ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 647

สรุปบท ตอนที่ 647 มาตามหาถึงที่: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอน ตอนที่ 647 มาตามหาถึงที่ จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 647 มาตามหาถึงที่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 647 มาตามหาถึงที่

‘ตู้ม!’

‘ตู้ม!’

‘ตู้ม!’

จู่ๆ ความรู้สึกไร้กำลังก็ผุดขึ้นในใจของเฝิงซื่อ ทำได้เพียงแค่ยืนมองตาปริบๆ อยู่ที่เดิมอย่างช่วยไม่ได้ มองพระขี้เรื้อนที่ทำตัวเหมือนเด็กหัวเหล็ก ทั้งดุเดือดและได้ผล กระตุ้นเอา กระตุ้นเอา แล้วกระตุ้นอีกครั้ง เขตอาคมใกล้จะพังทลายลงแล้ว

เหตุผลที่ไร้กำลังไม่ใช่เพราะจู่ๆ เฝิงซื่อก็อ่อนแอลง ตอนที่เขาปะทะกับมู่เฉิงเอินก่อนหน้านี้เป็นความจริงที่ได้เปรียบอย่างแน่นอน แต่อย่างแรกเลยเป็นเพราะมู่เฉิงเอินเป็นสายเดียวกับเขา ทุกคนล้วนเป็นคนจากยมโลก อย่างที่สองเป็นเพราะร่างผีดิบของมู่เฉิงเอินจัดการได้ค่อนข้างยาก หนังเหนียวเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็สู้กับร่างผีดิบของโจวเจ๋อไม่ได้อยู่ดี สำหรับเฝิงซื่อแล้วมันยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ แต่พระขี้เรื้อนตรงหน้าคนนี้กลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

ก่อนอื่น ดูท่าทางที่เขาเอาแต่ใช้หัวกระแทกเขตอาคมโดยตรงสิ ตอนนี้ร่างกายของเขาแกร่งมากจนสามารถทิ้งห่างมู่เฉิงเอินที่กลายเป็นผีดิบไว้ข้างหลังด้วยซ้ำ อีกอย่างพระขี้เรื้อนนี่ยังเป็น ‘คนมีชีวิต’ แถมยังมีพื้นฐานการบำเพ็ญเพียรของพุทธศาสนา สามารถกล่าวได้ว่าต้านกระบวนวิชาของเฝิงซื่อเอ๋อร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เดิมทีร่างกายหญิงสาวที่เข้าไปสิงมั่วๆ ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมอยู่แล้ว กระบวนวิชายังถูกอีกฝ่ายต้านเอาไว้อย่างสมบูรณ์อีกด้วย ตอนนี้เฝิงซื่อรู้สึกไร้กำลังจริงๆ เพราะไม่อาจใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีได้

‘ปัง!’

เขตอาคมแตกแล้ว พระขี้เรื้อนปรากฏตัวด้านหน้าเฝิงซื่อทันที ร่างของเฝิงซื่อย่อลงเล็กน้อยและก้มหน้าลง พระขี้เรื้อนเงื้อฝ่ามือขึ้นมา ตอนนี้เขาหมกมุ่นกับการตบคนอื่นไปเสียแล้ว นี่ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมและภาพลักษณ์ก่อนหน้านี้ของเขานัก แต่เขาก็ไม่อาจลืมฉากที่คนผู้นั้นซัดเขากระเด็นออกไปหลายครั้งที่สวีโจวในคืนนั้นได้ลง

เขาหลงใหล เขาเลียนแบบ กระทั่งรู้สึกนับถือเล็กน้อย

คุณสามารถพูดได้ว่าพระขี้เรื้อนถูกอิ๋งโกวอัดน่วมจนสมองกลับตั้งแต่นั้น แต่ก็สามารถกล่าวได้ว่าเขาถูกเสน่ห์เฉพาะตัวของอิ๋งโกวพิชิตเข้าให้แล้ว ทั้งๆ ที่เกลียดคนผู้นั้น แต่กลับไม่สามารถลบเลือนเงามืดที่คนผู้นั้นทิ้งเอาไว้ในหัวของเขาจนฝังรากลึกได้

กายหยาบของเฝิงซื่อระเบิดกระจุยทันที พระขี้เรื้อนชะงักไปครู่หนึ่ง เพราะตัวเขาเองรู้ดีว่าเขายังไม่ได้แตะต้องตัวของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ทันใดนั้น แสงสีดำและสีขาวสองสายหมุนตลบออกมาทันที “ยมโลกมีกฎระเบียบ กฎแห่งความตายไร้ความปรานี ทำลาย!” แสงสีขาวยังคงส่องแสงและหลอมรวมเข้ากับแสงสีดำ สิ่งที่ตามมาคือลมแกร่งและคลื่นอากาศที่พัดกระหน่ำอย่างน่าสะพรึงกลัว!

พระขี้เรื้อนหลบไม่ทัน ถูกอัดกระแทกลอยกระเด็นออกไป และร่วงตกจากหน้าผา

“ท่านสี่ เขาตายหรือยังเจ้าคะ” เสียงดังแว่วมาจากในแสงสีขาว

“ไป!” แสงสีดำไม่ลังเลแม้แต่น้อย เฝิงซื่อรู้อยู่แล้วว่าถ้าพระมารนั่นไม่มีกายหยาบไว้พึ่งพิงอาศัยละก็ เมื่อครู่นี้เขาอาจจะโจมตีจนวิญญาณของอีกฝ่ายแตกดับไปเลยก็เป็นได้ แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้

วงกลมแสงสีดำปรากฏขึ้น แสงสีดำห่อหุ้มแสงสีขาวแล้วทะลุเข้าไป รอจน ‘ประตูแห่งนรก’ ปิดลง พระขี้เรื้อนที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดปีนไต่ขึ้นมาด้วยความเร็วคล้ายกับแมงมุมก็ไม่ปาน

เมื่อมองเห็นความเละเทะทั่วพื้นที่นี้ พระขี้เรื้อนเผยสีหน้าโกรธจัด ในดวงตาพลันเปล่งประกายสีแดงฉาน เต็มไปด้วยกลิ่นอายความดุดันและรุนแรง แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หลับตาลง พนมมือสวดมนต์อย่างเงียบๆ ไม่นานนัก ทั้งอารมณ์และแววตาก็กลับมาสดใสและเยือกเย็นอีกครั้ง

แค่ผู้ตรวจสอบที่พยายามบ่อนทำลายเรื่องดีของเขาเท่านั้นเอง ที่นี่ไม่ใช่ยมโลก ที่นี่คือโลกมนุษย์ เป็นสนามเหย้าของคนมีชีวิต ด้วยสถานะปัจจุบันของเขานั้นไม่กลัวเกรงอีกฝ่ายเลยจริงๆ พอเงยหน้าขึ้น แม้ว่าเมฆดำจะสลายไปไม่น้อย แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงเค้าลาง ราวกับมีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองได้ทุกเมื่อ

“แม้ว่าภายใต้เนื้อหนังของพระจะมีกระดูกสีขาวอยู่ แต่ท่านกลับทำลายอาตมาไม่ได้ อมิตาภพุทธ สวรรค์เปลี่ยนไปแล้ว หรือว่าสวรรค์จงใจบีบบังคับอย่างโหดเหี้ยมให้คนกลายเป็นผีก็ไม่ใช่เป็นคนก็ไม่เชิงกันแน่”

ทนายอันออกมาจากคลับหลงเฟิ่งเสียง แล้วตรงไปที่ร้านสตาร์บัคส์ด้านหน้า ไม่ได้สั่งกาแฟแต่สั่งมัทฉะลาเต้มาหนึ่งแก้ว ท้องฟ้าเหนือศีรษะเดี๋ยวอึมครึมเดี๋ยวสว่าง นี่มันทำให้ทนายอันสับสนงุงงน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ความรู้สึกว่าฝนบนภูเขากำลังจะมาและลมพัดโหมแรงไปทั่วตึก ตอนนี้มันเหมือนกับลูกธนูที่ขึ้นสายแล้วถูกบีบให้ปล่อยกลับไป ทำให้คนจะขึ้นก็ไม่ได้จะลงก็ไม่ได้

เขาในเวลานี้ยังไม่รู้ว่าเฝิงซื่อทำลายกายหยาบและพาชุ่ยฮวากลับนรกไปแล้ว เพราะไม่สามารถหยุดพระขี้เรื้อนไว้ได้ อันที่จริง หากมีโอกาสละก็ เฝิงซื่ออาจจะแจ้งให้ทนายอันและคนอื่นๆ ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นที่นั่นทั้งหมด แต่ปัญหาคือไม่มีเวลาและไม่มีโอกาส แม้แต่กายหยาบเขายังไม่สามารถส่งกลับไปและรักษามันไว้ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเรื่องอื่นล่ะ

จู่ๆ ก็เกิดความปั่นป่วนในใจอย่างบอกไม่ถูก ทนายอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ดูเหมือนว่าเวลาปลดปล่อยครั้งนี้จะสั้นเกินไปหรือเปล่านะ หรือว่าจะต้องกลับไปอีกครั้งกันล่ะเนี่ย แต่เป็นคนต้องรู้จักพอประมาณหน่อย ต้องรู้จักพอประมาณ

ถัดจากทนายอันมีเด็กสาวสวมเสื้อเสื้อขนเป็ดสีขาวดูเหมือนเป็นนักศึกษาหญิงกำลังพิมพ์บนแป้นพิมพ์ของแล็ปท็อปอย่างใจจดใจจ่อ ข้างๆ ยังวางมือถือและแท็บเล็ตอยู่ด้วย ทนายอันหันหน้าชำเลืองมองสองที ในตอนท้ายเห็นหญิงสาวท่าทางดูรีบร้อนขนาดนี้จึงอดหัวเราะไม่ได้ “เว็บสมัคร ป.โท ล่มสินะ เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องรีบหรอก อีกครึ่งวันก็ใช้ได้แล้ว”

หญิงสาวเหลือบมองทนายอันด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าชายคนนี้หน้าตาไม่เลวเลย แม้ว่าอายุอานามจะมากไปหน่อย แต่ก็ค่อนข้างสุขุมมีเสน่ห์ เธออดทำหน้ามุ่ยไม่ได้และพูดว่า “ไม่รีบได้เหรอคะ”

ใช้เวลาไปตั้งมากมาย ตอนที่คนอื่นมีความรักและมีอิสระ คุณยังต้องทั้งเรียนและอ่านทบทวนเองอยู่ในห้องสมุดอยู่เลย แถมมหาวิทยาลัยยังไม่มีบรรยากาศการเรียนเหมือนโรงเรียนมัธยม ทุ่มเทไปตั้งมากมาย อดทนอดกลั้นมาตั้งนาน ตอนนี้ไม่ว่าจะสถานการณ์ใดๆ ก็ทนไม่ไหวทั้งนั้น

“การสอบเข้า ป.โท ไม่ใช่การแย่งจุดธูปดอกแรก ใครแย่งได้ก็จะมั่งมีศรีสุข สงบสติอารมณ์และทบทวนเพิ่มเติม ท่องจำมากขึ้นก็ได้ความรู้มากขึ้น ยังมีเวลาอีกตั้งหนึ่งสัปดาห์ก่อนสอบเข้า ป.โท นี่นา สภาพจิตใจสำคัญที่สุด ไม่ต้องห่วงง่ายกว่าการสอบเกาเข่า[1]อีก”

ทนายอันยิ้มขำและหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองออกมา ตวัดนิ้วไปตามนามบัตรหนาปึ้กอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็เลือกตัวตนที่เหมาะสมในตอนนี้ได้ และยื่นให้เด็กสาวพลางพูดว่า “เอาอย่างนี้สิ ถ้าคุณยังรู้สึกประหม่าละก็ ติดต่อผมได้ ผมเป็นจิตแพทย์ประจำคลินิกในเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้มาเที่ยวลี่เจียงน่ะ หวังว่าผมจะช่วยคุณได้” พูดจบ ทนายอันก็ยื่นมือไปตบไหล่หญิงสาวเบาๆ ก่อนจะวางนามบัตรไว้บนโต๊ะด้านหน้าเธอ แล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากร้านกาแฟ ทำอะไรก็ตามทำให้พอดี มากไปน้อยไปก็ไม่ดีทั้งสิ้น จะจับให้อยู่หมัดก็ต้องแกล้งปล่อยไปก่อน ทนายอันรู้กุญแจสำคัญในการเล่นกับไฟดี

เมื่อเลี้ยวตรงหัวมุม ทนายอันหยุดฝีเท้าและเอามือถูใบหน้าของตัวเองแรงๆ ขึ้นสมองแล้ว ขึ้นสมองไปแล้ว ทำไมถึงเอาแต่คิดเรื่องแบบนี้ทั้งวันกันเนี่ย

สัตว์เดรัจฉาน หน้าด้าน สวะ

โจวเจ๋อนึกถึงคำพูดเหล่านั้นของมู่เตี๋ยก่อนที่เขาจะเข้านอนระหว่างวันทันที แม่เจ้า ตัวเขาคงไม่ได้ซวยขนาดนั้นหรอกใชไหม ถ้ำผีสิงพังตอนหลับงั้นเหรอ

“อิงอิง แจ้งเหล่าอันหน่อยสิ ให้พวกเขาเลิกเที่ยวเตร่ข้างนอกได้แล้ว เราจะไปสนามบินกันตอนนี้เลย”

“อ้าว แต่ว่าตอนนี้ไม่มีเที่ยวบินนะเจ้าคะ”

“เครื่องบินลำไหนขึ้นบินก่อนก็นั่งลำนั้น ไม่ว่าจะบินไปไหนขอให้ออกไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

คงไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็โยนให้เขารับช่วงต่อหรอกใช่ไหม เขาไม่ใช่ผู้กอบกู้เสียหน่อย ใครอยากจะไปก็เชิญได้เลย

โจวเจ๋อตื่นนอนแล้วเดินไปห้องน้ำเตรียมจะอาบน้ำ ‘ก๊อกๆๆ!’ เสียงเคาะประตูดังแว่วมา โจวเจ๋องับแปรงสีฟันพร้อมกับเดินออกจากห้องน้ำมาเปิดประตู มีชายใบหน้าอาบเลือดคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู โจวเจ๋อมองแวบเดียวก็มองเห็นหัวขี้เรื้อนตะปุ่มตะป่ำของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว!

พระขี้เรื้อนเจอโจวเจ๋อแล้วก็พนมมือพลางกล่าวอย่างเคารพว่า “อมิตาภพุทธ ช่างเป็นวาสนาจริงๆ หรืออาจเป็นเวรกรรมกำหนด ไม่คิดว่าโยมจะอยู่ที่ลี่เจียง อาตมามาถึงที่นี่เพื่อสนทนาธรรมกับโยม โยมโปรดชี้แนะดังเช่นที่เคยทำเมื่ออยู่สวีโจวด้วยเถิด”

“ขอโทษด้วย คุณมาหาผิดคนแล้ว”

พูดจบ

‘ปัง!’

โจวเจ๋อปิดประตูห้องทันที

เถ้าแก่โจวไม่ได้โกหก และไม่ได้เล่นละครตบตาเขา เขามาตามหาผิดคนแล้วจริงๆ

คนที่อัดคุณน่วมเมื่อครั้งก่อน อ้อ ไม่สิ คนนั้นที่สนทนาธรรมกับคุณในครั้งที่แล้ว ไม่อยู่จริงๆ นี่นา!

……………………………………………………………

[1] เกาเข่า สอบเอนทรานซ์จีน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล