ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 704

ตอนที่ 704 แปลกใจไหม

อิงอิงถลึงตาใส่สาวน้อยโลลิ แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าอย่าตั้งธงล่วงหน้าได้ไหม”

สาวน้อยโลลิพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เธอโดนผีดิบโง่แต่น่ารักตัวนี้ดูถูกเข้าให้!

แต่เธอกลับไม่สามารถตอบโต้ได้อย่างสิ้นเชิง เพราะตอนนี้แม้แต่ตัวเธอเองยังรู้สึกว่าคำพูดของตัวเองเมื่อครู่ดูปัญญาอ่อนมาก เหมือนตอนที่ตัวร้ายในละครโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ดูเหมือนกำลังจะโดนฆ่าตาย ข้างๆ มักจะมีตัวประกอบที่ไอคิวค่อนข้างต่ำคนหนึ่งพูดด้วยความดีใจหรือไม่อยากจะเชื่อหนึ่งประโยคว่า ‘สำเร็จแล้วเหรอ’ (เขาตายแล้วเหรอ) จากนั้นก็หัวเราะ‘ฮ่าๆๆ’ แล้วอีกฝ่ายก็โผล่มาตบหน้าอย่างรวดเร็ว! นี่เธอไม่อยู่ร้านหนังสือนานเกินไปใช่ไหม ดังนั้นจึงกลายเป็นคนโง่ไปแล้ว

โจวเจ๋อหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ‘ความไร้เดียงสาและความเรียบง่าย’ นี้จะกลายเป็นความจริง เพราะใครก็ไม่อยากให้คู่ต่อสู้ของตัวเองระเบิดพลังไม่หยุด วิ่งหนีเอาตัวรอดไม่หยุด เพิ่มพลังของตัวเองไม่หยุดเพื่อมาสู้กับคุณ เพียงแต่ ‘ความไร้เดียงสา’ ก็คือความไร้เดียงสา ช่วงที่รอให้ควันสลายหายไป เสียงนาฬิกาจู่ๆ ดังมาจากในโรงพยาบาล

โรงพยาบาลโดยทั่วไปแล้วน้อยมากที่จะติดตั้งนาฬิกาขนาดใหญ่ โดยเฉพาะนาฬิกาที่เสียงดังตามเวลา อย่างแรกคือความหมายไม่ดี นาฬิกามรณะจะดังให้ใครฟัง

อย่างที่สองคือเนื่องจากเสียงนาฬิกาจะทำให้คนไข้ที่อยู่ที่นี่เกิดความกดดัน ความรู้สึกที่เวลาไหลผ่านไปอย่างต่อเนื่องมักทำให้คนรู้สึกร้อนใจและตึงเครียด

แต่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ กลับมีนาฬิกาประเภทนี้อยู่ เพราะว่าผู้อำนวยการที่ถูกใช้โฆษณาโปรโมตบนโปสเตอร์ของโรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นคนแซ่จง เหตุผลที่ยิ่งใหญ่ ตรรกะที่ชัดเจน แต่บนโลกนี้ กลับมีเรื่องราวที่คล้ายกันนี้อยู่มากมายจริงๆ

ตอนที่เสียงนาฬิกาดังขึ้น หมอและพยาบาลทุกคนที่อยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ต่างหลับตา มุมตาเริ่มมีเลือดไหลลงมา เลือดเหล่านี้หลังจากร่วงลงมาแล้วได้ไหลออกจากตัวเอง แล้วไปรวมกันที่ใต้นาฬิกาเรือนใหญ่ จากนั้นเงาลวงตาสีเลือดสายหนึ่งจึงรวมตัวกันขึ้นอย่างช้าๆ

เสื้อกาวน์สีขาวตัวหนึ่งลอยลงมา ถูกสวมไปบนนั้นพอดิบพอดี แต่กลับดูเทอะทะอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นผู้ป่วยที่ใส่ชุดคนไข้คนหนึ่งได้กระโดดลงมาจากจากตึกสูงโดยตรง

‘ตึง!’ พร้อมกับเสียงนาฬิกาที่ดังเร็วขึ้น เงาโลหิตกับคนไข้คนนี้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างรวดเร็ว แม้แต่เสื้อกาวน์สีขาวตัวนั้นก็ยังถูกคลุมเข้าไปใหม่อีกครั้ง ตอนที่ร่วงถึงพื้น ได้ยินแค่เสียงกระดูกดัง ‘กร๊อบแกร๊บ’ ออกมาอย่างต่อเนื่อง คนผู้นั้นใช้มือคลึงใบหน้าของตัวเอง เหมือนช่างกำลังปั้นเครื่องปั้นดินเผา ไม่ช้า ใบหน้าของชายชราสีหน้าซีดขาวจึงถูกปั้นออกมา

ชายชราสะบัดมือสะบัดเท้า ในที่สุดเมื่อสบายตัวแล้วจึงหยุดทำ สองมือแบออก มองโจวเจ๋อและคนอื่นที่อยู่ตรงหน้า “ฆ่าต่อไปสิ”

ไม่ว่าใครก็ต้องมีการพัฒนา โจวเจ๋อมีการพัฒนา เหล่าสวี่ก็มีการพัฒนาเช่นกัน เมื่อเทียบกับตอนที่ชายชรามาที่นี่เป็นครั้งแรก สวี่ชิงหล่างมีการเติบโตเยอะมาก เขาในตอนนั้น ฐานะที่เรียกว่าผู้ฝึกเต๋ายังไม่สะดุดตาเท่าฝีมือการทำอาหารของเขา

ส่วนเถ้าแก่โจว จากปลาเค็มธรรมดากลายเป็นปลาเค็มที่เค็มจัดเข้าไปอีก และยังดูเหมือนไม่มีความรู้และประสบการณ์อะไร ทว่าชายชราก็มีการพัฒนาเหมือนกัน อันที่จริง ถ้าหากไม่ใช่เพราะตี้ทิงตัดขาดเส้นเหล่านั้น ชายชราจะยิ่งน่ากลัวมากกว่านี้ ถึงขนาดที่ว่าเขาจะไม่ให้โอกาสโจวเจ๋อและสวี่ชิงหล่างสามารถต่อสู้ในระยะประชิดตัวได้เช่นนี้

เมื่อคืนร้านหนังสือมีคนหายตัวไปหลายคน แต่เดิมทีสามารถหายตัวไปได้เยอะกว่านี้

“ใช่นาฬิกาหรือเปล่า” สวี่ชิงหล่างถาม

โจวเจ๋อส่ายหน้า เอ่ยว่า “ทั้งโรงพยาบาลนี้ ถูกไอ้หมอนี่ทำให้เป็นคนของมันแล้ว คนที่อยู่ในนี้ เท่ากับเป็นตัวตายตัวแทนของเขา ต้องหาร่างจริงของเขาให้เจอ ไม่อย่างนั้นคงต้องฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ให้หมด”

แต่อย่างหลังเห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ และไม่ต้องพูดถึงความยากที่ต้องฆ่าคนทั้งหมด เพราะคนที่เชื่อใจโรงพยาบาลแห่งนี้ยอมหลับหูหลับตาช่วยโรงพยาบาลแห่งนี้มีเยอะเกินไป ขอแค่ชายชราต้องการ ก็สามารถเรียกคนเข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง

เขาสามารถทำตัวกำเริบเสิบสานอย่างไม่เกรงกลัวอะไร มองชีวิตคนเหมือนสิ่งด้อยค่า แต่โจวเจ๋อไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะต่อให้ชายชราพลาดจนตัวตาย เขาก็ยังกลับมาเริ่มใหม่ได้เหมือนเดิม คนอื่นไม่มีสิทธิ์นี้

นัยน์ตาซ้ายของสวี่ชิงหล่างเริ่มแตกออกและหมุนวน เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาและตรวจสอบ ดวงตาของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลมีความสามารถ ‘มองทะลุภาพลวงตา’ ได้ แต่ในระยะเวลาสั้นๆ เมื่อต้องเจอโรงพยาบาลขนาดใหญ่แห่งนี้ เหล่าสวี่ก็ทำงานยากเช่นกัน

“คนตาบอด เดิมไม่ควรอยู่บนโลกนี้ อ้อไม่ ตาบอดจริงก็พออยู่ได้ มีเหตุผลที่น่าให้อภัย แต่คนที่แกล้งทำเป็นตาบอด เป็นสิ่งฟุ่มเฟือยต่อบุญคุณที่พระเจ้าสร้างคุณมา ในเมื่อสวรรค์ให้ดวงตาคุณแล้ว แต่คุณกลับปิดมัน เช่นนั้น ถือเป็นการดูหมิ่นสวรรค์ ต้องขจัดออกไป!” ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า มาพร้อมกับท่วงทำนองที่ล่อลวงให้คนหลงใหล

เถ้าแก่โจวเกลียดการต่อสู้ประเภทนี้มาตลอด ก็เหมือนเกมแบบผลัดกันเล่น เธอไล่ฟันฉันได้ ‘-99’ ฉันไล่ฟันเธอได้ ‘-66’ ถึงแม้จะดูปัญญาอ่อน แต่ชัดเจนแจ่มแจ้ง คุณสามารถมองเห็นคู่ต่อสู้ของคุณว่าทนได้อีกนานแค่ไหนถึงจะตาย ไม่เหมือนตอนนี้ คู่ต่อสู้ของคุณเหมือนเล่นขี้โกง ทำให้คุณรู้สึกหมดหวัง

สวี่ชิงหล่างส่ายหน้า เขาไม่อยากพูดอะไรกับ ‘อาจารย์ผู้มีพระคุณ’ ในอดีตอีกแล้ว ความคิดชั่วร้ายที่บิดเบี้ยวมารวมตัวกัน ห่อหุ้มด้วยมาดของ ‘คนดี’ อยากเป็นคนเก็บกวาดสิ่งสกปรกในโลกมนุษย์

ไม่สามารถสื่อสารได้อีก ยากที่จะสื่อสารได้อย่างสิ้นเชิง

เกล็ดงูเริ่มลอกคราบ ส่วนที่บาดเจ็บมีเลือดไหลก่อนหน้านี้เริ่มแตกออก ฉากนี้ดูแล้วน่าเวทนาอย่างยิ่ง แต่กลับไม่ใช่สัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการถดถอยของพลังเทพเจ้าแห่งท้องทะเล กลับกันนี่คือการแสดงออกถึงพลัง ‘เทพเจ้าแห่งท้องทะเล’ ที่กำลังเพิ่มขึ้น

ชั่วพริบตาเดียว ทั้งตัวของสวี่ชิงหล่างเหลือเพียงจุดสำคัญสองสามจุดที่ยังมีเกล็ดงูติดอยู่ ในดวงตาทั้งสองข้างตาซ้ายเป็นสีดำ ตาขวาเป็นสีเขียว เทพเจ้าแห่งท้องทะเล ไม่น่าเชื่อว่าเวลานี้จะยอมมอบพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งให้ร่างนี้และใช้งานไปพร้อมกับสวี่ชิงหล่าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล