ตอนที่ 646 หมุนตัว กระโดด ฉันปิดตาไว้
กระดูกของพระเกจิอาจารย์ถูกทำลาย เมฆดำทะมึนบนท้องฟ้าหนาทึบในทันใด ประตูที่ถูกโซ่ล็อกเอาไว้ปรากฏขึ้นบนหน้าผาตรงหน้าพระขี้เรื้อน ประตูมีกรอบสีทองไม่ใหญ่มากนัก บนนั้นแปะยันต์เอาไว้หลายแผ่น มีทั้งของเก่าและของใหม่ น่าจะเป็นของช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ นานๆ ครั้งจะมีคนมาเสริมความแกร่งของผนึกที่นี่
พระขี้เรื้อนแสยะยิ้ม หัวเราะพลางเดินไปข้างหน้า เขาเอื้อมมือทั้งสองข้างออกไปจับโซ่บนประตู
‘วืด!’
โซ่เริ่มเรืองแสงสีแดง ราวกับมันกลายเป็นหัวแร้งที่ร้อนระอุและน่ากลัวที่สุดในชั่วพริบตา ผิวหนังทั้งร่างของพระขี้เรื้อนเริ่มกลายเป็นสีแดงฉาน ควันสีขาวก็เริ่มผุดขึ้นกลางศีรษะ แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ ดึงโซ่ที่ประตูอย่างแน่นหนา ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่รู้สึกเจ็บปวด ความเจ็บปวดที่สาหัสที่สุดเป็นชั่ววินาทีที่ศรัทธาพังทลายลง
บำเพ็ญตบะพันลี้ ทรมานร่างกาย ไม่อาจบรรลุการหลุดพ้น แต่ความทุกข์ประเภทนี้กลับกลายเป็นหนทางแห่งความสุขได้ เช่นเดียวกับพวกสุภาพบุรุษติดยาทำร้ายตัวเองเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากอาการขาดยา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพร้อมกับความทรมานจากโลหะร้อนที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ความโกรธและความไม่พอใจในใจของเขาได้รับการระบายไปอีกขั้น หลังประตูเป็นถ้ำผีสิง และเขากำลังพยายามจะเปิดมัน!
ทันใดนั้นดวงตาของพระขี้เรื้อนพลันชัดเจนขึ้นมา ไม่ขุ่นเคืองใจเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป ความหดหู่ใจในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาก็หายวับไปเช่นกัน ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาเพิ่งตะโกนบอกตัวเองว่า ‘ในเมื่อต้องบรรลุถึงเป็นพระพุทธเจ้า เช่นนั้นก็เต็มใจเข้าสู่วิถีมาร’!
แต่ทว่า ณ ตอนนี้เวลานี้เขากลับรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของตัวเองดูไร้สาระและน่าขันเล็กน้อย การเป็นพุทธะคืออะไร การเป็นมารคืออะไร อะไรนับว่าเป็นพุทธะ แล้วอะไรนับว่าเป็นมารกันแน่ ไม่ว่ารูปลักษณ์ด้านที่สดใสหรือมืดมนนั้น แท้จริงแล้วทุกคนล้วนเหมือนกันหมด เชื่ออะไรก็ไม่เท่าเชื่อตัวเอง บัดนี้ตัวเองไม่เชื่อในพระพุทธเจ้า ก็ถือว่าหลุดพ้นจากกรงขังและกลับสู่ธรรมชาติที่แท้จริง!
ใช่การหลงผิด ใช่ทางชั่วหรือไม่ จะดีชั่วถูกผิด แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอาตมาด้วย!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ความคิดฟุ้งซ่านและความพะว้าพะวงที่เหลืออยู่ทั้งหมดในใจเพียงเล็กน้อยล้วนถูกกวาดออกไปจนหมดสิ้น
“อ๊ากกกกก!!!!!” พระขี้เรื้อนแหงนมองฟ้าพลางคำราม “อมิตาภพุทธ! ฮ่าๆๆ อมิตาภพุทธบ้าอะไรล่ะ!!!!!”
…
ที่เชิงเขา เฝิงซื่อเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น เมฆดำบนท้องฟ้าหนาทึบจนดูเหมือนจะกลายเป็นน้ำหมึกหยดลงมาก็ไม่ปาน และบรรยากาศที่อึดอัดบีบคั้นก็เรียกได้ว่าท่วมท้น
“เกิดปัญหาขึ้นหรือ” เฝิงซื่อลงจากม้าอย่างรวดเร็ว และเริ่มวิ่งขึ้นเขาทันที เขาวิ่งเร็วจี๋ ฝีเท้าเร็วราวกับเหาะ กระโปรงของสตรีสะบัดพลิ้วไม่หยุดประหนึ่งดอกไม้ที่บานสะพรั่งบนภูเขา
“ชุ่ยฮวาเอ๋อร์ ช่วยเพิ่มพลังให้ข้า!”
ชั้นความแวววาวขาวดุจน้ำนมจางๆ เริ่มปกคลุมร่างของเฝิงซื่อ ความแข็งแกร่งของเฝิงซื่อราวกับไร้ที่สิ้นสุด วิ่งขึ้นไปบนภูเขาโดยไร้สิ่งใดขวางกั้น!
…
‘โครม!’
โซ่พังทลายลง ราวกับว่าโซ่ตรวนที่เสื่อมโทรมได้ขาดสะบั้นลงอย่างสิ้นเชิง พระขี้เรื้อนทิ้งแขนทั้งสองข้างลง โน้มเอวโค้ง ใบหน้าฉายแววสงบนิ่ง
‘หวีดหวิว…หวีดหวิว…’
‘หวีดหวิว…หวีดหวิว…’
ลมหนาวน่าสะพรึงกลัวเริ่มพัดออกจากประตู เสียดแทงเข้าร่างของคน ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสะท้าน เหมือนถูกปล่อยไว้ในทุ่งกว้างตอนเดือนสิบสองที่อากาศหนาวเหน็บ แต่ท่ามกลางเมฆหนาทึบบนท้องฟ้ากลับเริ่มมีสายฟ้าแลบก่อตัวขึ้น ฟ้ามีตามองเห็นทุกสิ่ง และกำลังจะกระหน่ำสายฟ้าฟาดเพื่อล้างโลก!
ถ้ำผีสิงในโลกปัจจุบันเป็นสถานที่ที่ถูกปิดตายมาหลายศตวรรษ แต่มันไม่ได้ทำให้วิญญาณภายในสูญเสียพลังไปโดยสิ้นเชิง กลับใช้วิธีการคล้ายกับการเลี้ยงแมลงพิษร้าย ทำให้พวกผีร้ายข้างในดุร้ายยิ่งขึ้น! ด้วยเหตุนี้ จึงดึงดูดปฏิกิริยาเหนือท้องฟ้า!
หากสายฟ้าฟาดลงมา ภูตผีในถ้ำผีสิงมากกว่าเก้าส่วนจะกลายเป็นผงขี้เถ้าในชั่วพริบตา แต่ถึงแม้จะเล็ดลอดออกไปได้เพียงหนึ่งส่วน มันก็จะกลายเป็นหายนะสำหรับประชาชนทั่วทุกแห่งหนอย่างแน่นอน
ถ้ำผีสิงแห่งนี้เดิมทีถูกวิญญาณกองทัพนับหมื่นที่ชายแดนกระตุ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน ประกอบกับมู่เฉิงเอินที่เดิมทีสามารถอาศัยร่างผีดิบสร้างความแข็งแกร่งให้กับผนึกถูกโจวเจ๋อฆ่าตายเพราะวางแผนคิดร้าย ทำให้สถานการณ์ในตอนท้ายเลวร้ายถึงขีดสุด
เฝิงซื่อเคยตรวจสอบข้อมูลยมทูตท้องถิ่น จึงรู้ว่ามีสิ่งนี้เกิดขึ้นไปโดยปริยาย เดิมทีตามแผนแล้วนั้น หลังจากฆ่ามู่เฉิงเอิน เขาค่อยเดินทางมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับผนึกด้วยตัวเองรอบหนึ่งก็เพียงพอแล้ว ใครจะรู้ว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต พระที่เดินจากทงเฉิงไปถึงลี่เจียงได้เจาะชั้นหน้าต่างกระดาษนี้ขาดเสียก่อนแล้ว ทำให้กล่องแพนโดราใบนี้เปิดขึ้น
“ข้าแต่พระพุทธเจ้าผู้มีเมตตา!” พระขี้เรื้อนนั่งขัดสมาธินัยน์ตาฉายแววเมตตา แต่ใบหน้ากลับฉายแววเยือกเย็นพลางเอ่ยเสียงทุ้มทันที “หากไม่อยากถูกฟ้าผ่าตายก็สิงร่างอาตมาเถิด”
โปรดมนุษย์ โปรดภูตผี โปรดตนเอง!
ชั่วขณะหนึ่ง คลื่นลมสายแล้วสายเล่าพัดโหมกระหน่ำเข้ามาและพุ่งเข้าสู่ร่างของพระขี้เรื้อน ร่างของพระขี้เรื้อนสั่นกระตุกไม่หยุด แต่ลมปราณของเขากลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สายฟ้าบนท้องฟ้าเริ่มทวีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมผ่าและฟาดลงมาได้ทุกเมื่อ แต่ทว่าพระขี้เรื้อนกลับฝืนแบมือทั้งสองข้างออกพร้อมกับท่องบทสวด ดูเหมือนปราณวิญญาณแกร่งกล้ารอบทิศแต่เดิมจะอันตรธานหายไปกว่าครึ่งในขณะนี้ พระขี้เรื้อนลุกขึ้นยืน ร่างกายไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ความแวววาวสีทองอร่ามจางๆ ตรงระหว่างคิ้วแต่เดิมในเวลานี้กลับกลายเป็นรอยดำ ส่วนลึกของแววตาไม่มีความเมตตาอีกต่อไป มีแต่ความเยือกเย็นโดยสมบูรณ์เท่านั้น
เขาเป็นคนที่มีความเพียรมาก โดยธรรมชาติแล้วไม่ลุ่มหลงเข้าสู่วิถีมาร แต่ไม่มีทางที่จะไม่ได้รับผลกระทบเลยอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล