ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 411

ตอนที่ 411 เหลวไหล

เมื่อได้ยินสองคนนี้พูด ไป๋อิงอิงเบ้ปากอยู่ข้างๆ เห็นได้ชัดว่าอิงอิงโกรธมาก

อันที่จริงตัวอิงอิงเองรวมถึงแม่นางไป๋ จริงๆ แล้วเป็นผลผลิตที่น่าเศร้าภายใต้ความคิด ‘ผู้ชายสำคัญกว่าผู้หญิง’ แบบนี้ องค์ประกอบที่สำคัญมากของจริยธรรมศักดินาคือการกดขี่และการเลือกปฏิบัติต่อสตรี

เงินดาวน์เรือนหอลูกชายไม่พอ แล้วเอาเงินบริจาคช่วยชีวิตลูกสาวมาใช้!

พวกเขาล้วนเป็นลูกชายลูกสาวของตัวเองทั้งนั้น โดยพื้นฐานมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะตักน้ำใส่ถ้วยให้เท่ากัน[1] นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์เช่นกัน แต่ถ้าเหมือนครอบครัวนี้ที่กินหมั่นโถวเลือดคน[2]ของพี่สาว นั่นก็คงจะเลวบริสุทธิ์จริงๆ นอกจากนี้ หลังจากรวมกับเงินค่าผ่าตัดที่มาจากเงินบริจาคแล้ว ยังขาดเงินดาวน์อีกนิดหน่อย คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะยังขอรับบริจาคในนามของลูกสาวตัวเองต่อไปอีก

“เถ้าแก่ ทำยังไงดีเจ้าคะ” อิงอิงมองเถ้าแก่ของตัวเอง เธอรู้ว่าเถ้าแก่ของตัวเองเป็นคนขี้งกมาโดยตลอด…ถุย ไม่สิ เป็นผู้ชายขยันและประหยัดมัธยัสถ์เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว! ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นความคล้ายคลึงระหว่างชื่อผู้ป่วยกับชื่อของตัวเองละก็ เถ้าแก่คงไม่เห็นอกเห็นใจขนาดนี้หรอก

คนส่วนใหญ่ล้วนมีจิตใจโอบอ้อมอารี แต่เรื่องต่างๆ ไม่ได้สอดคล้องไปทางเดียวกันทั้งหมด ธรรมชาติของมนุษย์มีความชั่วเป็นธรรมดา แต่อันที่จริงคนส่วนใหญ่ต้องการทำความดีเพื่อให้ตนเองพึงพอใจ แต่ถ้ามาพร้อมกับการหลอกลวงทั้งเพ เป็นสิ่งที่เหลือทนที่สุด

“ฆ่า…” จู่ๆ โจวเจ๋อก็เงยหน้าขึ้น “อะไรนะ…ทำยังไง โทรหาจางเยี่ยนเฟิง ให้เขาพาตัวพวกเขาออกไปและตั้งข้อหาฉ้อโกง”

ตอนที่โจวเจ๋อเอ่ยคำแรกออกมา ทนายอันที่อยู่ข้างๆ เลิกคิ้วขึ้นทันที แม้ว่าโจวเจ๋อจะเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว คนรอบตัวอาจจะไม่ทันสังเกต แต่ทนายอันสังเกตเห็นเข้าแล้ว มีจิตสังหารโผล่แวบขึ้นมาบนร่างของโจวเจ๋อเมื่อครู่!

เขาอยากฆ่าคน ฆ่าทั้งสองคนนี้ทิ้ง!

การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดแบบนี้ แม้ว่าถูกโจวเจ๋อควบคุมได้ทันเวลา แต่ทนายอันยังรู้สึกตกใจเล็กน้อย เขารู้ดีว่าโจวเจ๋อเป็นคนแบบไหนกันแน่ เป็นเหมือนกับคนตีฆ้องบอกเวลาที่วันๆ คอยตีฆ้องพลางบอกว่า ‘อากาศแห้งแล้ง ระวังฟืนไฟ’ ใช้ชีวิตผ่านไปวันๆ แบบคนเลอะเลือนเท่านั้นเอง

หรือว่าเป็นเพราะเพิ่งเข้าสู่สภาวะนั้นจึงถูกคนผู้นั้นในร่างส่งผลกระทบต่ออารมณ์และจิตใจกันล่ะ

“เจ้าค่ะ เถ้าแก่” อิงอิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาจางเยี่ยนเฟิง ส่วนสองคนนี้จะถูกเธอเฝ้าจนกว่าจางเยี่ยนเฟิงจะมาถึงแล้วค่อยว่ากัน

กล้าหลอกเอาเงินเถ้าแก่ของข้า หลอกเอาเงินเถ้าแก่ก็เท่ากับหลอกเอาเงินของข้าอิงอิง!

ทนายอันหัวเราะและพูดหยอกล้อทำลายบรรยากาศตึงเครียด “ดังนั้นถึงได้มีคำพูดต่อกันมาตามท้องตลาดว่า ทางที่ดีที่สุดไม่ควรแต่งงานกับภรรยาที่มีน้องชาย การสั่งสอนของบางครอบครัวจะสอนและล้างสมองลูกสาวให้กลายเป็นโวลเดอมอร์ (ปีศาจที่ทุ่มเทเพื่อน้องชาย) ฮ่าๆๆๆ”

โจวเจ๋อมองทนายอันแล้วถามขึ้น “ตลกเหรอ”

“ไม่ตลกครับ แหะๆ”

“ฮู่ว…”

จางเยี่ยนเฟิงเช่าห้องอยู่ข้างนอก เพราะห้องในร้านหนังสือค่อนข้างคับแคบ โดยพื้นฐานแล้วต้องอยู่ร่วมกัน และสถานะของเขาเองก็ไม่เหมาะที่จะถ่อไปในร้านหนังสือบ่อยๆ อาคารหอพักของสถานีตำรวจก็ไม่ค่อยสะดวกสำหรับจางเยี่ยนเฟิงอีกเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเช่าอยู่เอง แน่นอนว่าเขาก็กลับไปค้างคืนที่ร้านหนังสือบ้างเป็นครั้งคราว ถือเป็นการขัดเกลาจุดยืนทางการเมืองของตัวเองไปในตัว

คืนนี้เหล่าจางไม่ได้นอนทั้งคืน อืม ปกติแล้วเขาก็นอนไม่หลับเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ไปนั่งสมาธิ กลับนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานแทน

ในฐานะยมทูตผู้มีประสิทธิภาพการต่อสู้กากที่สุดในทีม มีหลายๆ เรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจเรียกเขาเป็นพิเศษ แต่ในด้านการใช้ชีวิต บางครั้งก็ยังต้องเรียกให้เขาไปดูแล

เหล่าจางจำได้ว่าช่วงก่อนหน้านี้ทนายอันเคยคุยกับเขา อีกฝ่ายบอกว่ารอให้ผ่านไปอีกสักพักหนึ่งก่อน รอหลังจากเถ้าแก่เป็นผู้จับกุม อีกฝ่ายจะช่วยวางแผนเส้นทางการเลื่อนตำแหน่งของเขาให้

เหล่าจางเป็นตำรวจอาชญากรรม เขาสามารถสัมผัสได้ถึงท่าทีที่ทนายอันมีต่อเขา ว่าเป็นท่าทีที่มีต่อการลงทุนที่ล้มเหลว แน่ละ เหล่าจางก็ไม่รู้สึกผิดและนึกตำหนิตัวเองเพราะสาเหตุนี้เช่นกัน

แต่ว่า ระยะนี้เหล่าจางค่อนข้างลำบากมากจริงๆ ไหนจะต้องช่วยฝั่งร้านหนังสือวางแผนและแก้ไขคดีเพื่อช่วยเหลือนักพรตเฒ่า ไหนจะต้องใช้อำนาจในมือของตัวเองที่สถานีตำรวจประจำเมืองเพื่อเริ่มต้นทำการสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องนี้ใหม่หลังจากถูกหน่วยเฉพาะกิจแยกตัวออกมาอีกล่ะ

เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นโรคหลายบุคลิกนิดๆ แล้ว ทำในสิ่งที่ขัดแย้งกัน เขาไม่มีทางเลือกต้องผงกหัวและเห็นด้วยกับเรื่องเหลวไหลอย่างการปล้นคุก ไม่ใช่เพราะสถานะยมทูตของเขา แต่เป็นเพราะในใจของเขารู้ดีว่านักพรตเฒ่านั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่จรรยาบรรณในอาชีพของเขานั้นแกร่งเกินกว่าจะให้เขาทำเรื่องแบบนี้ มันน่าอึดอัดใจมาก

สำหรับคนอื่นๆ ในร้านหนังสือแล้ว การปล้นคุกอาจจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร ส่วนการใช้ชีวิตหลังจากนี้ของนักพรตเฒ่าจะสะดวกสบายหรือไม่ มันไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่ทุกคนจะพิจารณาได้ แต่เหล่าจางกลับคิดจะฝ่าฟันและเปิดหนทางอื่นเพื่อช่วยให้นักพรตเฒ่าพ้นผิด!

ทั้งๆ ที่รู้ความจริงของเรื่องนี้แล้ว แต่กลับยังต้องหาวิธีแก้ปัญหาตามปกติ มันเหมือนโจทย์คณิตศาสตร์โอลิมปิกที่ลึกล้ำมาก คุณรู้คำตอบแล้ว แต่กระบวนการแก้โจทย์ของคุณเหนือขอบเขต เหนือขอบเขตจนครูผู้ให้คะแนนยังตกตะลึง และด้วยเหตุนี้คุณถึงยังต้องใช้วิธีเดิม เฟ้นหาคำตอบออกมาให้ได้

หลังจากล้างหน้า จางเยี่ยนเฟิงออกจากห้องเช่าเพื่อกลับสถานีตำรวจ เมื่อเขาผ่านประตูของสถานีตำรวจเข้าไป เขาถึงกับชะงักไป หลุมขนาดใหญ่นั่นทำให้คนเห็นแล้วเปลือกตากระตุกถี่ๆ

มีผู้คนจำนวนไม่น้อยมุงดูอยู่รอบๆ หลุมนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวานตอนไหนกันแน่ และมันโผล่มาได้อย่างไร ไม่มีใครรู้แน่ชัด กล้องวงจรปิดก็จับภาพอะไรไม่ได้เลย แต่ในใจของจางเยี่ยนเฟิงสัมผัสได้เบาบาง เขาก็ไม่ได้โทรยืนยันกับทางร้านหนังสือ แต่กลับตรงดิ่งเข้าไปที่ห้องทำงานของตัวเอง

เพิ่งจะนั่งลงได้ไม่นาน ตำรวจอาชญากรรมหนุ่มผลักประตูเข้ามาพร้อมกับโทรศัพท์ที่คาอยู่ในมือ และตะโกนบอกจางเยี่ยนเฟิงอย่างตื่นเต้น

“หัวหน้าครับ เจอแล้ว หาเจอแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล