ตอนที่ 564 เหลืออดเหลือทน
ความประหลาดใจของอิ๋งโกวเกิดขึ้นเพราะปฏิกิริยาของโจวเจ๋อ ความจริงแล้ว สาเหตุที่การเคลื่อนไหวนี้ของต้าฉางชิวทำให้โจวเจ๋อโกรธถึงขนาดนี้ นอกจากองค์ประกอบพิเศษบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายให้ชัดเจนแล้ว ยังมีอีกอย่างนั่นก็คือคาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าปล้นอสังหาริมทรัพย์ของตัวเอง!
โจวเจ๋อไม่แน่ใจว่าเพราะ ‘ธนาคารฟ้าดิน’ ออกธนบัตรมากเกินไปทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นหรือไม่ ดูเหมือนยมโลกไม่เคยคิดที่จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในนรกเพื่อเพิ่ม GDP แต่ไม่ว่าอย่างไรอสังหาริมทรัพย์ก็คืออสังหาริมทรัพย์!
เมื่อเทียบกับกรรมสิทธิ์ครอบครองอสังหาริมทรัพย์เจ็ดสิบปีบนโลกมนุษย์ พระราชวังของเจ้าโง่นี่ตั้งอยู่ที่นี่ตั้งไม่รู้กี่ปีมาแล้ว!
ไท่ซานฝู่จวินไม่บังคับรื้อถอนที่นี่ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ก็ไม่ได้บังคับรื้อถอนที่นี่ แกนับเป็นตัวอะไรถึงได้กล้าบุกรุกครอบครองสถานที่แห่งนี้!
มันเป็นวิธีคิดที่แปลกมาก พร้อมกันนั้นก็เป็นความรู้สึกที่แปลกมากเช่นกัน เถ้าแก่โจวเป็นคนที่หวงแหนชีวิตเป็นชีวิตจิตใจเสมอมา และไม่มีนิสัยหุนหันพลันแล่น ทั้งไม่ใช่คนหัวแข็งมากอีกด้วย แต่เวลานี้กลับไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เกิดความรู้สึกร้อนใจอยากจะฆ่าขันทีคนนี้ให้ตายเสียอย่างนั้น อีกทั้งยังแรงกล้ามากอีกต่างหาก อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้เพิ่งเตรียมใจไป นึกว่าต้องตายแน่นอน กระทั่งยอมรับไปครึ่งหนึ่งแล้วว่าจะให้อิ๋งโกวได้เปิดค่ายกลที่นี่
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดมากละมั้ง หลายอย่างที่เมื่อก่อนเคยกลัว หลังจากที่เคยได้ทำมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะทำอีกเป็นครั้งที่สอง แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้โจวเจ๋อประหลาดใจก็คือ หลังจากเขาปลดผนึกเจ้างั่งด้วยความใจร้อนวู่วาม อิ๋งโกวในร่างกลับไม่โผล่ออกมายึดร่างของเขาเสียนี่
ทำไมกัน คนที่ควรโกรธและโมโหมากที่สุดน่าจะเป็นแกไม่ใช่หรือไง บ้านของแกถูกเปลี่ยนเป็น ‘หน่วยงานบูรพา’ ไปแล้วนะโว้ย
‘เฮ้อ…’ เสียงถอนหายใจดังลอดออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ ‘ไม่…คุ้ม…ค่า…’
บ้านท้ายที่สุดก็เป็นแค่บ้าน มันอาจจะมีค่ามาก หรืออาจจะไม่มีค่าอะไรเลย อย่างน้อยๆ ไม่คุ้มค่าที่จะเอาชีวิตที่เหลือไปทิ้ง โกรธเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ของบางอย่าง ถ้าบอกว่าไม่มีทางปล่อยวางได้นั้นไม่จริง
ตัวอย่างเช่น ตอนที่อิ๋งโกวเพิ่งจะเข้ามาที่นี่ เห็นยมทูตสามร้อยคนแห่กันมาปล้นยึดของในบ้านของเขา จริงๆ แล้วเขาค่อนข้างสงบนิ่งทีเดียว คนตายเสมือนตะเกียงดับ หนึ่งจักรพรรดิหนึ่งข้าราชบริพาร เมื่อตัวเองไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนั้น สิ่งที่เคยครอบครองทั้งหมดจะถูกแบ่งออก ที่จริงมันเป็นเรื่องปกติมาก
ราวกับเป็นเพราะน้ำค้างแข็งเย็นเฉียบมากพอ สีแดงฉานในดวงตาของโจวเจ๋อเริ่มสลายไปทีละเล็กทีละน้อยอย่างช้าๆ อารมณ์กรุ่นโกรธระคนใจร้อนวู่วามก็จางหายไปอย่างช้าๆ เช่นกัน ขณะเดียวกันยังรู้สึกโหวงๆ และหวาดกลัวด้วย
ที่นี่คือนรก ที่นี่คือนรกเชียวนะ
ด้วยสถานะพิเศษของเขาแล้ว ก้าวพลาดเพียงก้าวเดียวก็หมายถึงไม่มีทางที่จะฟื้นคืนได้ตลอดไป
เมื่อกี้เขาโกรธมากขนาดนี้เลยงั้นเหรอ อีกทั้งสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจมากที่สุดคือ ตอนที่เขาฉุนเฉียวจนหุนหันพลันแล่นอย่างหาได้ยาก คิดไม่ถึงว่าคนที่ราดน้ำและเหยียบเบรกให้เขาจะเป็นผู้ป่วยโรคจูนิเบียวระยะสุดท้ายคนนั้น ราวกับบทบาทตามปกติของทั้งสองได้สับเปลี่ยนกันอย่างสมบูรณ์ ทำเอาเจ้าตัวทั้งสองรู้สึกทำตัวไม่ถูกและไม่คุ้นชินเล็กน้อย
“เมี้ยว”
แต่ในขณะนี้เอง แมวดำยักษ์ด้านบนตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง ดวงตาแมวจ้องตรงลงไป จากนั้นร่างของมันเริ่มมุดลงไปในรอยแยก แต่ขนาดตัวที่ใหญ่เกินไปของมันติดอยู่ระหว่างรอยแยก รีบร้อนจนมันกางเล็บตะกุยไม่หยุด เมื่อมองจากระยะไกล ไม่ต่างอะไรกับแมวบ้านที่โดนประตูหนีบ
“เมี้ยวๆ หง่าวๆ!!!!” มันร้องเสียงดังลั่น ดังกึกก้องไปทั่วทั้งพระราชวังไม่หยุด
ต้าฉางชิวเงยหน้าและพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัย “ท่านทำอะไร”
แมวดำยังมุดเข้าไปข้างในอย่างต่อเนื่อง มันยืนยันแล้ว มันหาเจอแล้ว
คนผู้นั้น
คนผู้นั้น!
“หึๆ” ต้าฉางชิวชี้ไปที่จารึกขนาดมหึมาที่ตัวเองเพิ่งตั้งขึ้น พลางชี้ตัวอักษร ‘ขันที’ ที่แข็งแกร่งและทรงพลังนั้น และพูดด้วยรอยยิ้ม “หรือว่าแมวดำเช่นท่านก็อยากจะถูกข้าตอนให้ด้วย เพื่อบรรลุอิสรภาพอันยิ่งใหญ่”
“เมี้ยว!”
‘ถูก…จับ…ได้…แล้ว…’
‘…’ โจวเจ๋อ
ทันใดนั้นเถ้าแก่โจวก็พบว่า หลักการของความพยายามทำให้จบในครั้งเดียว ช่างใกล้เคียงกับความเป็นจริงแล้วจริงๆ ครั้งแรกเขาเตรียมใจมาดีแล้ว ครั้งที่สองในขณะที่เขาวู่วามก็พร้อมจะลุยแล้ว ตอนนี้เป็นครั้งที่สาม จู่ๆ ก็รู้สึกขี้ขลาดเล็กน้อย
‘มัน…ยืน…ยัน…แล้ว…ว่า…ข้า…อยู่…ที่…นี่…’ ในคำพูดของอิ๋งโกวไม่มีการหลอกล่อเหมือนเมื่อก่อนตอนที่พบเจออันตราย และไม่มีการยุยงส่งเสริมใดๆ แม้แต่น้อย มีก็เพียงแต่ความนิ่งสงบเมื่อบรรยายข้อเท็จจริงเท่านั้น ไม่แฝงไปด้วยการยั่วยุและไม่มีการปลุกปั่นเลยสักนิด กระทั่งยังรู้สึกถึงการหมดหนทางด้วย
‘เฮ้ งั้นคุณก็เร็วๆ หน่อยสิ ความรู้สึกตอนรอความตายมันช่างน่าอึดอัดเสียจริง’ ยิ่งไปกว่านั้น ยังทำให้คุณรู้สึกสิ้นหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งยังให้ความหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า และท้ายที่สุดมอบเวลาแห่งความสิ้นหวังให้คุณอีกครั้ง
โจวเจ๋อถอนหายใจยาวในใจและหลับตาลง
“เหอะ…เหอะ…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล