ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 740

ตอนที่ 740 พาสุนัขเดินเล่น!

กลัวว่าบรรยากาศจะเงียบกะทันหัน…

ทนายอันยืนอยู่ที่เดิม รู้เพียงว่าต่อมน้ำตาของตัวเองดูเหมือนจะถูกกระตุ้นในเวลานี้ ระหว่างความคลุมเครือเขาอยากจะร้องไห้

โชคดีที่ตอนนี้เซี่ยจื้อขยับตัวได้แล้ว เป็นครั้งแรกที่ทนายอันรู้สึกว่าประโยคที่ว่า ‘หลักกฎหมายไม่อาจแยกจากมนุษย์’ นี้เหมาะสมแค่ไหน เซี่ยจื้อตัวนี้เห็นอกเห็นใจคนขนาดไหน

เซี่ยจื้อเมินทนายอัน ในสายตาของมัน ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นเพียงมดเท่านั้น สิ่งเดียวที่ควรค่าแก่การเหล่มอง กลับเป็นชายแขนเดียวที่กล้ายืนอยู่ต่อหน้ามันในตอนที่มันลืมตาขึ้น

มันเดินมาหาโจวเจ๋อ ใต้ฝ่าเท้าของมันในทุกย่างก้าวล้วนปรากฏอักขระโบราณออกมา ซึ่งคล้ายกับอักษรกระดองเต่าเล็กน้อย แต่ดูเหมือนจะเก่าแก่ยิ่งกว่าอักษรกระดองเต่ามากทีเดียว แม้ว่าโจวเจ๋อจะไม่รู้จักอักษรเหล่านี้ แต่เสียงที่ดังขึ้นแต่ละจังหวะเต็มไปด้วยกลิ่นอายความน่าเกรงขามของหลักกฎหมาย ซึ่งก็น่าจะเป็นข้อกฎหมายนั่นเอง

ทุกก้าวคือกรงขัง ทุกตารางนิ้วเป็นหลักกฎเกณฑ์ ดูเหมือนเซี่ยจื้อจะเดินเข้ามาตามปกติ แต่แรงสังหารและการผนึกถูกจัดเตรียมไว้แล้ว

ท่ามกลางค่ายกล มันจัดการวางรูปแบบค่ายกลอย่างต่อเนื่อง ความมั่นใจในตนเองแบบนี้แทบจะล้นทะลักออกมา

ข้อกฎหมายเหล่านั้นเริ่มผุดออกมาจากพื้นดินจนกลายเป็นโซ่ตรวนที่มองไม่เห็นและไม่อาจดิ้นรนต่อต้าน กำลังมัดตรึงเอาไว้!

ความเร็วที่ไม่ได้เร็วมากนัก ไม่ได้แตกต่างจากการเดินของเซี่ยจื้อเท่าไร แต่ความรู้สึกกดดันนี้ ตาข่ายกฎหมายห่างแต่ไม่รั่วที่ทำให้รู้สึกหายใจไม่ออกเช่นนี้ เพียงพอที่จะนำมาซึ่งความสิ้นหวัง

โจวเจ๋อก้มหน้าลงมองนิ้วมือของตัวเอง บนนั้นยังมีกลีบดอกไม้ห้ากลีบที่ช่วยห้ามเลือดจนตกสะเก็ดแล้ว เขาสูดหายใจเข้าลึก กลิ่นอายผีดิบเริ่มแผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย

นี่เป็นการเผชิญหน้ากับเซี่ยจื้อเป็นครั้งที่สามแล้ว

เมื่อเซี่ยจื้อเดินไปหาโจวเจ๋อจนระยะทางเหลือไม่ถึงหนึ่งเมตรก็ชะงักฝีเท้าและเอ่ยขึ้น “ผีดิบหรือ” ไม่นาน ในแววตาของเซี่ยจื้อดูเหมือนจะหวนรำลึกถึงความหลัง และพูดอย่างช้าๆ “ข้าไม่ชอบผีดิบ”

“เหอะๆ” โจวเจ๋อขำ “น่าเสียดาย เมื่อไรที่แกไปร้านทำผมก็จะต้องนึกถึงผีดิบอยู่ทุกครั้งไป”

เซี่ยจื้อได้ยินดังนั้น เชิดกรามขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าวิญญาณจะมีระดับสูงกว่าร่างแยกมาก มันไม่ได้พาลโกรธเหมือนตำรวจเฉินในครั้งที่แล้ว แต่พูดด้วยความผิดหวังเล็กน้อย “ใช่แล้ว”

มันยอมรับแล้ว แต่ไม่ว่าภายนอกจะดูสงบไม่ทุกข์ร้อนเพียงใด แต่การเคลื่อนไหวในมือกลับไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย สิบนิ้วสั่นไหวเล็กน้อย พริบตาเดียวโซ่ตรวนพลันเปลี่ยนเป็นสีขาวพุ่งเข้าล็อกตัวโจวเจ๋อด้วยความเร็วว่องเหนือกว่าก่อนหน้านี้ตั้งไม่รู้กี่เท่า

“โฮก!” โจวเจ๋อเผยเขี้ยวสองซี่จากมุมปากและเปล่งเสียงคำราม ทั้งร่างไม่อยู่กับที่อีกต่อไป แต่รีบพุ่งปรี่เข้าหาเซี่ยจื้อโดยตรง!

‘ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!!!!!!’

โซ่ตรวน โซ่ตรวนสีขาว โจวเจ๋อลืมไปแล้วว่าตัวเองกระแทกโซ่ตรวนซ้ำๆ จนขาดไปแล้วกี่เส้น อย่างไรก็ตามเมื่อมีร่างผีดิบอยู่ เขามั่นใจเต็มเปี่ยมจริงๆ แต่ดูเหมือนโซ่ตรวนนี้ไม่ว่าจะกระแทกอย่างไรก็กระแทกไม่หมดเสียที เส้นแล้วเส้นเล่า ชิ้นแล้วชิ้นเล่า ยิ่งบุกยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

จากมุมมองของคนอื่นๆ ในร้านหนังสือที่อยู่นอกค่ายกล เถ้าแก่ของตัวเองถูกโซ่ตรวนสีขาวห้อมล้อมเอาไว้ ไม่ว่าจะดิ้นรนแค่ไหนก็ไม่มีทางหลุดออกไปได้

ผมของอิงอิงเปลี่ยนเป็นสีขาวในพริบตา พลังปราณของเด็กชายเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน แม้แต่เจ้าลิงที่อ่อนระโหยโรยแรงก็ยังกัดฟันทนและเริ่มกลายร่างเป็นปีศาจวานร

ตอนนี้เอง ทุกคนเตรียมพร้อมลงมือลุยแล้ว!

“พวกคุณอย่าขยับนะ อยากทำให้ค่ายกลพังหรือไง” สวี่ชิงหล่างตะโกน “ถ้าค่ายกลพังทลายลงจนร่างจริงของมันสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ของเราที่นี่ ทั้งพวกเรารวมไปถึงเถ้าแก่ก็จะไม่เหลือโอกาสรอดใดๆ เลย!”

เวลานี้ทนายอันที่เพิ่งเล่นใหญ่เกินเหตุเหลือบมองสวี่ชิงหล่างอย่างประหลาดใจและพูดว่า “โอ๊ะ อ่านสถานการณ์ได้ค่อนข้างแม่นยำทีเดียว”

สวี่ชิงหล่างไม่ได้สนใจทนายอัน แต่จัดเรียงยันต์และเข็มเงินของตัวเองต่อพร้อมพูดกับทุกคนว่า “รอจนกว่าจะเกิดเรื่องกับเถ้าแก่จริงๆ รอจนกว่าค่ายกลจะพังทลาย พวกเราค่อยลงมือพร้อมกันก็ยังไม่สาย ถึงอย่างไร จะต้องมีโอกาสให้พวกคุณสู้สุดชีวิตแน่ๆ ตอนนี้ก็ให้มันขึ้นอยู่กับเถ้าแก่เถอะ เราเก็บพละกำลังกันไว้ก่อน พอถึงเวลาสู้จริงๆ แต่ละคนก็อย่าเพิ่งหมดแรงไปล่ะ” พูดจบ สวี่ชิงหล่างก็นั่งลงทันที

ไป๋อิงอิงกัดฟัน ไม่ปรี่เข้าไปอย่างประมาท ผมขาวกลับมาเป็นสีดำโดยพลัน และไปยืนอยู่ข้างๆ ส่วนคนที่เหลือก็พากันนั่งลง ราวกับว่างานเลี้ยงน้ำชาเพิ่งถูกเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ขัดจังหวะ ตอนนี้จึงดำเนินต่อ เพียงแต่ไม่มีใครว่างแทะเมล็ดแตงโมนี่อีกต่อไป

ทนายอันยื่นนิ้วก้อยออกมาแคะหูพลางเอ่ยว่า “อย่าทำให้มันดูจริงจังและเคร่งเครียดขนาดนี้เลย อะไรควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่ม กล้องโทรศัพท์มือถือของใครแจ่มๆ ก็คว้าโอกาสนี้ถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก โอกาสแบบนี้พันปีก็ยากจะได้พบ แล้วลงรูปภาพพร้อมกับคำพูดไม่กี่ประโยค อย่างเช่น เถ้าแก่กำลังต่อสู้กับเซี่ยจื้อ เป็นห่วงเถ้าแก่จังเลย!” ทนายอันไม่ได้จงใจแสดงออกเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจ ก่อนหน้านี้อาจพูดได้ว่าเขาแค่สงสัย แต่ตอนนี้โดยพื้นฐานแล้วเขาสามารถแน่ใจได้แล้ว!

อิ๋งโกวจะต้องตื่นแล้วแน่ๆ!

ไม่อย่างนั้นเมื่อกี้นี้เถ้าแก่คงไม่อยากเล่นตลกกับเขา ให้เขาเก้อเขินไปครู่หนึ่งหรอก สำหรับสถานการณ์ตอนนี้

เหอะๆ จู่ๆ สุนัขของคุณที่หายตัวไปตั้งนานกลับมาแล้ว จะไม่พาสุนัขไปเดินเล่นได้อย่างไรกันเล่า

เซี่ยจื้อเงื้อมือขึ้นอีกรอบ เตรียมพร้อมจะปิดกรงขังให้แน่นยิ่งขึ้น แต่ในวินาทีต่อมา แสงสีแดงก็รั่วไหลออกมาจากหน้าอกของมัน

“ซี้ด…” เซี่ยจื้อหายใจเข้าพร้อมกับใช้ฝ่ามือกดปิดบริเวณที่ตัวเองเพิ่งปิดผนึกไป “นกฉลาดเลือกต้นไม้อยู่ เจ้าจะสู้กับข้าจนวายชีพเพื่อเขา มันคุ้มแล้วหรือ”

‘วืด!’ อาการสั่นตรงหน้าอกเริ่มรุนแรงขึ้น นี่เป็นคำตอบของเจ้างั่งปากกาพิฆาต

“เหอะๆ ตามใจเจ้าแล้วกัน เจ้ารั้งข้าไว้ที่นี่ แต่มันจะมีผลอะไรกับสถานการณ์นี้ เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตาย ความน่าเกรงขามที่ยิ่งใหญ่ของกฎหมายจะลงทัณฑ์เขา เจ้าก็อยากจะถูกฝังไปพร้อมกับเขาหรือ”

‘แกรกๆ!’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล