ตอน ตอนที่ 6 เจอหน้าครอบครัวแล้ว! จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 6 เจอหน้าครอบครัวแล้ว! คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 6 เจอหน้าครอบครัวแล้ว!
“แม่ง” เสียงนี้
หลังจากหลุดปากออกไปแล้ว พยาบาลทั้งสองก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย หมอหลินเองก็อึ้งไปครู่หนึ่ง
หลุดปากสบถไปออกจะบุ่มบ่ามเกินไปหน่อยจริงๆ
โจวเจ๋อไม่ได้อธิบายอะไร ยื่นมือไปเปิดผ้าขาวที่คลุมสาวน้อยเอาไว้
เป็นเธอ เป็นเธอจริงๆ ด้วย!
มิน่าล่ะเมื่อสักครู่เธอไม่มีบาดแผลแม้แต่จุดเดียว
แม้แต่ร่องรอยบาดแผลตามตัวก็ไม่มี
นี่ไม่ใช่เพราะเธอโชคดีที่นั่งอยู่แถวด้านหลังสุด
ความจริงแล้ว เธอคือคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากที่สุดในบรรดาเด็กๆ ทั้งหมด และที่หมอพยายามยื้อชีวิตอย่างสุดความสามารถเมื่อสักครู่นั้นก็คือเธอเอง
วิญญาณของเธอหลุดลอยออกจากร่าง แต่ยังไม่รู้ตัว เธอยังเตือนตัวเองว่าห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะอยู่เลย แล้วยังไปปลอบเด็กน้อยเพื่อนร่วมชั้นที่บาดเจ็บเล็กน้อยพวกนั้นอีกต่างหาก
แท้ที่จริงแล้ว เด็กน้อยพวกนั้นมองไม่เห็นเธอเสียด้วยซ้ำ
ทั้งในโรงพยาบาลนี้ คนที่มองเห็นเธอได้มีเพียงโจวเจ๋อคนเดียว!
“เธอตายแล้วเหรอ” โจวเจ๋อถามในขณะที่สายตาของเขากวาดมองไปรอบๆ
“สวีเล่อ” หมอหลินมองสามีของตัวเอง ตอนนี้เธอไม่อยากจะใส่ใจกับถ้อยคำหยาบคายของสามีเมื่อสักครู่ เพราะเธอสังเกตเห็นว่าตอนนี้จิตใจของสามีของตัวเองผิดปกติไปเล็กน้อย
“เธอยังไม่ตาย พวกคุณรีบยื้อชีวิตไว้ รีบยื้อชีวิตต่อไป!”
ทันใดนั้นโจวเจ๋อก็คว้าต้นแขนของหมอหลินเอาไว้ ดึงเธอเข้ามาแล้วตะโกนบอก
“ยังไม่หมดระยะเวลากู้ชีพ เธอยังสามารถฟื้นขึ้นมาได้ ช่วยชีวิตต่อไป!”
“คุณผู้ชายคะ คุณผู้ชาย!”
พยาบาลทั้งสองเห็นโจวเจ๋อจับแขนหมอหลินอย่างรุนแรง เตรียมก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงโจวเจ๋อออกมา ในสายตาของพวกเธอนั้น สามีของหมอหลินคนนี้ดูแปลกนิดหน่อย อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงในครอบครัวอีกด้วย
โจวเจ๋อผลักพยาบาลทั้งสองที่อยู่ข้างๆ ออกไปและคลายมือออก กระซิบด้วยเสียงเบา
“หนูอยู่ไหน หนูอยู่ที่ไหน หนูอยู่ที่ไหนกันแน่!”
โจวเจ๋อพุ่งออกไป เขากำลังวิ่งและตามหา
เมื่อสักครู่นี้วิญญาณของสาวน้อยคนนั้นยังวนเวียนอยู่ท่ามกลางเด็กน้อยเพื่อปลอบโยนเด็กคนอื่นๆ กลับไม่รู้ว่าตอนนี้หายไปที่ไหนแล้ว
เธอไปนรกแล้วเหรอ
เธอตายไปแล้วจริงๆ เหรอ
มันไม่ทันแล้วใช่ไหม
โจวเจ๋อรู้สึกงุนงงเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงร้อนรนขนาดนี้และไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงร้อนใจถึงเพียงนี้
หรือว่าเป็นเพราะอาชีพของเขา การช่วยเหลือและรักษาชีวิตของผู้ป่วยที่อาจจะรอดชีวิตคืออาชีพของเขา ยิ่งไปกว่านั้นสาวน้อยที่ใจดีและเข้มแข็งคนนั้นเพิ่งแยกกับเขาไปเมื่อกี้นี่เอง
“คุณลุงกำลังตามหาหนูเหรอคะ”
เสียงเด็กที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหลังโจวเจ๋อ โจวเจ๋อรีบหันกลับไปและเห็นสาวน้อยคนนั้นอีกครั้ง
เพียงแต่ว่าร่างของสาวน้อยในตอนนี้ไม่คงสภาพเหมือนก่อนหน้านี้ ลักษณะของเธอในตอนนี้โปร่งแสงไปครึ่งหนึ่งแล้ว
“คุณลุง หนูรู้สึกหนาว” สาวน้อยกอดต้นแขนตัวเองแล้วนั่งยอง ๆ ลงไป “หนูไปขอยืมเสื้อที่พี่ๆ พยาบาลมา แต่พี่ๆ พยาบาลก็ไม่สนใจหนู พวกเธอเกลียดหนูเหรอคะ เพราะหนูทำให้คนรำคาญใช่ไหม”
จุดแสงจางๆลอยกระจายออกจากร่างสาวน้อยอย่างต่อเนื่อง ฉากนี้โจวเจ๋อเคยเห็นมันมาก่อน มันเกิดขึ้นกับตัวเขาเองในช่วงแรก
“สวีเล่อ กลับไปกับฉัน!”
ในตอนนี้หมอหลินก็เดินเข้ามา
สาวน้อยหันศีรษะมองไปทางด้านหลัง
“อย่ามองนะ!”
โจวเจ๋อก้าวไปข้างหน้าและเอื้อมมือไปปิดตาของสาวน้อย ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหากเธอได้เห็นร่างของตัวเองนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
เธอจะใจสลายไหม
เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเสียชีวิตแล้ว จากนั้นเธอจะสลายหายไปเลยหรือไม่
เมื่อตอนที่มือของโจวเจ๋อสัมผัสตัวสาวน้อยนั้น ในเวลานี้เล็บของโจวเจ๋อแผ่ความร้อนออกมาเล็กน้อย ไม่ได้ยาวขึ้น และไม่เปลี่ยนเป็นสีดำ แต่โจวเจ๋อกลับรู้สึกว่ามันร้อนจัดมาก ในขณะเดียวกันตัวของสาวน้อยก็เริ่มบิดเบี้ยวกลายเป็นวงกลมแสงสว่างล้อมรอบปลายนิ้วของโจวเจ๋อ และเห็นได้ชัดว่าคนอื่นที่อยู่รอบๆ มองไม่เห็นแสงเหล่านี้
“ถอยไป ยังช่วยเธอไว้ได้!” โจวเจ๋อพุ่งไปยังเตียงผู้ป่วยอีกครั้ง
“สวีเล่อ!” หน้าอกของหมอหลินกระเพื่อมขึ้นลง ผู้ตายเสียชีวิตไปแล้ว เธอไม่รู้ว่าตอนนี้สามีของตัวเองกำลังเพ้อเจ้อและเป็นบ้าอะไรกันแน่ อีกอย่างสามีตัวเองก็เรียนวิศวกรรมโยธา ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการแพทย์เลยด้วยซ้ำ
คราวนี้เมื่อโจวเจ๋อพุ่งเข้ามา พยาบาลทั้งสองก็ไม่กล้าขวางเอาไว้ โจวเจ๋อเปิดผ้าขาวออกและวางมือทั้งคู่ลงบนตำแหน่งหน้าอกของสาวน้อย
ใช่แล้ว ครั้งแรกที่ตัวเองกลับมามีชีวิตอีกครั้งก็ใช้วิธีนี้แหละ
วิญญาณของหนูออกมาได้ ก็สามารถกลับเข้าไปได้
หนูจะต้องรอด!
หลังจากเห็นว่าแสงสว่างจากปลายนิ้วของเขาไม่หายเข้าไปในร่างของสาวน้อยทั้งหมด โจวเจ๋อเริ่มทำซีพีอาร์ สองมือสอดประสานกันปั๊มหัวใจของสาวน้อย
“ฟื้นสิ!”
“ฟื้นสิ!”
พยาบาลทั้งสองไม่กล้าเข้าใกล้ ต่างก็มองไปทางหมอหลิน
“เธอตายแล้ว”
หมอหลินเดินไปพูดข้างๆ โจวเจ๋อ
“ยังไม่พ้นช่วงเวลาสำคัญในการช่วยชีวิต ผมคำนวณเวลาไว้ตลอด” โจวเจ๋อคำรามขณะเดียวกันก็ปั๊มหัวใจไปด้วย “เธอยังมีชีวิต ยังมีชีวิต!”
หมอหลินเม้มริมฝีปาก เอื้อมมือไปผลักโจวเจ๋อ จากนั้นตัวเองเริ่มใช้มือประสานกันกดปั๊มตำแหน่งหน้าอกของของสาวน้อย
“แรงของคุณมากเกินไป ร่างของเธอบาดเจ็บอยู่ อาฉุน ติดตั้งเครื่องมือใหม่อีกครั้ง ช่วยชีวิตต่อไป”
โจวเจ๋อถูกผลักออกไปแต่กลับไม่เคืองโกรธ เอาแต่จ้องมองสาวน้อยบนเตียงผู้ป่วยอย่างไม่ละสายตา
ความโชคดีเพียงอย่างเดียวน่าจะเป็นผู้ปกครองที่ถูกตำรวจจราจรกันเอาไว้ ด้านนอกยังมีเด็กน้อยมากมายส่งเสียงเอะอะ ไม่มีใครสังเกตว่ากำลังเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่
หมอหลินปั๊มหัวใจอย่างต่อเนื่อง เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากของเธอ เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงต้องเป็นบ้าไปกับผู้ชายคนนี้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าทำไม เธอเพิ่งเห็นความผิดปกติบางอย่างในสายตาของผู้ชายคนนี้
และผู้ชายคนนี้ก็คือสามีของเธอเอง วันนี้เธอกลับมองเขาไม่ค่อยออกเลย
เครื่องมือถูกติดตั้งขึ้นอีกครั้ง แต่หน้าจอยังคงปรากฏเส้นตรงเหมือนเดิม
พยาบาลทั้งสองคนยืนอยู่ข้างๆ ทำตัวไม่ถูกนิดหน่อย
ในที่สุดโจวเจ๋อก็รู้ชื่อเต็มของภรรยาตัวเองสักที ‘หลินหวั่นชิว’
สายตาของแม่ยายมองกวาดไปทั่วร่างของโจวเจ๋ออย่างรวดเร็ว ขรึมไปครู่หนึ่งอย่างเห็นได้ชัด
“ตาแก่ กินข้าวกัน หวั่นชิวกลับมาแล้ว”
“ในที่สุดก็กินข้าวได้แล้วสินะ” น้องภรรยาเดินออกมาจากห้องหนังสือ เธอโบกกำปั้นใส่โจวเจ๋อ แล้วบุ้ยปากอีกครั้งบอกใบ้ให้โจวเจ๋อสนใจพ่อแม่ของตัวเอง
กิริยาแบบนี้ถือว่าไม่เลว แม้ว่าเด็กคนนี้จะเย่อหยิ่งไปหน่อย แต่ก็ไม่ลามปามเกินไปนัก
โจวเจ๋อไปล้างมือในห้องน้ำ และในขณะที่กำลังล้างมือหลินหวั่นชิวก็เข้ามา ทั้งสองคนใช้เจลล้างมือถูมือตัวเองและขัดถูอย่างละเอียด
หลินหวั่นชิวเหลือบมองโจวเจ๋อถึงสองครั้ง จากนั้นใช้น้ำล้างมือและเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
โจวเจ๋อเองก็ล้างมือเสร็จเรียบร้อย หยิบกระดาษทิชชูเช็ดและเดินออกจากห้องน้ำ
ทุกคนนั่งลงแล้ว โจวเจ๋อนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ หลินหวั่นชิว
แม่ยายตักข้าวเสิร์ฟให้แต่ละคนด้วยใบหน้าบึ้งตึง ตอนที่วางตรงหน้าโจวเจ๋อเห็นได้ชัดว่าวางกระแทกอย่างจงใจ
‘ก็ยังดี ไม่ถึงขั้นที่จงใจไม่ตักข้าวให้’
โจวเจ๋อคิดในใจ
“สวีเล่อ เธอรู้สึกว่าเราทำไม่ดีกับเธอใช่ไหม” แม่ยายนั่งลงยังไม่ทันได้กินข้าวก็เริ่มปริปากพูด
“ก็ดีครับ” โจวเจ๋อตอบ
“งั้นเมื่อคืนทำไมเธอไม่กลับบ้าน แล้วจะชักสีหน้าให้ใคร…”
“แม่ กินข้าวเถอะ ในร้านเขามีปัญหานิดหน่อย เขาบอกหนูแล้ว” หลินหวั่นชิว ปริปากพูด
พ่อตาแม่ยายสบตากันครู่หนึ่ง รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ลูกสาวของตัวเองยอมออกปากแทนลูกเขยคนนี้ นี่ทำให้พวกเขารู้สึกปรับตัวไม่ทันเล็กน้อย ถึงขึ้นลืมไปชั่วขณะว่าจะทำอะไรต่อไป
น้องภรรยาที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเช่นกัน พี่สาวของตัวเองคนนี้ไม่เคยคิดจะสนใจใยดีคนที่ได้ชื่อว่าพี่เขยคนนี้เลยด้วยซ้ำ วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรืออย่างไรนะ
“กินข้าวเถอะ” พ่อตาหยิบตะเกียบขึ้นมาบอกเป็นสัญญาณ “เธอก็กินด้วย” พ่อตาจงใจใช้ตะเกียบชี้โจวเจ๋อ
อืม พฤติกรรมแบบนี้ไม่มีมารยาทนิดหน่อย แต่ก็ยังดีที่เรื่องเมื่อคืนนั้นผ่านไปแล้ว
“หวั่นชิวจ๊ะ หนูกินหมูสามชั้นน้ำแดงหน่อยนะ แม่ตุ๋นนานมากเลย”
แม่ยายคีบเนื้อใส่ชามให้ทั้งลูกสาวคนโตและลูกสาวคนเล็ก จากนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยังคีบเนื้อใส่ชามให้ลูกเขยของตัวเองด้วยเช่นกัน
โจวเจ๋อเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองไม่ได้กินอะไรมาเลยทั้งวัน นับตั้งแต่เริ่มยืมซากศพคืนชีพ ทั้งตอนเช้าและตอนเที่ยงก็ไม่ได้กิน
เขาไม่เกรงใจแล้ว จึงคีบเนื้อขึ้นมาแล้วใส่เข้าปาก
จากนั้นหน้าของโจวเจ๋อพลันแข็งทื่อ
ความรู้สึกได้กลิ่นอาหารแล้วคลื่นไส้อยากอาเจียนที่ไม่คาดคิดออกมาจากในใจของเขาและแม้แต่กระเพาะของตัวเองก็เริ่มตะคริวกินอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา
“แหวะ…” โจวเจ๋ออ้วกลมออกมา ราวกับว่าสิ่งที่เขากินคือยาพิษ
“…” แม่ยาย
“…” พ่อตา
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเข้าสู่สภาวะจุดเยือกแข็งในทันใด
………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล