ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 622

ตอนที่ 622 เลื่อนขั้น ผู้จับกุม!

เสียงนาฬิกาดังเป็นสัญญาณกลับบ้าน เงาร่างที่ใส่เสื้อผ้าสีเขียวแต่ละคนเดินผ่านท่ามกลางป่าฝน พวกเขามีอายุแตกต่างกัน แต่คนหนุ่มสาวจะเยอะกว่า พอกวาดตามองออกไป โดยทั่วไปแล้วมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ พวกเขามาจากทั่วประเทศ พูดสำเนียงแต่ละท้องถิ่น กินรสชาตอาหารรสชาติแตกต่างกัน เมื่อเจ็ดสิบกว่าปีก่อน อยู่กองทัพเดียวกัน เดินทางมายังต่างบ้านต่างเมืองด้วยกัน

เวลานับพันปี ราชสำนักเปลี่ยนแปลงดุจสายน้ำ วิญญาณทหารอันมั่นคงแข็งแกร่ง บนตัวของพวกเขาคือตัวพิสูจน์ที่ดีที่สุด

โจวเจ๋อเดินนำเป็นคนแรก วิญญาณทหารหลายหมื่นนายมองเขาดุจดวงประทีป ทุกคนเดินอยู่ข้างหลังของเขา ถ้าหากบอกว่าตอนแรกโจวเจ๋อเกิดโง่เขลามีความคิดชั่วแล่น เนื่องจากการปรากฏตัวของหมอก ทำให้วิญญาณทหารหลายหมื่นนายอาจจะถูกจับไปใช้ทำประโยชน์อย่างไม่มีสาเหตุ เขาถึงได้ลุกขึ้นมา เช่นนั้นตอนนี้เขามีสติกลับมาอย่างโดยสมบูรณ์แล้ว ภูเขาลูกนี้ก็ยังเป็นภูเขา ต้นไม้ก็ยังเป็นต้นไม้เหมือนเดิม แต่หลังจากความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคนเรา ภูเขาและต้นไม้ที่เห็นอยู่ในสายตากลับไม่เหมือนเดิม

มือซ้ายของโจวเจ๋อยังคงถือกระติกน้ำสนิมเขลอะเหมือนเดิม มือขวาของเขากลับบีบหนังสือรับรองยมทูตของตัวเอง ไม่ใช่เพราะโจวเจ๋อออยากหยิบออกมาอย่างอดใจไม่ไหว แต่เป็นเพราะหลังจากที่เขาเรียกวิญญาณทหารหลายหมื่นนายให้ตื่นขึ้นแล้ว หนังสือรับรองยมทูตของเขาก็เริ่มร้อนและลอยออกมา เหมือนสัมผัสอะไรบางอย่างได้

แล้วพอจึงมองตัวของโจวเจ๋อ เขี้ยวในปากทั้งสองข้างปรากฏให้เห็นอยู่แวบๆ เสื้อผ้าที่สวมใส่เริ่มขาดวิ่นเพราะต้องวิ่งเหนื่อยมาหลายวัน ผิวหนังที่โผล่ออกมาด้านนอกเหมือนมีอักขระโบราณกำลังหมุนวนอยู่

ถ้าหากนักพรตเฒ่าและเหล่าจางอยู่ที่นี่ ได้เห็นฉากนี้ล่ะก็ จะต้องรู้สึกสะเทือนอารมณ์แน่นอน เพราะตอนแรกที่เจอกับปู่เจ้าที่ที่ทงเฉิงในตอนนั้น อิ๋งโกวที่ฟื้นขึ้นมาได้เปลี่ยนจับโจรปล้นสุสานสองคนนั้นที่ถูกมัดอยู่ในต้นไม้ให้จนกลายเป็นผีศพเดินได้ทันที ถึงแม้เวลานี้โจวเจ๋อจะไม่ได้ทำอะไรกับวิญญาณทหารหลายหมื่นนายนี้ และไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ทั้งสองอย่างดูเหมือนจะมีจุดที่เหมือนกัน

อิงอิงเดินตามหลังโจวเจ๋อตลอด เธอมองโจวเจ๋ออย่างละเอียด เธอรู้ว่าแผลของเถ้าแก่เพิ่งจะหายแต่ต้องมาเดินเหนื่อยแบบนี้ จึงกลัวจริงๆ ว่าเถ้าแก่จะทนไม่ไหวล้มลงไปอย่างกะทันหัน ซึ่งในความเป็นจริง โจวเจ๋อก็เหนื่อยมากจริงๆก่อนหน้านี้ด้วยความร้อนใจร่างกายของเขาจึงตื่นตัวต่อต้าน ทำให้แต่ก็ไม่รู้สึกอะไร ทว่าตอนนี้ถึงแม้ตัวเขาเองจะได้สติแล้ว ความกดดันและความสิ้นเปลืองพลังงานในแต่ละก้าวล้วนยิ่งใหญ่ ยังดีที่เขามีประสบการณ์ตอนเดินออกมาจากสะพานไน่เหอกับอิ๋งโกวมาก่อน ถึงแม้จะมีภาระหนักอึ้งอยู่กับตัว แต่ทุกก้าวที่เยื้องย่างกลับมั่นคง

หมอกสีขาวหายไปอย่างสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้โจวเจ๋อได้แต่ก้มหน้าเดินไปข้างหน้า จากนั้นก็จึงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แต่เนื่องจากตัวอยู่ท่ามกลางน้ำป่าไหลหลาก ดังนั้นตัวของเขาจึงคิดไม่ถึงว่าวิญญาณทหารหลายหมื่นนายจะสามารถรวมพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้ แต่หลังจากนั้นก็เหลือแค่เดินกลับไปทีละก้าว หลังจากเดินมานานครึ่งค่อนวันแล้ว ทนายอันกับสวี่ชิงหล่างจึงเดินตามมา

สวี่ชิงหล่างหยิบของกินออกมาจากในกระเป๋า เหมือนกำลังจะยื่นเข้าไป แต่กลับถูกทนายอันคว้ามือเอาไว้

“จะทำอะไร”

“ให้ของกินไง”

“ทำไมคุณไม่เอาได้ถือธงกองทัพทหารกั๋วหมินตั่งมอบให้เขาแล้วสั่งให้เขาชูมือโบกธงนำทางเหยียบแนวเส้น”

“…” สวี่ชิงหล่าง

“หิวมาสองวันไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้กลัวที่สุดเลยก็คือจะโดนขัด ถ้าหากความรู้สึกนี้โดนกระทบในเวลานี้ อยากจะเรียกกลับมาก็ยาก” ทนายอันหยิบบุหรี่ออกมาสองมวน ยื่นให้สวี่ชิงหล่างหนึ่งมวน เมื่อเห็นทนายอันพูดเช่นนี้ สวี่ชิงหล่างจึงรับมาบุหรี่มา นั่งลงยองๆ กับเขาเตรียมตัวพักผ่อน

รอบตัวของทั้งสองคนมีแต่เงาร่างของวิญญาณทหาร ลำพังแค่ต่สองสามพันคนก็สามารถอัดเต็มสนามโรงเรียนมัธยมแล้ว นับประสาอำอะไรกับคนสองสามหมื่น

หลังจากพ่นควันบุหรี่ออกมา ทนายอันนำบุหรี่ที่เหลือในซองปักลงไปบนพื้น แล้วจุดไฟ “พี่ๆ กลับบ้านแล้ว คนที่เดินผ่านมาสูบสักมวนนะ บุหรี่จงหวา สูบดี!”

จากนั้นบุหรี่เจ็ดแปดมวนก็ถูกเผาไหม้อย่างรวดเร็ว ไม่กี่ถึงสองสามวินาที ก็เผาไหม้ไปจนถึงก้นบุหรี่แล้ว

สวี่ชิงหล่างมองกลุ่มทหารที่กำลังเดินมาด้วยความแปลกใจ “มีทหารผู้หญิงด้วยเหรอ”

“ไร้สาระ ในกองทัพมีทหารหญิงแปลกมากเหรอ”

“ไม่แปลก” สวี่ชิงหล่างเขี่ยบุหรี่

ทนายอันถูมือ มองทหารหญิงกลุ่มหนึ่งเดินผ่านหน้าตัวเองไป แล้วพูดอย่างช้าๆ “ตอนที่เข้าไปในผ่านภูเขาคะฉิ่น ดูเหมือนจะมีทหารหญิงสามร้อยกว่าคนเดินเข้ามาพร้อมกัน แต่มีทหารหญิงแค่คนเดียวหนึ่งที่มีชีวิตรอดออกไป”

สวี่ชิงหล่างเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจ ทันใดนั้นดูเหมือนจะรู้สึกว่าสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแบบนี้ไม่ดีที่ไม่ชอบมาพากล เขามองไปทางทนายอันที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “เรื่องในครั้งนี้ ถือว่าสำเร็จใช่ไหม”

“รอส่งวิญญาณทหารกลับบ้านแล้ว ถึงจะถือว่าสำเร็จ อย่างน้อยต้องข้ามชายแดนหรือข้ามแม่น้ำนู่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

“ผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย” สวี่ชิงหล่างกล่าว

“แปลกตรงไหน”

“หมอกหนาปรากฏตัว ทำให้คนรู้สึกแปลกใจ ดูบังเอิญเกินไปหน่อย”

นี่มันไม่ใช่ภาพยนตร์ฮอลลีวูด ที่ต้องแสดงความขัดแย้งและการปะทะกันทุกอย่างภายในเวลาสองชั่วโมง จึงจงใจสร้าง ‘เหตุบังเอิญ’ มากมาย นี่คือความจริง และในความเป็นจริงนี้ และยังไม่พูดถึงอิ๋งโกวและไท่ซานฝู่จวินซึ่งไม่มีใครรู้ฐานะของคนทั้งสอง โจวเจ๋อเป็นแค่ยมทูตคนหนึ่งเท่านั้น

“ฮิๆ ใครจะไปรู้” ขณะที่พูด ทนายอันลุกขึ้น ตบไหล่ของสวี่ชิงหล่าง “ไปกันเถอะ เถ้าแก่เดินไปไกลแล้ว”

โจวเจ๋อไม่ใช่คนที่ชอบเคยออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเป็นคนรักสุขภาพเลย เขาเป็นคนขี้เกียจมาก ไม่ว่าเรื่องใดที่ต้องขยับตัว เขาจะใจแคบกำจัดมันออกไป แต่การเดินเท้าในป่าฝนครั้งนี้ เขากลับเดินติดต่อกันสองวันสองคืน นอกจากจะไม่ได้พักผ่อนแล้ว แม้แต่หยุดเดินก็ไม่มี ถึงแม้จะไม่ได้วิ่ง แต่อัตราความถี่ของการก้าวเดินทางไม่เคยลดลง ตอนแรกเหนื่อย ตอนแรกหิว ตอนแรกกระหาย แต่พอเวลาผ่านไปช้าๆ ความรู้สึกใดๆ กลับถูกห่อหุ้มด้วยความชินชา คุณไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ และมองตัวเองเป็นเหมือนเครื่องจักรในไลน์ผลิตเท่านั้น เดินไปข้างหน้า เดินไปข้างหน้า แล้วก็เดินไปข้างหน้าๆๆ

ใช่ว่าไม่อยากพักผ่อน แต่โจวเจ๋อสัมผัสได้ถึงความร้อนใจและความปรารถนาอยากจะกลับบ้านของวิญญาณทหารหลายหมื่นนายนี้ได้อย่างชัดเจน ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีใครเร่งรัดโจวเจ๋อ แต่คนนับหมื่นเดินอยู่ข้างหลังคุณ คุณสามารถรับรู้ได้ถึงสายตานับหมื่นกำลังตกลงมาที่ตัวเอง คุณก็จะมีความรู้สึกบางอย่าง และตอนนี้หากหยุดเดินก่อให้เกิดความล่าช้า ล้วนเป็นความผิดและการดูหมิ่นอย่างหนึ่ง ลำบากไม่ถือว่าลำบาก อย่างน้อยก็ทำด้วยความสมัครใจ

ในที่สุดแม่น้ำนู่ก็อยู่ตรงหน้าเสียที เนื่องจากเข้าฤดูหนาวแล้ว ดังนั้นจึงไม่เหมือนฤดูร้อน ระดับน้ำของแม่น้ำนู่ไม่สูงมาก นอกจากเวลาเช้าเย็นช่วงสั้นๆ ก็ไม่มีคลื่นใหญ่อะไร แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ มันก็ยังเป็นคูเมืองธรรมชาติที่ยากจะข้ามผ่านได้ง่ายๆ

เมื่อเจ็ดสิบกว่าปีก่อน ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำนู่ ทหารญี่ปุ่นและทหารจีนได้สู้รบกันที่นี่อย่างดุเดือดรุนแรง เลือดสดเปื้อนไปทั่วแม่น้ำสายนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล