ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 662

สรุปบท ตอนที่ 662 คนนั้น!: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

สรุปตอน ตอนที่ 662 คนนั้น! – จากเรื่อง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

ตอน ตอนที่ 662 คนนั้น! ของนิยายActionเรื่องดัง ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 662 คนนั้น!

ในที่สุดโจวเจ๋อก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตัวเองถึงมองเขาแล้วรู้สึกไม่ชอบตั้งแต่แวบแรก ไม่ว่าจะมองจากมุมมองของจุดยืน มุมของความรู้สึก หรือมุมมองของผลประโยชน์ คนที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวเองอย่างชัดเจน และยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างหน้าตรงหลังตรง!

ขณะเดียวกันสิ่งที่โจวเจ๋อคาดเดาไว้ก่อนหน้านั้นตอนที่เห็นภาพในบ้านของมู่เฉิงเอิน ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วในท้ายที่สุด

เจ้าโง่เคยถูกคนที่อยู่ตรงหน้าหลอกลวงจริงๆ และโดนหลอกไม่มีเหลือ คนผู้นี้แย่งพลังที่สะสมมาสามพันปีของเจ้าโง่ไปโดยตรง! และดูเหมือนจะแยกตัวกับเจ้าโง่ได้สำเร็จ ใช้ชีวิตอิสระของตัวเองหลุดพ้นจากฐานะ ‘สุนัขเฝ้าบ้าน’ และมู่เฉิงเอิน มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นคนรุ่นหลังของเขาหรือได้เจอโดยบังเอิญ และเคยได้รับการสืบทอดมาจากเขาส่วนหนึ่ง

หากดูจากสุนัขเฝ้าบ้านแต่ละยุค เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งจริงๆ ด้วยสถานะเช่นนี้ ด้วยจุดเริ่มต้นเช่นนี้ เดินออกมาจากเส้นทางนั้น ถึงแม้โจวเจ๋อจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา เมื่อลองถามใจตัวเองดูก็เต็มไปด้วยความเคารพนับถือ

ขณะเดียวกันในที่สุดโจวเจ๋อก็เข้าใจปัญหาที่ก่อนหน้านั้นตัวเองสงสัยมาตลอด นั่นก็คือเจ้าโง่ดับสูญไปนานแล้ว และก่อนมาถึงตัวเองก็มีสุนัขเฝ้าบ้านมาไม่รู้กี่รุ่น อิ๋งโกวก็ไม่รู้ว่าสะสมพลัง รักษาอาการบาดเจ็บ และฟื้นฟูมาเป็นเวลานานเท่าใดแล้ว ทำไมถึงยังอ่อนแอเช่นนี้ ถ้าหากผลของการรักษาแย่ขนาดนั้น ความคืบหน้าเชื่องช้าขนาดนี้ ด้วยนิสัยของอิ๋งโกวน่าจะผูกคอตายไปนานแล้ว จะยังลังเลหาพระแสงอะไร!

ถึงแม้จะอยู่ในนรก ถ้าหากไม่ใช่เพราะผิงเติ่งหวังลู่โกรธจัดจึงส่งตัวเองเข้าไปในปากของอิ๋งโกวทั้งยังช่วยเขาย่อย และมีพลังที่ได้รับจากการเผากายเนื้อรุ่นแรก จะไม่สามารถก่อความวุ่นวายอะไรได้อย่างสิ้นเชิง

คุณไม่เห็นเหรอ ก่อนหน้านั้นตอนอยู่ที่โลกมนุษย์ ขอเพียงเจอคนที่ขึ้นมาจากนรก อิ๋งโกว ‘ไม่พูดอะไรสักคำ’ แสร้งทำเป็นใจร้ายอย่างนั้นเหรอ ตอนนี้มาดูแล้ว ไม่ใช่อิ๋งโกวใช้วิธีนี้แล้วฟื้นตัวช้า แต่เป็นเพราะถูกตัดขาดระหว่างทาง เหมือนกระรอกตัวหนึ่งที่สะสมลูกสนไม่หยุด แต่ส่วนใหญ่กลับถูกคนขโมยไป หลังจากมาดูก็เหลือน้อยแล้ว พอขโมยก็ขโมยไปถึงสามพันปี!

โจวเจ๋อสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมอิ๋งโกวถึงปิดปากเงียบไม่พูดถึงประวัติอันดำมืดช่วงนี้ เพราะมันน่าอับอายขายหน้าจริงๆ และไม่รู้ว่าด้วยนิสัยของอิ๋งโกว เขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้มาได้อย่างไร คาดว่าหากเทียบกับการสูญเสียพลังที่สะสมมาสามพันปีแล้ว การโจมตีที่ทำให้เขาต้องเสียหน้า เป็นการทำร้ายที่ใหญ่ยิ่งกว่า โจวเจ๋อมั่นใจว่า ถ้าหากวันหลังอิ๋งโกวตื่นขึ้นมา แล้วโจวเจ๋อเอาเรื่องนี้มาแซวเขา อิ๋งโกวอาจจะโมโหจนผ่าท้องฆ่าเถ้าแก่โจวให้ตายไปด้วยกัน!

ผู้ชายหมุนตัวเดินกลับลงไปข้างล่าง หยิบแก้วเหล้าที่อยู่บนโต๊ะไม้ขนาดเล็กขึ้นมาดื่มหมดรวดเดียว แล้วสะบัดแขนเสื้อเตรียมตัวเดินออกไป สาเหตุที่เขาปรากฏตัวที่นี่ เพียงเพราะอยากจะโอ้อวด! อยากมาโอ้อวดเฉยๆ อยากอวดอย่างไม่ปิดบังแม้แต่นิดเดียว โจวเจ๋อประหลาดใจเมื่อพบว่าตัวเองสามารถเข้าใจอารมณ์ของอีกฝ่ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ นี่คือแรงระเบิดหลังจากถูกกดดันภายใต้เงาของอิ๋งโกวมานาน!

สำหรับสุนัขเฝ้าประตูแล้ว ดูเหมือนไม่มีอะไรที่ทำให้ตัวเองมีความสุขเท่ากับได้เห็นอิ๋งโกวถูกบีบให้พ่ายแพ้ได้เห็นเขาโมโห แต่ตอนที่ผู้ชายเดินมาถึงด้านล่างสุดของบัลลังก์ จู่ๆ กลับหยุดเดิน เขาหันหน้ากลับมามองโจวเจ๋อที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ แล้วพูดพึมพำกับตัวเองอย่างแปลกใจ “ทำไมรู้สึกว่า ความรู้สึกสะใจไม่รุนแรงเหมือนที่คิดไว้”

ใช่แล้ว ทำไมรู้สึกสะใจไม่มากพอ

ผู้ชายเริ่มครุ่นคิด น่าจะสะใจมากกว่านี้ถึงจะถูก ในที่สุดตัวเองก็ได้โต้กลับเสียทีและยังทำให้อิ๋งโกวเสียหายอย่างหนัก แถมยังหลุดพ้นออกมาได้ใช้ชีวิตอิสระในแบบของตัวเอง ท่าทางของเขาดูเหมือนจะโกรธมาก เช่นนั้นตัวเองน่าจะดีใจและมีความสุขมาก! แต่ทำไมถึงมีความสุขไม่พอ ทั้งๆ ที่ตัวเองเฝ้ารอให้วันนี้เป็นจริงมานานแล้ว

ความรู้สึกเช่นนี้ เหมือนเวลาหมากฝรั่งที่เคยถูกเคี้ยวมาแล้วถูกหยิบออกมาเคี้ยวต่อ รสชาติจืดลงไปพอสมควร ไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นและเร้าใจเหมือนครั้งแรก

“ดูเหมือน ข้าเคยทำมาก่อนใช่ไหม” ผู้ชายขมวดคิ้ว พลางมองโจวเจ๋อ จากนั้นเริ่มเดินขึ้นมาทีละก้าว

โจวเจ๋อมองเขาที่เข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของเขาเหมือนมากับมีประกายลึกล้ำบางอย่าง ที่สามารถบังคับหัวใจของโจวเจ๋อได้โดยตรง!

เขาเดินขึ้นมา เขาใกล้เข้ามา เขายืนอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อ เขาโน้มตัว ใบหน้าของเขาขยับเข้ามาใกล้! สักพักเขาจึงแสยะปากหัวเราะ โชว์ฟันสีขาวทั้งปาก

ประตูแห่งความทรงจำของโจวเจ๋อถูกเปิดออกในพริบตา ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดขณะที่ต่อสู้กับพระขี้เรื้อน จิตสำนึกของตัวเองเคยเข้าไปอยู่ท่ามกลางฉากที่มืดมิด และในฉากนั้น คนที่ตัวเองมองเห็นเพียงคนเดียว ไม่ สิ่งที่ตัวเองเห็นเพียงสิ่งเดียว คือฟันสีขาวสะอาดนี้!

ตอนนั้นคนที่กำลังสิงร่างของตัวเอง ควบคุมตัวเองให้ต่อสู้ตะลุมบอนอย่างเต็มที่ เป็นเขาเหรอ ความรู้สึกในตอนนั้นโจวเจ๋อคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วงเวลาที่เนิ่นนานก่อนหน้านั้น อิ๋งโกวได้ควบคุมร่างกายของตัวเองให้ไปต่อสู้แบบนี้หลายครั้ง และคนนั้นก็ทำเหมือนที่อิ๋งโกวเคยทำมาก่อน

เป็นเพราะตัวเองกลืนมู่เฉิงเอินเข้าไป ดังนั้นจึงกระตุ้นตราประทับจิตที่เขาเคยทิ้งไว้ที่นี่อย่างนั้นเหรอ โจวเจ๋อรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูง ไม่อย่างนั้นเมื่อก่อนทำไมไม่เห็นเขาออกมา นอกจากนี้ ตราประทับจิตของเขาในตอนแรก ถ้าไม่หายไป เช่นนั้นก็ถูกอิ๋งโกวลบไปเพราะความโกรธหมดแล้ว จะต้องเกี่ยวกับมู่เฉิงเอินแน่นอน เป็นผลทำให้จิตสำนึกและบุคลิกนิสัยที่เคยมีอยู่แต่เดิมแต่ถูกลบไปได้รับการกระตุ้นให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

“เจ้าเป็นเขาใช่ไหม” ผู้ชายถาม

โจวเจ๋อส่ายหน้า เขานับถือคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างยิ่ง ถึงแม้คนผู้นี้จะพูดจาหยาบคายมาก แต่เขาสามารถเข้าใจการแสดงออกคนผู้นี้ได้ อยู่ในสถานที่ของอิ๋งโกว ไม่พูดคำหยาบ แล้วหายโกรธยากจริงๆ

“เจ้าส่ายหน้าทำไม เจ้าไม่เชื่อว่าข้าจะฆ่าเจ้า ถึงแม้จะเป็นแค่ตราประทับจิตที่ตื่นขึ้นมา แต่ลองดูยังพอมีโอกาสนะ”

“คุณฆ่าผมไม่ได้” โจวเจ๋อพูดเสริมอีกหนึ่งประโยคอย่างใจเย็น “ในสถานที่นี้” ใช่แล้ว ในสถานที่นี้ โจวเจ๋อมีความมั่นใจอย่างมาก และความมั่นใจนี้เคยช่วยให้ตัวเองพลิกสถานการณ์ตอนที่ถูกหลี่ซิ่วเฉิงบีบให้สละตำแหน่งในครั้งนั้น กระทั่งในช่วงแรก ยังเป็นสาเหตุที่อิ๋งโกวกลัวที่จะพูดจาหาเรื่องตัวเอง

“อ้อ” ผู้ชายชี้โจวเจ๋อพลางเอ่ยว่า “ดีมาก ถึงแม้ร่างของเจ้าจะมีกำลังอ่อนแรง กายเนื้อเริ่มแย่ แต่ระดับความหน้าด้านของเจ้า ถือว่าพอกันกับข้า!”

“…” โจวเจ๋อ

“ช่างเถอะ เจ้าเองก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ข้าไม่แกล้งเจ้าแล้ว นี่ อาศัยจังหวะตอนที่เขานอนหลับ ข้าจะกระซิบบอกเจ้าหน่อย เห็นแก่ตอนที่ข้าช่วยเจ้าต่อสู้ในครั้งที่แล้วเถอะ ได้ไหม”

โจวเจ๋อไม่ตอบ เขาไม่ได้กลัวว่าคนผู้นี้จะ ‘รังแก’ ตัวเอง เพราะตัวเองสามารถเรียกภูเขาไท่ซานได้ และบอกเขาได้ว่าทำไมดอกไม้จึงเป็นสีแดง

แค่ตราประทับจิตที่เหลืออยู่ถูกกระตุ้นขึ้นมาโดยมู่เฉิงเอินเท่านั้น ไม่ใช่ตัวจริงของเขาในตอนแรกมาเองเสียหน่อย เถ้าแก่โจวจึงไม่ต้องกลัว แต่อีกฝ่ายพูดมีเหตุผลจริง เขาจับพลัดจับผลูช่วยโจวเจ๋อต่อสู้ตอนที่อิ๋งโกวกำลังนอนหลับจริงๆ

“รอเจ้าตื่นขึ้นมา เอ๊ะ ไม่ถูก ทำไมรู้สึกว่าเจ้ากำลังจะตาย” ผู้ชายโบกมือเป็นพัลวันด้วยความร้อนใจ พูดต่อว่า “ถ้าหากครั้งนี้เจ้าไม่ตาย ก็หาวิธีตามหาข้า ดูว่าข้าตายหรือยัง ข้าชื่อ…ช่างเถอะ ข้าน่าจะเปลี่ยนชื่อแล้ว เจ้าไปดูที่บ้านเกิดของข้า ตามหาดู ถ้าหากหาข้าเจอแล้ว ก็บอกข้าด้วย บอกว่าข้าคิดถึงข้าแล้ว…ทำไมถึงอ้อมค้อมขนาดนี้ อ้อใช่ บ้านเกิดของข้าอยู่ที่ริมแม่น้ำฝูหนานในเมืองเฉิงตู!”

……………………………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล