สรุปเนื้อหา ตอนที่ 655 มีความสุขจัง – ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 655 มีความสุขจัง ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 655 มีความสุขจัง
“พวกเขามาแล้ว” สวี่ชิงหล่างที่ออกไปรับคนเมื่อครู่พูดพลางผลักประตู
อิงอิงลุกขึ้นจากข้างเตียง พยักหน้าเล็กน้อยให้กับเด็กผู้ชายและหญิงสาวตัวดำ จากนั้นจึงนั่งต่อ คอยดูแลเถ้าแก่ของตัวเอง
เวลาผ่านไปสองวัน เถ้าแก่ยังไม่ขยับตัวเลยสักนิด ร่างกายแน่นิ่ง สัมผัสไม่ได้ถึงวิญญาณแม้แต่นิดเดียว ยังดีที่ยังมีความหวังเพียงหนึ่งเดียวอยู่ ซึ่งก็คือปากกาด้ามนั้นยังเสียบอยู่ตรงหัวใจของเถ้าแก่ในเวลานี้
ปากกาด้ามนี้คงไม่ว่างจัดเลยวิ่งไปแช่อยู่ตรงนั้นแน่นอน มันต้องมีสาเหตุ มีจุดประสงค์ และมีประโยชน์แน่นอน มิฉะนั้นมันคงเป็นปากกาโง่เง่าของจริง
เด็กผู้ชายขยับติดกำแพง มองร่างคนไหม้เกรียมที่นอนอยู่บนเตียง ด้วยสีหน้าที่เย็นชาเหมือนเดิม
อันที่จริงเขาไม่ค่อยอยากมาเท่าไร ช่วงเวลานี้ ผู้ชายคนนั้นที่ตัวเองต้องนอนเป็นเพื่อนตอนอยู่ในร้านหนังสือมายูนนาน ร้านหนังสือก็กำลังปรับปรุงอยู่ เขาจึงขอให้นักพรตเฒ่าช่วย เพื่อให้ตัวเองได้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านของหวังเคอ โดยใช้ข้ออ้างสวยๆ ว่า ‘จะได้ไปเรียนสะดวก!’ เขาไปโรงเรียน เลิกเรียน กินข้าวพร้อมกับสาวน้อยโลลิทุกวัน กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความสุขที่เด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายเล่นและเติบโตมาด้วยกันพอดี แต่จู่ๆ กลับมีโทรศัพท์เข้ามาบอกให้เขาต้องทิ้งบ้านที่อบอุ่นมาที่นี่
แต่มองเถ้าแก่ที่อยู่บนเตียงแล้ว รู้สึกเกรงใจที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาจริงๆ เขายักไหล่ด้วยความเสียใจเล็กน้อย บรรพบุรุษของตัวเองคนนั้น ถ้าหากไม่นอนหลับ เถ้าแก่ของตัวเองคนนี้คงไม่น่าอนาถขนาดนี้ใช่ไหม
รายละเอียดของเรื่องราว เขารู้ไม่มาก ไม่ว่าอย่างไรก็เกิดเรื่องอย่างกะทันหัน ทนายอันจึงต้องสั่งให้พวกเขามาทันที ยังไม่ได้พูดอะไรมากนัก
ถ้าหากเด็กผู้ชายรู้ว่าเถ้าแก่ของตัวเองถูกฟ้าผ่ากลายเป็นแบบนี้ละก็ เขาจะต้องชูนิ้วโป้งขึ้นมาพร้อมกับตะโกนว่า ‘สุดยอดมาก’ แน่นอน ในฐานะผีดิบ ตลอดช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปีก่อนหน้านี้ ความกลัวโดนฟ้าผ่าแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติของเขา แต่เถ้าแก่ของเขาสุดยอดจริงๆ โดนฟ้าผ่าแล้วก็ยังไม่ตายสนิท
หญิงสาวตัวดำทำหน้าบึ้ง ใบหน้าของเธอที่ดำอยู่แล้ว ตอนนี้กลับดำยิ่งกว่า อย่างแรก เธอมาแล้ว แต่เดดพูลยังปลูกอยู่ในร้าน ใครจะรู้ว่านักพรตเฒ่าที่ไว้ใจไม่ได้คนนั้นจะดูแลเดดพูลตามคำสั่งของเธอไหม
อย่างที่สอง ไอ้คนเลวนี่ไหม้เป็นตอกะโกแล้ว พิษของฉัน ใครจะเป็นคนแก้ ถ้าหากเขาไม่ตื่นขึ้นมาภายในครึ่งเดือน ฉันก็ต้องพิษกำเริบตาย! นี่ไม่ได้หลอกกันใช่ไหม! หรือว่าพวกเขาเรียกฉันมาเพื่อให้ฉันฝังลงหลุมไปพร้อมกับเขา
“คุณโทรหาทนายอัน เขาบอกว่าถ้าคุณมาแล้วให้ไปหาเขา” สวี่ชิงหล่างนึกถึงคำสั่งของทนายอันก่อนหน้านั้นแล้วจึงพูดกับเด็กผู้ชาย
เด็กผู้ชายพยักหน้า เขาไม่เข้าใจการรักษา และอาการของเถ้าแก่ในตอนนี้ ถึงแม้จะส่งไปยังโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เชิญหมอที่เก่งกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ เขาพยักหน้าแล้วจึงหยิบโทรศัพท์เดินออกไป มีงานให้ทำก็ดี เขาไม่อยากอยู่เฉยๆมิฉะนั้นก็ต้องมัวแต่นั่งทนทุกข์เพราะความคิดถึง
หญิงสาวตัวดำหมุนศีรษะอย่างงุนงงอยู่บ้าง เธอมองออกว่าอิงอิงอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก เวลานี้เธอไม่อยากไปหาเรื่องอิงอิง ถ้าหากผีดิบตัวนี้เกิดอาละวาดขึ้นมาไม่ว่าอะไรก็สามารถทำได้ทั้งนั้น ผู้หญิงคนหนึ่ง หลังจากที่ผู้ชายของตัวเองกลายเป็นมนุษย์ถ่านแบบนี้ คุณยังหวังให้เธออารมณ์ดีอีกเหรอ เธอจึงได้แต่เบ้ปากถามสวี่ชิงหล่างว่า “ฉันล่ะ เรียกฉันมามีเรื่องอะไร”
สวี่ชิงหล่างขมวดคิ้ว เขากำลังลังเลว่าจะบอกเรื่องที่ทนายอันคิดไว้ก่อนหน้านั้นกับหญิงสาวตัวดำดีไหม เพื่อให้เธอเตรียมดิน เตรียมปุ๋ย เตรียมน้ำ
พอคิดดูแล้วจึงไม่พูดดีกว่า ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เถ้าแก่ก็เป็นแบบนี้แล้ว คาดว่านอกจากปากกาพิฆาตด้ามนั้นจะเกิดปัญหาเอง ไม่อย่างนั้นสภาพของเถ้าแก่ไม่น่าจะแย่ไปกว่านี้ เช่นนั้นก็รอต่อไปเถอะ รอทนายอันกลับมาแล้วค่อยพิจารณาอีกที
“คุณไม่ต้องรีบร้อน รออยู่ที่นี่ก่อน” สวี่ชิงหล่างพูดอย่างขอไปที
“รอ” หญิงสาวตัวดำตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นจึงมองไปที่โจวเจ๋อที่นอนอยู่บนเตียง อันที่จริงโจวเจ๋อไม่ได้มีความไหม้เกรียมตามร่างกายเท่านั้น แต่ยังมองเห็นว่าบนร่างกายมีส่วนที่ขาดหายไปไม่สมบูรณ์อยู่ด้วย เธอรีบเบิกตาโตทันที จากนั้นก็เผยสีหน้าดีใจสุดๆ ออกมาอย่างรวดเร็ว แทบจะกระโดดโลดเต้นพูดว่า “พวกคุณ อยากให้ฉันปลูกเขาลงไปใช่ไหม” หญิงสาวตัวดำเผยสีหน้ารอคอยออกมาด้วยความกระหายอยากลอง!
เธอปลูกผักมามากมาย และยังเคยปลูกดอกพลับพลึงแดง แถมยังเคยปลูกยายของตัวเอง แต่เธอยังไม่เคยปลูกผีดิบมาก่อน! นอกจากนี้เธอได้ประสบเหตุการณ์ที่สวีโจวในคืนนั้นด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงเข้าใจระดับของผีดิบตัวนี้ว่ามีความน่ากลัวมากแค่ไหน!
ประโยคที่ว่า ‘ขอโทษด้วย เดินผิดประตูแล้ว’ หลังประตูแห่งพุทธะ ยังสะท้อนไปมาอยู่ข้างหูจนถึงทุกวันนี้!
“รออีกหน่อย” สวี่ชิงหล่างได้แต่พูดกลบเกลื่อน เขาหวังโดยสัญชาตญาณว่าทนายอันจะเจอเบาะแส เพื่อให้เรื่องราวกลับมาดีขึ้นบ้าง
เขากับโจวเจ๋อเริ่มจากความเป็นเพื่อน ดังนั้นจึงไม่อยากเห็นโจวเจ๋อมีใบไม้สีเขียวงอกขึ้นมาบนศีรษะเหมือนเดดพูล อีกทั้งเดดพูลปลูกออกมาแล้วจะกลายเป็นอะไรก็ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ จากนั้นจึงมองหญิงสาวตัวดำที่กำลังมองมาด้วยแววตารอคอยอย่างมีหวังเหมือนนิยายสยองขวัญแฟรงเกนสไตน์อีกครั้ง สวี่ชิงหล่างรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถือโดยสัญชาตญาณ
“ได้ ฉันจะรอ!” หญิงสาวตัวดำนั่งลงบนโซฟาอย่างเชื่อฟัง มีโอกาสได้ปลูกผีดิบตัวหนึ่งเป็นสิ่งล่อใจอยู่ตรงหน้า เธอถึงขนาดรู้สึกว่าไม่มีคนช่วยถอนพิษของตัวเองก็ไม่เป็นไร
สำหรับการปลูกผัก สำหรับพื้นดิน เธอมีแนวคิดที่แตกต่างไปจากคนอื่นจริง บางทีคุณยายคนนั้นคงมองเห็นความเก่งในด้านนี้ตั้งแต่แรกจึงยอมรับเธอ
“เอ๊ะ!” หญิงสาวตัวดำมองขวดแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาแล้วอุทานออกมา เธอรีบหยิบมาไว้ในมือแล้วเริ่มสำรวจ จากนั้นจึงเปิดฝาใช้นิ้วของตัวเองแตะเศษอัฐิเล็กน้อย ก่อนจะนำมาใส่ปากของตัวเองแล้วดูดมัน
สวี่ชิงหล่างเพิ่งหันมาก็มองเห็นฉากนี้พอดี เขาไม่รู้สึกขยะแขยง กระทั่งสีหน้ายังไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เพียงแต่เดินเข้ามาถามว่า “รสชาติเป็นยังไง”
ถ้าหากทนายอันไม่ได้ออกไปยังอยู่ที่นี่ได้เห็นฉากนี้ คาดว่าเขาคงตกใจไม่กล้ากินอาหารฝีมือของสวี่ชิงหล่างอีกต่อไป! คนคนนี้มีปัญหา!
“เป็นปุ๋ยชั้นดี!” หญิงสาวตัวดำอุทานพูด
“ผมถามคุณว่ารสชาติเป็นยังไง”
“รสชาติเหรอ รสชาติเหมือนน้ำต้มสุก ถ้าคุณชอบ สามารถใส่วาซาบิลงไปข้างในได้นิดหน่อย”
สวี่ชิงหล่างส่ายหน้า แล้วนั่งลงข้างๆ
หลังจากเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง รถแท็กซี่ลงจากทางหลวงมณฑล เลี้ยวเข้าเมืองเล็กที่อยู่ด้านล่าง ผ่านเมืองเล็กนี้แล้วขับไปข้างหน้าซึ่งเป็นทางที่เต็มไปด้วยโคลนอีกระยะหนึ่ง แล้วจึงหยุดรถ
ทนายอันลงจากรถ ขยับแขนขา ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยบ่อหลุม น่าจะถูกรถบรรทุกขับผ่านประจำ เด็กผู้ชายเดินตามหลังเขาอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จา
“นี่ จมูกนายต้องไวหน่อยนะ”
เด็กผู้ชายขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ในนี้ มีของดีสำหรับนาย”
สำหรับคนที่นอนข้างกายคนนี้ ที่ผ่านมาทนายอันรู้สึกติดค้างมากมายมาตลอด มักจะรู้สึกว่าเขานอนเป็นเพื่อนตัวเองคือการเสียสละและความเสียหายอย่างหนึ่ง
ดังนั้นทนายอันจึงอยากชดเชยให้เขาอยู่เสมอ ก่อนหน้านั้นสอนวิชาแก่เขา ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร เพราะผีดิบไม่ต้องอาศัยสิ่งเหล่านี้กินข้าว
แต่ก้อนหินสีเขียวนั่น แม้แต่เถ้าแก่ก็ยังแสดงความสนใจสุดๆ ทนายอันจึงมั่นใจว่าต้องเป็นผลดีกับเด็กผู้ชายอย่างแน่นอน
ถ้าหากครั้งนี้สามารถหาได้เยอะหน่อย ตัวเองจะเก็บไว้ให้เด็กผู้ชายใช้บ้าง แน่นอนว่า ต้องมีเยอะมากๆ เพราะไม่ใช่เถ้าแก่เท่านั้นที่ใช้ แต่ยังต้องเก็บไว้เป็นพลังงานให้คนผู้นั้นเมื่อตื่นขึ้นมา นี่คือปริมาณที่น่ากลัวมาก แต่ต้องหาวิธีทำให้คนผู้นั้นตื่นขึ้นมาก่อน ณ จุดนี้ ทนายอันยังไม่ถึงขั้นละทิ้งผลประโยชน์ส่วนรวมเพื่อประโยชน์ส่วนตน
เมื่อเข้าไปในเหมืองแร่แล้ว ในนั้นเงียบสนิทเป็นอย่างยิ่ง ทนายอันรู้สึกว่าอาจจะเป็นเพราะการหยุดทำงานชั่วคราว ไม่ว่าอย่างไรเหมืองแร่นี้ถึงแม้จะไม่เคยเกิดเหตุการณ์ดินถล่ม แต่จู่ๆ มีคนงานเกิดอาการคลุ้มคลั่งมากมาย อาจจะทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวมากกว่าดินถล่มก็เป็นได้
เมื่อเดินวนอยู่ในเหมืองแร่หนึ่งรอบ นอกจากยามหน้าประตูที่นั่งเล่นไพ่ดื่มเหล้าอยู่ตรงนั้นสองสามคนแล้ว ก็ไม่มีใครอื่น
ทนายอันยื่นมือลูบศีรษะของเด็กผู้ชาย แล้วถามว่า “รู้สึกอะไรไหม”
เด็กผู้ชายงงมากจริงๆ จึงถามตามตรง “รู้สึกอะไร”
“เอ่อ…” ในหัวของทนายอันเริ่มนึกถึงคำพูดของเถ้าแก่กับอิงอิงที่บรรยายถึงสิ่งนั้น แล้วพูดเพิ่มเติมว่า “ความรู้สึกแบบนั้น แบบมีความสุขจัง รู้สึกว่าชีวิตอยู่ในจุดไคลแมกซ์น่ะ”
……………………………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล