ตอนที่ 437 กลับมาแล้ว
นักพรตเฒ่ากลับมาแล้ว ทนายอันเป็นคนขับรถไปรับ ไอ้หมอนั่นที่ถูกนักพรตเฒ่าต่อยจนหน้าบวมเป่งก็ถูกพาตัวกลับมาด้วย
หลังจากกลับถึงร้านหนังสือ นักพรตเฒ่าเสียใจและเศร้าสลดเล็กน้อย เขาอยู่ในสถานกักกันมาตั้งนาน ในที่สุดก็พิสูจน์ความบริสุทธิ์และกลับถึงบ้าน แต่กลับไม่มีอาหารร้อนๆ ไม่มีการถามไถ่ทุกข์สุข ไม่มีฉากกอดร้องไห้ และไม่มีความโศกเศร้าจนหายใจติดขัดร้องไห้และพูดไม่ออก
ดูเหมือนว่าสิ่งที่ทุกคนสนใจมากกว่าจะไม่ใช่การกลับมาของเขา แต่เป็นไอ้หน้าบวมเป่งคนนั้นต่างหาก
ในใจของนักพรตเฒ่ากำลังพูดติดอ่างอึกๆ อักๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เขาดูละครดราม่า เมื่อเจอฉากน่าเห็นอกเห็นใจก็จะรีบกดกรอไปข้างหน้าเร็วๆ อย่างไม่รู้ตัว มักจะรู้สึกว่ามันน้ำเน่าและเลี่ยนๆ แต่นี่คือสิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้
แต่ไม่นาน เขาก็ปล่อยวาง
อาจจะเกิดเรื่องขึ้นกับสาวน้อยโลลิ ต้องเป็นเพราะทุกคนร้อนใจเรื่องสาวน้อยโลลิแน่นอน ดังนั้นจึงข่มความรู้สึกที่คิดถึงเขาและกลั้นน้ำตาเมื่อได้เห็นเขาอีกครั้งเอาไว้ เปลี่ยนความคิดถึงคะนึงหาและความห่วงใยให้กลายเป็นเหล้าขมปี๋กลั้วในคอ และมาสืบเรื่องสาวน้อยโลลิกันก่อน
ใช่แล้ว เขาเข้าใจแล้ว!
ดังนั้นถ้าอยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อยากอายุยืน อยากอยู่จนอายุเจ็ดสิบแล้วยังสามารถไปดูแลหญิงบริการได้ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะปลอบใจตนเองเสียก่อน
นักพรตเฒ่านั่งลูบเจ้าลิงน้อยในอ้อมแขนตรงมุมร้านหนังสือ
จริงๆ แล้วทุกคนในร้านหนังสือไม่มีอารมณ์กระตือรือร้นในการกลับมาของนักพรตเฒ่าเท่าไรจริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการปลอบโยนอะไรทำนองนั้นเลย
ไม่ใช่เพราะประจบยามรุ่งโรจน์ เย็นชายามตกต่ำ จึงได้ละเลยเขา
หากบ้านใครมีชายชราอายุเจ็ดสิบแปดสิบแล้วออกไปเที่ยวเตร่เริงรมย์ แถมยังเพราะออกเที่ยวถึงได้เกิดปัญหาขึ้นสองครั้งสองครา เดาว่าน่าจะมีความผูกใจเจ็บต่อชายชราละมั้ง
ขายขี้หน้า!
อีกทั้งเพื่อช่วยนักพรตเฒ่าก็ยังเกิดระลอกลูกคลื่นขึ้นมาไม่น้อยเลย ทุกคนนับว่ามีน้ำใจต่อนักพรตเฒ่ามากพอแล้ว อีกอย่างคดีของนักพรตเฒ่าก็พลิกคดีได้แล้ว คนในร้านหนังสือเป็นที่รู้กันมาสักพักแล้ว จึงไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้อีก และด้วยเหตุนี้ ตอนที่นักพรตเฒ่ากลับมาทุกคนก็พยักหน้าตามมารยาทนิดหน่อย ราวกับว่านักพรตเฒ่าแค่ไปซื้อซีอิ๊วบ้านน้าหวังข้างบ้านขวดหนึ่งแล้วกลับมา
นอกจากนี้ยังมีอีกสาเหตุหนึ่ง นั่นก็คือในตอนนี้เวลานี้มีเรื่องร้ายแรงกว่าที่ทุกคนจำเป็นต้องให้ความสนใจ
โจวเจ๋อนั่งบนม้านั่งในห้องส่วนตัวอย่างดุดันไม่เกรงใจใคร ไป๋อิงอิงยืนอยู่ด้านข้าง ส่วนเดดพูลก็ยืนอยู่ข้างหลัง สวี่ชิงหล่างพิงประตูมองเข้าไปข้างใน ส่วนทนายอันจับคอคนขับรถคนนั้นกดลงบนโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็กๆ
โต๊ะสี่เหลี่ยมเล็กๆ เป็นโต๊ะอาหารของร้านหนังสือ ใช้สำหรับเสิร์ฟอาหารมื้อสุดท้ายให้กับวิญญาณที่ลงนรกโดยเฉพาะ ข้างบนสะอาดสะอ้านแต่กลับมีกลิ่นราอับชื้นที่ลบไม่ออก กลิ่นแบบนี้ไม่อาจล้างออกได้
คนขับรถดิ้นรนพลางเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ ตัวเอง เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกจับเข้ามาในห้องมืดของพวกมาเฟีย
ก็มีความหมายทำนองนี้แหละ ทนายอันไม่ได้แจ้งความและไม่ได้แจ้งให้จางเยี่ยนเฟิงทราบ แต่พาคนกลับมาด้วยโดยตรง ก็นับว่าเป็นการแสดงออกที่ชัดเจนอย่างหนึ่ง นั่นก็คือร้านหนังสือจะจัดการเรื่องนี้เอง
บางเรื่องก่อนหน้านี้ให้ฝ่ายตำรวจออกหน้าไป แล้วร้านหนังสือก็แอบช่วยอย่างเงียบๆ นั่นน่ะเป็นเรื่องชาวบ้านเขา แต่คราวนี้เป็นคนของร้านหนังสือที่หายตัวไป ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ทั้งนั้น
คนอื่นมารังแกถึงที่ยังต้องพูดถึงเรื่องกฎเกณฑ์และเหตุผลอีกหรือ
“เด็กผู้หญิงคนนั้นไปไหนแล้ว” ทนายอันถาม
คนขับรถเงียบ ราวกับว่าเขากำลังลังเล ทนายอันก็ตรงไปตรงมาและไม่ได้ถามเป็นครั้งที่สอง ใช้มือซ้ายบิดหูอีกฝ่ายทันที!
‘กึก…’ หูซ้ายถูกดึงหลุดลงมา
คนขับรถอ้าปาก เจ็บปวดจนต้องแหกปากร้อง แต่ทนายอันใช้นิ้วหนึ่งจิ้มที่กรามของอีกฝ่าย อีกฝ่ายจึงร้องไม่ออก เพียงแค่อ้าปากออกกว้าง แสดงออกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวสุดขีด
“ตอบมา”
ฉากนั้นมีเลือดเล็กน้อย เลือดกระเซ็นทั่วจนเปื้อนโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็กๆ และมีหยดเลือดร่วงแหมะลงบนพื้นกระเบื้อง
เดดพูลแลบลิ้นเลียปาก รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย โจวเจ๋อยังคงนั่งเงียบไม่ส่งเสียงใดๆ ต่อไป ส่วนสวี่ชิงหล่างแกล้งทำเป็นบิดขี้เกียจและเบือนหน้าออกไปมองด้านนอก เขายังทนมองฉากแบบนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะทนายอันในตอนนี้ยิ่งดูเหมือนเป็นเพชฌฆาตที่ไม่สนิทคุ้นเคย
“หูข้างที่สองเป็นไง” ทนายอันถาม
คนขับรถพยักหน้าทันที ส่งสัญญาณว่าเขาอยากพูด ทนายอันคลายนิ้วมือออก
“เธอถูกลักพาตัว ถูกลักพาตัวไปแล้ว”
“อ๊าก…” เสียงร้องครวญโอดโอยหยุดกะทันหัน หูข้างที่สองถูกบิดออก แถมยังบีบที่คอหอยของอีกฝ่าย ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายส่งเสียงเช่นเดียวกับเมื่อครู่
สาวน้อยโลลิถูกพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวไปงั้นหรือ
แกแม่งล้อฉันเล่นหรือไง
นั่นเป็นถึงยมทูตเชียวนะ!
เธอไม่ลักพาตัวและพาคนไปขายก็ดีเท่าไรแล้ว แต่ดันถูกลักพาตัวไปขายเนี่ยนะ
ยังไม่พูดความจริงมาอีกใช่ไหม
ก่อนหน้านี้ได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดของร้านอินเทอร์เน็ตฝั่งตรงข้าม รถที่สาวน้อยโลลินั่งมันคือรถของเขา ที่เธอหายตัวไป จะต้องเกี่ยวข้องกับชายตรงหน้านี้แน่ๆ!
ทนายอันมองว่าอาจจะเป็นกลุ่มอิทธิพลบางกลุ่ม หรือไม่ก็เป็นคนชั่วบงการอยู่เบื้องหลังและอื่นๆ…สรุปคือความคิดกระเจิดกระเจิงไปต่างๆ นานา ฟุ้งซ่านจนนับไม่ถ้วน มีพลังอำนาจจัดการยมทูตตนหนึ่งได้จะต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
มือของทนายอันเริ่มยื่นลงไปด้านล่างอีกครั้ง
“บอกความจริงมา ไม่อย่างนั้น…”
“ถูกลักพาตัวไปขายแล้ว ผมลงมือจับเอง ลงมือจับด้วยตัวเอง ในสมุดโทรศัพท์ของผมมีคนชื่อลู่เหล่าซานอยู่ ผมส่งมอบคนให้เขาไปแล้ว…”
คราวนี้ทนายอันลังเลเล็กน้อย และเหลือบมองโจวเจ๋อที่นั่งอยู่ตรงข้าม
โจวเจ๋อพยักหน้า หมายความว่า ดูไม่เหมือนการโกหก ภายใต้สถานการณ์คับขัน ชายคนหนึ่งยอมตายดีกว่าพูดโกหกนั้น มันออกจะยิ่งใหญ่เกินไปสักหน่อย
โจวเจ๋อเชื่อว่ามีวีรชนผู้พลีชีพไม่น้อย เมื่อเผชิญหน้ากับการทรมานของศัตรูสามารถปิดปากเงียบและยอมตายดีกว่ายอมจำนน แต่คนค้ามนุษย์ตรงหน้าเทียบกับวีรชนผู้พลีชีพได้หรือ
นั่นมันเป็นการดูหมิ่นวีรชนผู้พลีชีพ
ทนายอันก็พยักหน้าเช่นกัน ก่อนจะยื่นมือออกไปบิด ร่างของชายหนุ่มพลันกระตุกชักเกร็ง ร่างกายสั่นสะท้านและสลบเหมือดไปทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล