ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 698

ตอนที่ 698 คุณคือภูเขาไท่ซานที่อยู่ติดกัน

‘ปึ้ง!’

เงาร่างของคนทั้งสองร่วงลงมาจากตึกสูงของโรงพยาบาลกัน กระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ฝุ่นตลบไปหมด ชายชราคลานขึ้นมาก่อน ยื่นมือจับคอของตัวเองแล้วบิดเสียงดัง ‘แกร๊ก’ ส่วนตำรวจเฉินกลับนอนอยู่บนพื้นต่อไป ร่างกายกำลังดิ้นรน แต่ชั่วเวลาหนึ่งกลับลุกขึ้นยืนไม่ได้

“เธอยอมแพ้เถอะ เธอเป็นแค่ร่างแยกเท่านั้น ถ้าหากร่างหลักของเธอมา ฉันยังไม่กล้าแม้แต่จะตด อยู่ห่างได้แค่ไหนก็จะอยู่ห่างแค่นั้น และยังจะวิ่งหนีพร้อมกับร้องเพลงสรรเสริญเธอด้วย แรกเริ่มมีจักรพรรดิเหยาหลังจากนั้นจึงมีความสงบ สัตว์วิเศษกลับมีมาก่อนกาล! แต่เธอหยิบเอาร่างแยกออกมา คิดอยากจัดการฉัน หึ ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ถ้าเป็นฉันเมื่อก่อน น่าจะสำเร็จไปนานแล้ว แต่ครั้งนี้ อั้ยหยา ฉันอยากเล่นใหญ่กว่านี้หน่อย” ชายชราชูสองมือขึ้นมา เริ่มปิดดวงตา แล้วกระโดด “เอามือปิดดวงตาของเธอ เอามือปิดดวงตาของฉัน มองไม่เห็นแล้วนะเออ มองไม่เห็นแล้ว!”

ชายชราทำปากจู๋แล้วหัวเราะ “เธอขึ้นมาเพื่อตำรวจคนนั้นใช่ไหม ตำรวจคนนั้นก็น่าสนใจดี ทั้งๆ ที่เป็นยมทูตแต่กลับมีไอวิญญาณน้อย ร่างกายกลับมีแสงออร่า เหอะๆๆ เธอรู้สึกละอายใจใช่ไหมที่ตัวเองแสร้งหลับหูหลับตาทั้งๆ ที่ถูกตั้งเป็นสัตว์มงคลได้รับการกราบไหว้บูชามานานหลายปีขนาดนี้ ดังนั้นจึงอยากทำอะไรเพื่อชดเชย”

“คุณจะทำอะไร” ตำรวจเฉินถาม

“เสียดายๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันจะไม่ทำอะไรเขา เพราะคนอย่างเขาถูกใจฉัน พูดถึงเรื่องถูกใจ ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเหมือนฉันจะมีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่ง ตอนนั้นตรงสเปคของฉันมาก เพื่อให้เขาได้เติบโตอย่างแข็งแรง ฉันตั้งใจฆ่าพ่อแม่ของเขาโดยเฉพาะ เหมือนสิ่งที่เรียกว่าทำดีที่สุดเพื่อเขา แต่…ขอโทษด้วย คนที่เกี่ยวข้องกับร้านหนังสือนั้น ครั้งนี้ต้องตายทั้งหมด” ชายชรายื่นมือชี้ไปที่ตำรวจเฉินที่นอนอยู่บนพื้นเหมือนเดิม

“ในเมื่อเธอยื่นมือเข้ามา ฉันก็ปล่อยเธอไปไม่ได้”

“คุณอยากฆ่าพวกเขา ทำไมต้องเสียเวลามากมายขนาดนี้”

“โอ๊ยๆๆๆ โถๆๆๆ ฉันลืมไปหลายเรื่อง แต่มีเรื่องหนึ่งที่ยังพอจำได้รางๆ คราวที่แล้วฉันเหมือนจะตายอย่างน่าอนาถ ดังนั้น ครั้งนี้ฉันต้องระวังหน่อย ค่อยๆ อ้อมไป ค่อยเป็นค่อยไป ฉันถึงขนาดพอจะจินตนาการได้ถึงตอนที่ฉันปรากฏตัวคราวที่แล้ว มั่นใจเต็มเปี่ยม เหมือนทุกอย่างถูกกุมอยู่ในกำมือแล้ว แต่พอมานึกถึงจุดจบ โอ๊ย ตอนนี้ยังรู้สึกแสบหน้าไม่หาย”

“คุณเป็น…ตัวอะไรกันแน่”

“ฉันก็อยากรู้คำตอบของคำถามนี้มาตลอด” ชายชราใช้สองมือจับหนังศีรษะของตัวเอง แล้วฉีกลงมา เขาสีดำอันหนึ่งงอกออกมาจากในสมองของเขา เขาจับมันด้วยมือข้างหนึ่ง ‘เป๊าะ!’ เขาข้างนี้ ถูกเขาหักลงมา ชายชราเดินไปข้างกายตำรวจเฉิน แล้วชูมือขึ้น ‘ฉึก!’ เขาสีดำแทงไปที่สะบักของตำรวจเฉิน ตำรวจเฉินส่งเสียงอู้อี้ออกมา สีแดงในดวงตาเริ่มจางลง

“เธอรออยู่ตรงนี้แล้วกัน อย่าวุ่นวายเรื่องของฉัน รู้ว่าเงาร่างแยกของเธอมีเยอะ แต่ฉันขี้เกียจมาชักช้าเสียเวลาอยู่กับเธอต่อจริงๆ ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นสัตว์วิเศษที่สูงส่ง ไม่ว่าจะปิดตาหรือไม่ ก็ได้รับการกราบไหว้จากประชาชนนับหมื่น ส่วนฉันเป็นแค่สิ่งที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ แม้แต่รูปปั้นดินเหนียวหรือหุ่นขี้ผึ้งก็ไม่ใช่ เธอจะมาถือสาอะไรกับคนอย่างฉัน แน่นอนว่าฉันต้องพูดกับเธอหนึ่งประโยค ในเมื่อตาบอดแล้ว ยังนั่งอยู่บนที่สูงอีกทำไม”

ชายชราเขย่งปลายเท้า ยื่นมือชี้ไปเหนือศีรษะ “เห็นแก่หน้าเธอ ตำรวจคนนั้น ฉันค่อยจัดการเป็นคนสุดท้ายหลังจากฉันจัดการหมาแมววัวผีเทพเจ้าในร้านหนังสือนั่นหมดแล้ว ฉันจะจับตำรวจคนนั้นมาฆ่าด้วยมือของตัวเองต่อหน้าเธอ อ้อไม่ ต่อหน้าสัตว์วิเศษที่น่าเคารพอย่างเธอ

ช่วยทักทายร่างหลักของเธอแทนฉันด้วย ฉันรอคอยเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นร่างหลักของเธออดทนไม่ไหวปรากฏกายเพื่อมาต่อสู้กับฉัน เผื่อว่าจะสามารถฆ่าฉันให้ตายสนิทได้ ความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกมนุษย์ไม่ใช่มีชีวิตที่ดีได้อีกไม่นาน แต่คืออยากจะตายแต่ไม่ว่ายังไงก็ยังตายไม่ได้เสียที!” ชายชราพูดจบแล้วจึงเดินตรงไปที่อีกด้านหนึ่งของถนน เสียงยังคงดังสะท้อนไปมา แต่เงาร่างกลับหายไปนานแล้ว

“อรุณสวัสดิ์ หัวหน้าบรรณาธิการ”

“อรุณสวัสดิ์”

“อรุณสวัสดิ์”

เซวียเซี่ยงข่ายพยักหน้าให้พนักงานสองสามคนในออฟฟิศ แล้วนั่งบนโต๊ะทำงานของตัวเอง จากนั้นหยิบต้นฉบับที่ลูกน้องเรียบเรียงให้เมื่อวานขึ้นมาอ่านและตรวจสอบ ข่าวการเมืองหรือข่าวสังคมที่ตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์เหล่านี้ เขาบรรณาธิการหลักจำเป็นต้องตรวจสอบด้วยตัวเอง

สื่อสิ่งพิมพ์พัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ จริงๆ แล้วกำลังเข้าสู่ช่วงเข้าตาจน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสื่ออินเทอร์เน็ตรูปแบบใหม่ พวกเขามักจะมีความเชื่องช้าและดูสะบักสะบอมอย่างเห็นได้ชัด

ตอนนี้ นอกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถูกบังคับให้โชว์ยอดการสั่งหนังสือพิมพ์ ปริมาณการขายของลูกค้ารายย่อยและจำนวนการอ่านรายบุคคลในตลาด กำลังอยู่ในสภาวะไหลลงหน้าผา

สำนักหนังสือพิมพ์ไม่ใช่ไม่เคยมีการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกัน แต่ข้อจำกัดและปัญหาต่างๆ ของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ มักจะทำให้คนหมดแรง

เมื่อสองปีที่แล้วมีบรรณาธิการได้ทำบัญชีสาธารณะท้องถิ่นจนได้รับความนิยมสูงมากด้วยตัวเอง ผลปรากฏว่าผู้บริหารระดับสูงของสำนักหนังสือพิมพ์ขอร้องอยากจะรับหน้าที่ดูแลต่อ บรรณาธิการคนนั้นจึงลาออกจากงาน

เซวียเซี่ยงข่ายหาวหวอด รินกาแฟให้ตัวเอง โต๊ะทำงานตัวนั้นที่อยู่ติดกับนอกประตูกระจกออฟฟิศของเขามากที่สุด ตอนนี้ยังคงว่างเปล่า เดิมทีบรรณาธิการหนุ่มแซ่สวีคนนั้นควรจะนั่งอยู่ แต่ถูกไล่ออกไปเมื่อวานซืน

พอนึกถึงใบหน้าอ่อนเยาว์ที่เต็มไปด้วยจินตนาการและความฝัน เซวียเซี่ยงข่ายจึงส่ายหน้าอย่างจนใจอยู่บ้าง เขายังเด็กเกินไป คิดอยากทำข่าวใหญ่ตั้งแต่เช้ายันเย็น สุดท้ายกลับทำให้ตัวเองต้องตกงาน เหอะๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล