ตอนที่ 589 กฎของผู้เป็นศิษย์!
ไม่มีป้ายส่งคำสั่งและไม่มีป้ายบอกตำแหน่งฐานะอะไร ตอนเช้าตรู่ เด็กผู้ชายถูกนักพรตเฒ่าปลุกให้ตื่น จากนั้นขับรถไปยังหมู่บ้านที่ภูเขากวนอิมซึ่งอยู่ทางด้านล่างของทงเฉิง
นอกตัวรถเป็นประตูบานใหญ่ ตึกหอพักเก่าของโรงงานเก่าได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมและเปลี่ยนป้ายชื่อ บนนั้นเขียนว่า ‘ฐานวิจัยจีนศึกษาตระกูลจาง’
สองข้างซ้ายขวาแปะด้วยบทกลอนคู่คู่หนึ่ง กลอนคู่ท่อนแรกเขียนว่า ‘อ่านหนังสือหมื่นเล่มฆ่าเวลา’ ท่อนหลังเขียนว่า ‘ปล่อยเวลายามเช้าเย็นนอกหน้าต่างให้เลยผ่านจวบจนชีวิตดับสูญ’
สถานที่เก่าแก่ทรุดโทรม แต่พอตกแต่งซ่อมแซมให้เรียบร้อยแล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนมีโสเภณีชั้นสูงแอบหากินอย่างลับๆ อยู่ด้านใน เหอะๆ แต่ไม่ว่าจะแสร้งทำเป็นรักวัฒนธรรมเพียงใด ยังคงหนีไม่พ้นบรรยากาศเหมือนตงซือเลียนแบบขมวดคิ้ว[1]
ตอนนี้ยังเช้าอยู่ นักพรตเฒ่าจึงไปซื้อซาลาเปาและน้ำเต้าหู้ จากนั้นนั่งกินอยู่ในรถคนเดียว เด็กผู้ชายไม่กินอะไรอยู่แล้ว เขาจึงเปิดหน้าต่างรถแล้วพูดอย่างนิ่งสงบว่า “เมื่อวาน เจ้าทำเกินสถานะ”
“อะไร พูดคำงงๆ ไม่เข้าใจแบบนี้กับข้าทำไม” นักพรตเฒ่าดื่มน้ำเต้าหู้ แสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ
“เถ้าแก่ไม่อยากยุ่งเรื่องของคนอื่น”
“นี่ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น มันเกี่ยวกับชีวิตคน”
“นี่คือเรื่องของคนอื่น” เด็กผู้ชายพูดอย่างจริงจัง
นักพรตเฒ่าส่ายหน้า พลางครุ่นคิด จากนั้นจึงหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ข้าพูดแบบนี้กับเจ้าก็แล้วกัน ข้ามีชีวิตแก่จนถึงปูนนี้แล้ว เคยกิน…” นักพรตเฒ่าหยุดชะงัก เพราะเขาพลันคิดได้ว่า เด็กผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้มีอายุมากกว่าตัวเองหลายปี! ตัวเองยังจะทำตัวแก่ต่อหน้าเขาอีก เด็กผู้ชายไม่ถือสา นักพรตเฒ่าจึงกัดริมฝีปาก แล้วพูดต่อ “ข้ามีอายุถึงปูนนี้ ไม่ง่ายนะ”
เด็กผู้ชายพยักหน้า หากยึดจากที่เขาทำความเข้าใจเรื่องราวในอดีตของนักพรตเฒ่า ก็เป็นแบบนี้จริงๆ
“การทำบุญสร้างกุศลก็ไม่ได้พูดเฉยๆ เท่านั้น เจ้าคิดว่าแค่อาศัยอันนี้เหรอ” ขณะที่พูด นักพรตเฒ่าได้หยิบเงินกระดาษปึกหนึ่งออกมาแล้วสะบัดออกไป “ของพวกนี้มีประโยชน์ แต่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ทั้งหมด เถ้าแก่กลับมาจากนรกครั้งนี้ ยังฆ่ายมทูตในไนต์คลับที่เซี่ยงไฮ้ไปหลายคนอีกต่างหาก เหอะๆ”
“พูดตรงๆ เลย”
“อืม พูดตรงๆ ข้าน่ะ รู้สึกจิตใจไม่สบายใจเล็กน้อย”
“เหอะๆ”
“เจ้าไม่เชื่อใช่ไหม”
เด็กผู้ชายไม่พูด
“ช่างเถอะ ถือเสียว่าข้าเป็นแม่พระใจอ่อนอีกแล้ว แต่แล้วยังไงล่ะ เถ้าแก่ก็เหมือนกันนั่นแหละ อยากใช้ชีวิตสบายไปวันๆ แต่พอพูดสองสามประโยคกลับแกล้งโง่ต่อไม่ไหว จากนั้นก็ส่งเจ้ามาไม่ใช่เหรอ”
เด็กผู้ชายเปิดประตูรถแล้วลงจากรถ นักพรตเฒ่ารีบลงจากรถตามไปทันที แล้วพูดกำชับว่า “เถ้าแก่บอกแล้ว ห้ามฆ่าคน” คำกำชับนี้ จำเป็นต้องพูดซ้ำอีกครั้ง นักพรตเฒ่ากังวลจริงๆ ว่าหลังจากที่เด็กผู้ชายเข้าไปแล้ว ห้องฝึกอบรมแห่งนี้จะนองเลือดเป็นสายน้ำ
เด็กผู้ชายพยักหน้า หมุนตัวเดินไปที่กำแพง
“ถ้าหากเจออะไรขัดใจเจ้า อย่าตีให้ตาย แค่พิการก็พอ” นักพรตเฒ่าเสริมอีกหนึ่งประโยค
เด็กผู้ชายส่ายหน้า ไม่เข้าใจ มุมมองเกี่ยวกับความผิดชอบชั่วดีของเขาต้องไม่เหมือนนักพรตเฒ่าแน่นอน
“อย่างนั้นเจ้าก็ลองมองในมุมของข้าสิ” นักพรตเฒ่าแนะนำ
“เข้าไปด้วยกัน” เด็กผู้ชายกล่าว
“ไม่ดีกว่าๆ ข้าไม่ไปๆ” นักพรตเฒ่าโบกมือ ไม่กล้าเข้าไป เด็กผู้ชายจึงไม่พูดอะไรอีก เดินเข้าไป แล้วกระโดดข้ามกำแพง จากนั้นก็ไม่เห็นเขาแล้ว
นักพรตเฒ่ากลับไปนั่งในรถ หยิบซาลาเปาที่เริ่มเย็นแล้วขึ้นมากินต่อ เขากัดไปได้สองสามคำ สุดท้ายจึงรู้สึกแสบจมูก “แม่งเอ๊ย กลับไปอดไม่ได้ที่จะเล่นเกมสักตา พ่อแม่เลยบอกว่าจะส่งเจ้ากลับไปดัดนิสัยแล้วค่อยกลับมา แต่เจ้าดันกินยานอนหลับฆ่าตัวตาย เด็กเอ๋ย เจ้าจะลำบากไปทำไม” ขณะที่พูดไปเรื่อยๆ นักพรตเฒ่ากัดซาลาเปาไม่หยุด เคี้ยวเสียงดังจ๊อบแจ๊บ
…
“พ่อแม่ท่านเรียกหา อย่ารอช้ารีบรับขาน พ่อแม่ท่านสั่งการ อย่าเกียจคร้านทำเร็วไว พ่อแม่ท่านสั่งสอน จงเชื่อฟังอย่างตั้งใจ พ่อแม่ท่านติใคร นิ่งฟังไว้เป็นเด็กดี…” เพิ่งจะแปดโมง ภายในห้องเรียนมีเสียงอ่านหนังสือเสียงดังแล้ว
เด็กผู้ชายมีวัฒนธรรมและการศึกษาที่ไม่ต่ำ ถึงอย่างไรก็มีอายุมาหลายปี จึงรู้ว่าที่ด้านในกำลังท่องอยู่คือ ‘กฎของผู้เป็นศิษย์[2]’
เมื่อมองทะลุผ่านหน้าต่าง จะสามารถมองเด็กนักเรียนด้านในแต่ละคนยืนอยู่ตรงกำแพง ใส่เสื้อผ้าตัวบางเฉียบยืนตัวสั่นงันงกพร้อมกับท่องหนังสือเสียงดัง
เวลานี้ทงเฉิงเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว อากาศหนาวมาก ตามท้องถนนล้วนใส่เสื้อกันหนาวขนเป็ดกันทั้งนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล