิมพ์ประหลาดๆ พวกนี้ทำให้เขารู้สึกรับไม่ได้ยิ่งกว่าเสียอีก

แต่ทว่า หลังจากที่เซี่ยจื้อดูเหมือนจะรู้ว่ามันไม่สามารถหนีออกไปได้ มันกลับพุ่งเข้าใส่โจวเจ๋อเต็มแรง เขาที่เหลือเพียงข้างเดียวนั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้นพยาบาท!

โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้นทันใด สายตานิ่งเฉยและคว้าเขาข้างเดียวนี้ไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นโจวเจ๋อออกแรงขาทั้งสองข้าง ยกเซี่ยจื้อขึ้นมาวางไว้บนหัวของตัวเอง

‘โฮก!’ เสียงร้องคำรามนี้ไม่ได้มาจากเซี่ยจื้อ แต่กลับมาจากโจวเจ๋อ เขาอ้าปากเผยให้เห็นเขี้ยวที่งอกออกมา

‘กึก…’ ภาพเสมือนของเซี่ยจื้อเริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ และเริ่มร่วงเข้าสู่ปากของโจวเจ๋อ

เจ้าลิงน้อยที่เดิมทีหมอบอยู่ข้างเท้าโจวเจ๋อดูเหมือนจะตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ มันเงยหน้าขึ้นอย่างน่ารักน่าหยิกเล็กน้อย และมองโจวเจ๋อที่อยู่ข้างๆ กับเงาแสงขนาดใหญ่นั่นด้วยความมึนงง

ดูเหมือนว่าโจวเจ๋อจะสังเกตเห็นสิ่งนี้จากหางตา จากนั้นมือของเขาสั่นเล็กน้อย เศษเสี้ยวของเงาแสงร่วงหล่นลงมาตกอยู่ข้างๆ เจ้าลิงน้อย

เจ้าลิงน้อยรีบเก็บขึ้นมาแทะกินไปพร้อมกับโจวเจ๋อ เจ้าลิงน้อยกินไปหัวเราะไป อยู่กับเจ้า มีเนื้อให้กิน เจี๊ยกๆๆ

หลังจากภาพเสมือนของเซี่ยจื้อถูกโจวเจ๋อและเจ้าลิงน้อยกลืนกินไปพร้อมกัน โจวเจ๋อยืนอยู่ที่เดิม ดูเหมือนกำลังจะบิดขี้เกียจ แต่ตรงตำแหน่งระหว่างคิ้วนั้น ปรากฏภาพของปากกาด้ามหนึ่งขึ้นมา แฝงไปด้วยเจตจำนงที่ไม่อาจจะต้านทานได้

“หึ…”

โจวเจ๋อขำ ครั้งนี้เขาไม่ได้ต่อต้านและไม่ได้คำราม แต่กลับหลับตาลง มาดูกันว่าเจ้าจะผนึกข้าไปได้นานแค่ไหน…

………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล