ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 621

สรุปบท ตอนที่ 621 ครั้งนี้จะไปยมโลกมนุษย์เรียกสหายที่พลีชีพกลับมา!: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 621 ครั้งนี้จะไปยมโลกมนุษย์เรียกสหายที่พลีชีพกลับมา! – ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

บท ตอนที่ 621 ครั้งนี้จะไปยมโลกมนุษย์เรียกสหายที่พลีชีพกลับมา! ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 621 ครั้งนี้จะไปยมโลกมนุษย์เรียกสหายที่พลีชีพกลับมา!

แท่นประหารผีตั้งอยู่ที่ส่วนลึกของหน้าผาหินดำบริเวณชายขอบดินแดนรกร้างอันกว้างใหญ่ของนรก ตามตำนานเล่าว่าในยุคของไท่ซานฝู่จวิน และที่นี่เคยเป็นสถานที่ลงทัณฑ์ปีศาจนรก ไม่ว่าใครที่มีฐานะเป็นอาชญากรร้ายแรงได้มากพอ ก็จะถูกคุมตัวมาที่แห่งนี้เพื่อตัดสินประหารชีวิต

หลังจากการหายสูญไปของไท่ซานฝู่จรินรุ่นสุดท้าย ยมโลกเป็นราชสำนักใหม่ของนรก พญายมทั้งสิบมีขุมนรกสำหรับลงทัณฑ์โดยเฉพาะ ที่นี่จึงถูกทิ้งรกร้างไปอย่างช้าๆ และเนื่องจากอยู่ใกล้ดินแดนรกร้างของนรกอันไกลโพ้น จึงไม่ค่อยมีคนเข้ามากล้ำกราย

เวลานี้พื้นดินและภูเขาที่นี่เกิดการสั่นไหว หน้าผาแห่งหนึ่งพังทลายลงมา กำลังจะกลบฝังทุกสิ่งเข้าไป

‘“ฉึบ!’” เฝิงซื่อเอ๋อร์ทิ้งก้อนหิน แล้วดึงชุ่ยฮวาเอ๋อร์ที่ถูกทับอยู่ด้านล่างออกมา ชุ่ยฮวาเอ๋อร์ร้องไห้ประดุจดอกสาลี่ต้องหยาดฝนที่ได้รับความคับข้องใจเป็นที่สุด

“ไม่เป็นไร” เฝิงซื่อเอ๋อร์นั่งลงข้างๆ กับในใจที่ยังหวาดผวาอยู่บ้าง

“ท่านสี่ หม้อต้มใบน้อยของข้าฉัน กระทะใบเล็กของข้าฉัน ผักดองที่ดองเสร็จแล้วของข้าฉัน…ไม่เหลือเลย ไม่มีแล้ว ฮือๆๆ…”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฝิงซื่อเอ๋อร์จึงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก สักครู่หนึ่ง ชุ่ยฮวาเอ๋อร์เหมือนนึกอะไรได้ รีบคลานขึ้นมาทันที มองซากปรักหักพังที่ถูกฝังอยู่เบื้องหน้าแล้วพูดด้วยความร้อนใจอยู่บ้าง “ท่านสี่ ประตูพัลังแล้ว”

“ประตูอะไร”

“ก็คือประตูบานนั้น”

“ฉันข้าไม่เคยเห็นประตูอะไรมาก่อน เจ้าเธอกินผักดองเยอะไปจึงจำผิด”

“อ๋า!” ชุ่ยอฮวาเอ๋อร์ตกตะลึงเล็กน้อย คำพูดของท่านสี่เหมือนคัมภีร์ที่เธอเลื่อมใสมาตลอด ดังนั้นถึงแม้ซากปรักหักพังจะอยู่ตรงหน้า เธอก็จะพิจารณาอย่างจริงจังว่าเป็นเพราะเธอกินผักดองเยอะเกินไปจึงทำให้สมองมีปัญหาจริงหรือเปล่า

เฝิงซื่อเอ๋อร์หันไปมอง เขารู้ว่าสิ่งที่ฝังอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังนี้ นอกจากประตูบานนั้นที่พังลงมาแล้ว ยังมีอีกสองคนที่มาด้วยกัน

ชุ่ยฮวาเอ๋อร์จะไม่แพร่งพรายความลับ และสองคนนั้นก็เป็นคนตายไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ข้อดีที่สุดของคนตาย ก็คือรักษาความลับได้

เฝิงซื่อเอ๋อร์ลุกขึ้น ปัดเสื้อผ้า เงยหน้ามองท้องฟ้าในนรก พระจันทร์เลือดนี้ยังคงลอยอยู่ด้านบน แต่กลับเล็กสวยกว่าตอนแรกเยอะมาก ตอนนี้กลายเป็นพระจันทร์เสี้ยวไปแล้ว แต่กลับสว่างสไสวกว่าในปีนั้น

“ลมแรงมาก มีหลายคนอาจจเอวหัก”

“ไม่ถูก ไม่ใช่!” ทนายอันร้องเสียงสูง สองมือจับไหล่ของสวี่ชิงหล่างทันทีแล้วเขย่าไปมา จากนั้นเหมือนเขาจะยังไม่สะใจพอ และไม่น่าเชื่อว่าจะจุ๊บใบหน้าของสวี่ชิงหล่างโดยตรง!

พวกผู้ชาย อย่างเช่นตอนที่อยู่ในสนามฟุตบอล อย่างเช่นตอนที่อยู่ในสนามรบ การจุ๊บกันเพราะเรื่องตื่นเต้นกลับไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร สวี่ชิงหล่างกลับจ้องเขม็ง เกล็ดงูที่แน่นขนัดปกคลุมใบหน้าของเขาทันที!

“…” ทนายอัน! เขาตัวสั่น วางมือลง จากนั้นทนายอันจึงหันหน้ากลับไปด้วยความผิดหวัง แทบจะหมดความสนใจทันที แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ลม หยุดพัดแล้ว”

“แต่หมอกหนายังไม่หายไป” สวี่ชิงหล่างเอ่ย

“ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่เป็นไรหรอก” ทนายอันชี้ไปทางทหารที่ใส่ชุดขาดวิ่นเก่าๆ เดินเรียงแถวอยู่หน้าพวกเขาทั้งสองคน แล้วพูดว่า “สำเร็จแล้ว เถ้าแก่ทำสำเร็จแล้ว” ขณะที่พูด ทนายอันได้ชี้ไปที่หมอกหนาที่อยู่โดยรอบ “หมอกหนาไม่จางหาย ก็ฝ่ามันออกไป!”ไอรีนโนเวล

ท่ามกลางแม่น้ำนู่ มีปลาตัวใหญ่สามตัวที่บนตัวเปล่งประกายสีทองลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ แล้วพ่นฟองอากาศ การเปลี่ยนแปลงกฎแห่งฟ้าดิน ส่งผลให้เทพเจ้าแห่งขุนเขา เจ้าที่ เทพเจ้าแห่งท้องทะเล เทพเจ้าแห่งแม่น้ำ และเทพเจ้าแห่งทะเลสาบเหลืออยู่น้อยมาก แต่ท้ายที่สุดก็ยังมีปลาลอดหว่างแหดิ้นทุรนทุรายออกไป

ในเขตลุ่มแน่น้ำนู่มีปลาตัวใหญ่สามตัวนี้ที่บำเพ็ญตบะสำเร็จ พวกมันไม่มีชื่อและไม่มีศาลเจ้า แต่หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา กลับเคลื่อนไหวอยู่เขตนี้มาตลอด พวกมันไม่มีการสื่อสารกัน แต่ดวงตาของปลาทั้งสามตัวกลับคอยจ้องมองก้อนเมฆดำทะมึนเบื้องหน้าที่กำลังกดต่ำ ภายใต้ก้อนเมฆนี้มีหมอกหนากลุ่มหนึ่ง แต่ถ้ามองจากมุมนี้ เมฆดำทะมึนนั่นเหมือนฆาตกรที่กำลังรังแกหมอกหนาให้ตื่นตกใจ ขับไล่หมอกหนาออกไปแล้วเคลื่อนตัวมาทางนี้

ปลาทั้งสามตัวต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ความเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกมนุษย์ พวกมันเคยเห็นอยู่ไม่น้อยแต่วิชาลี้ลับเช่นนี้ สามารถสร้างออกมาได้อลังการใหญ่โตปานนี้ ไม่กลัวโดนฟ้าผ่ารึไงสลายกลายเป็นฝุ่นธุลีกลับคืนสู่วิถีทางธรรมชาติรึ

“อาการของซุนเหล่าช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง”

“อาการไม่ค่อยดีเลย โรคอัลไซเมอร์ยิ่งทรุดหนักลงเรื่อยๆ ตอนนี้แม้แต่พยาบาลที่ดูแลเขามาสองสามปีก็จำไม่ได้แล้ว”

“หนังสือยื่นขอย้ายสถานพยาบาลเพื่อรักษายังไม่มาเหรอ ถ้าไปเมืองใหญ่ อุปกรณ์การรักษาและมาตรฐานน่าจะดีกว่าของพวกเรา มีผลดีต่อการรักษาและฟื้นฟูสภาพของซุนเหล่ามากกว่า”

“น่าจะยาก ตัวของซุนเหล่าต้องการที่จะมารักษากับพวกเราที่นี่ตั้งแต่แรก”

“อย่างงั้นทำการตรวจร่างกายทั่วไปก่อน”

หมอนั่งลงยองๆ ยกขาของคนไข้ที่นั่งอยู่บนรถเข็นขึ้นมาเบาๆ ถกขากางเกงขึ้นไป แล้วจึงเห็นรอยบุ๋มแต่ละจุดอยู่บนนั้น

“หมอจ้าว เป็นแผลเพราะโดนปลิงกัดจริงๆ ใช่ไหมคะ” พยาบาลหญิงที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้น

“พวกเรากลับบ้านแล้ว!”

“กลับบ้านแล้ว!”

“พวกเราได้กลับบ้านแล้ว!”

“พวกเรากลับบ้านแล้วโว้ย!”

“พวกเรากลับบ้านได้แล้ว!”

“ฉันได้กลับไปนอนบ้านแล้ว!”

“ฉันได้กลับบ้านแล้ว!”

“คุณไม่เห็นหรือ ยุคฮั่นทหารจงจวินอายุยี่สิบปีต้องขอเดินทางไปหนานเยวี่ยเวียดนาม คุณไม่เห็นหรือ นายพลติ้งหยวนนามปานเชาเร่งม้ารบต่อต้านการรุกรานของชนเผ่าซงหนู! ผู้ชายต้องออกรบจะเสียเวลาอยู่กับการเรียนได้อย่างไร ประเทศเปราะบางเหมือนไข่ไก่ อยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่!” เพลงทหารเสียงดังกังวาน เมื่อเจ็ดสิบกว่าปีก่อน พวกเขาต้องอึดอัดเสียใจเสียชีวิตอยู่บนภูเขาคะฉิ่นนี้ ต้องทนหนาวและอ้างว้างอยู่ต่างประเทศ เจ็ดสิบปีให้หลัง วิญญาณของพวกเขาลุกขึ้นมาอีกครั้ง เดินโบกสะบัดธง กลับบ้าน!

บรรยากาศเสื่อมโทรมเหมือนไร้ซึ่งชีวิตแต่เดิมทีไม่มีแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนย้อนกลับไปในตอนนั้น ทุกคนมารวมตัวกันจากทุกทิศทาง เดินทัพข้ามพรมแดนด้วยบรรยากาศที่คึกคัก

ลมหนาวและสายฝนอันหนาวเหน็บเกินหกสิบปี ไม่สามารถดับความปรารถนาและความกระตือรือร้นทั้งมวล ความปรารถนาทุกอย่างของวิญญาณทหารที่มีต่อศัตรูของชาติและชาติบ้านเมืองได้ มองข้ามอุปสรรคและความกดดันของเวลา ต่อให้เวลาผ่านไปก็ยังทรงคุณค่าเหมือนเดิม

หมอกหนาจางลงกว่าแต่ก่อน แต่ท่ามกลางสายหมอกนั่น ยังพอมองเห็นเงาสีดำเหล่านั้นเดินกลับไปกลับมาและทอดมองอยู่เนืองๆ หมอกไม่หาย พวกมันยังคงอยู่ พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในสายหมอก การล่าเหยื่อเป็นสัญชาตญาณความสามารถของพวกมัน เวลานี้พวกมันค่อยๆ มารวมตัวกันอย่างช้าๆ แล้วขวางทางเดินข้างหน้าไว้

“กลับบ้าน!” โจวเจ๋อเริ่มวิ่ง แต่คนอื่นที่อยู่ข้างด้านหลังเขา วิญญาณทหารหลายหมื่นนายเริ่มวิ่งเหมือนกัน อิงอิงจึงได้แต่วิ่งตามเถ้าแก่ ไม่รู้ว่าทำไม เวลานี้ตอนที่เธอมองเงาหลังของเถ้าแก่ตัวเอง รู้สึกว่าเถ้าแก่ของตัวเองเปลี่ยนไปเยอะมาก แต่ว่าเปลี่ยนไปแบบไหน เธอพูดไม่ถูก

“ลืมชื่อฉันคนเก่า ตอนฉันอยู่ในสนามรบ เรียกขานสหายนับแสนนาย ขับร้องเพลงรบดังก้องร่วมกองทัพ ร่วมเป็นทหาร โรมรันดุเดือด ขจัดทหารญี่ปุ่นไม่คำนึงแม้ตัวตาย!” ท่ามกลางเสียงเพลงทหารที่กึกก้อง วิญญาณทหารหลายหมื่นนายถูกปลุกให้ตื่น กลายเป็นน้ำป่าไหลหลากสุดน่ากลัว พุ่งเข้าไปยังแนวเส้นป้องกันสุดท้ายในหมอกหนา และก้อนเมฆที่อยู่บนท้องฟ้ากำลังกดต่ำลงในเวลาเดียวกัน เริ่มสังหารหมอกหนาที่อยู่ด้านล่างอย่างบ้าคลั่ง!

‘ครืน!’ หมอกหาย ฝนหยุด ก้อนเมฆหายไป ท้องฟ้าสดใส!

……………………………………………………………………….

[1] เมฆล่องลอย หมายถึง ไม่สำคัญ ไร้ความหมาย ไม่มีค่าให้พูดถึง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล