ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 745

ตอนที่ 745 วันแรกที่กลายเป็นซูเปอร์แมน

“ออนอี๊อี่โองแอ๊ว (ตอนนี้กี่โมงแล้ว)”

นักพรตเฒ่าชะงักไปครู่หนึ่งพลางกลั้นขำ ก่อนจะบีบเสียงเอ่ยตอบ “เลยเวลาอินอ้าวเแอ๊ว (เลยเวลากินข้าวแล้ว)!”

“…” เหล่าจาง

“พอได้แล้ว จบเรื่องแล้ว พวกเราทุกคนคนไหนที่ควรจะพักผ่อนก็ไปพักผ่อนได้ อันไหนควรจะเก็บกวาดก็เก็บกวาด ตอนนี้แต่ละคนดูเหมือนกองทหารรบพ่ายแพ้ เห็นแล้วอัดอั้นใจมาก ผมเดาว่าถ้าหากเราผ่านช่วงนี้แล้ว ช่วงระยะเวลาสั้นๆ น่าจะไม่มีเรื่องอะไรแล้วละ พวกที่นอนอยู่ร้านขายยาข้างๆ จะย้ายไปโรงพยาบาลก็ย้ายไปเลย จัดการได้ก็จัดการไป พวกเราทำเวลากันหน่อย ภายในสามวันดำเนินการให้ร้านหนังสือกลับมาเป็นปกติ!” ทนายอันปรบมือ เริ่มเป็นพิธีกรปิดท้ายจบงาน

เขาที่เพิ่งจะถูกหัวหน้าใหญ่ ‘ถามไถ่’ เมื่อครู่นี้ เวลานี้รู้สึกเต็มไปด้วยพลังแรงกล้า ไม่สนว่าจะเป็นพ่อบ้านหรือกุนซือหัวหมา เขารู้สึกว่าอนาคตสดใสทั้งนั้น เขาในตอนนี้มีความรู้สึกเหมือนถูกจักรพรรดิคัดเลือกในใจ หากมีวันหนึ่งในอนาคต เมื่อนรกเปลี่ยนสี เขาอันปู้ฉี่อาจจะได้เป็นราชาจริงๆ ถึงตอนนั้นจะคาดตราประทับอันใหญ่ผูกเอวไว้ จะไม่เหมือนกับตอนแรกที่แกล้งเอาตราประทับของผิงเติ่งหวังมาเล่นละครวางท่าวางทางแก้อยากไปก่อน

แมวดำเข้าไปในสมุดหยินหยาง โจวเจ๋อโยนสมุดเล่มนี้ให้เจ้าลิง เจ้าลิงยังอยู่บนคาน ตอนนี้เพิ่งจะกล้าลงมาอย่างช้าๆ เหล่าสวี่เห็นแล้วอิจฉานิดหน่อย แต่ก็ทำได้แค่รอให้ผ่านไปสักสองสามวันค่อยไปยืมแมวดำตัวนั้นในสมุดหยินหยางจากเจ้าลิงเท่านั้น

ต่อจากนั้นโจวเจ๋อและอิงอิงก็ขึ้นไปชั้นบน ส่วนคนที่เหลือก็แยกย้ายไปทำธุระของใครของมัน

เหล่าจางลุกขึ้นมาอย่างเงียบๆ รู้สึกสับสนนิดหน่อย เขาจงใจเดินไปหาทนายอันและถามว่า “ทุกอย่างจบลงแล้วเหรอ”

“จบแล้ว สิ้นสุดแล้ว” ทนายอันกำลังปรึกษากับนักพรตเฒ่าว่าควรจะเปลี่ยนพื้นแบบไหนดี ครั้งนี้นอกจากพื้นแล้วร้านหนังสือไม่ได้รับความเสียหายมากสักเท่าไร นักพรตเฒ่าบอกให้เปลี่ยนเป็นหินอ่อนไปเลย มันง่ายต่อการทำความสะอาด หรือไม่ก็ปูกระเบื้อง ดูโปร่งโล่งสว่างดี พื้นไม้มันดูหรูหราหน่อยก็จริง แต่มันไม่ทน!

พูดให้น่าฟังหน่อย ร้านเราเป็นร้านหนังสือ แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ต่างจากสนามโคลอสเซียมเลย!

สุนทรียภาพของนักพรตเฒ่านั้นค่อนข้างสูงมาโดยตลอด แต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า ต่อให้จะตกแต่งซ่อมแซมดีแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ เพราะอะไรนิดอะไรหน่อยก็เกิดเรื่อง หรือจะให้เขาซ่อมแซมครั้งใหญ่เป็นประจำล่ะ

คนที่ตกแต่งซ่อมแซมบ้านจริงๆ เท่านั้นถึงจะรู้ดีว่าการตกแต่งบ้านหลังหนึ่งมันเหนื่อยแค่ไหน แทบจะทนไม่ไหวเหนื่อยจนลอกคราบได้!

หากไม่ใช่เพราะเงื่อนไขไม่เอื้ออำนวย นักพรตเฒ่าอยากจะเปลี่ยนสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดในร้านหนังสือ รวมถึงหม้อและกระทะเป็นแบบกันกระสุนด้วยซ้ำไป

“เปลี่ยนพื้นไม้ดีกว่า แค่เปลี่ยนส่วนที่เสียหายจะได้เสร็จไวๆ อีกพักหนึ่งก็ค่อยตกแต่งอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ฝั่งตรงข้ามใหม่ ลดพื้นที่ ทำให้เป็นห้องนันทนาการของพนักงาน ที่เหลือก็ปรับเปลี่ยนไปตามการใช้ชีวิตประจำวัน”

“ใช่ๆ”

เมื่อเหล่าจางเห็นพวกเขาคุยกันอย่างกระตือรือร้นก็ลูบหัวและหันหลังออกจากร้านหนังสือ

ข้างนอกฟ้าสว่างแล้ว

คนบนถนนหนานต้าเริ่มพลุกพล่านไม่น้อย เหล่าจางนั่งบนรถของตัวเอง และส่องกระจกดูหน้าตัวเองสักหน่อย ซี้ด บวมเป่งสุดๆ เลย ถ้ามันชัดเจนมากขนาดนี้ก็ต้องลางานสักวันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เหนื่อยหน่อยๆ ด้วย

จริงๆ แล้วเหล่าจางเช่าบ้านนอกสถานีตำรวจไว้ด้วย บางครั้งตอนที่งานยุ่งๆ ก็จะอยู่ที่หอพักเจ้าหน้าที่ ตอนที่ไม่ยุ่งก็จะกลับไปอยู่ที่บ้านเช่า แต่ก็ไม่ใช่จงใจเอาเปรียบสาธารณะ หนึ่งคืออย่างไรเสียสภาพหอพักนั้นก็ธรรมดา ประกอบกับสภาพในสถานีตอนนี้ดีขึ้นแล้ว การจัดสรรที่อยู่อาศัยก็ไม่เลวด้วย เดิมก็มีหอพักว่างจำนวนมากอยู่แล้ว สองคือบางครั้งอาศัยอยู่ที่หอพักก็สะดวกในการติดต่อสื่อสารทำให้ง่ายต่อการจัดการคดี

ตอนนี้ เขากำลังจะขับรถกลับไปบ้านที่เขาเช่าไว้

หลังจากปรึกษาหารือเรื่องการตกแต่งซ่อมแซมอยู่นาน นักพรตเฒ่าก็รินน้ำให้ตัวเองแก้วหนึ่ง ขณะดื่มน้ำก็ครุ่นคิดไปพลาง “เอ๊ะ รู้สึกเหมือนจะลืมเรื่องอะไรบางอย่างไปเลย”

ทนายอันที่กำลังยกแก้วกาแฟใบใหญ่ของตัวเองขึ้นมาดื่มได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วพลางเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าจะลืมพูดเรื่องสำคัญอะไรบางอย่างไปเลย แต่จำไม่ได้แล้ว”

“ไม่เป็นไร จำไม่ได้ก็แสดงว่าต้องเป็นเรื่องที่ไม่สลักสำคัญอะไรแน่ๆ”

ทงเฉิงตั้งอยู่ที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี มีประชากรหนาแน่น แต่จริง ๆ แล้วจำนวนประชากรในเขตเมืองไม่ได้ถือว่ามากเท่าไรนัก หนึ่งเป็นเพราะอยู่ติดกับมหานครเซี่ยงไฮ้ สองคือช่องว่างระหว่างการพัฒนาเมืองและชนบทในแถบสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีไม่กว้างเท่ากับเขตทางตะวันตกเฉียงใต้ ความปรารถนาของทุกคนที่จะ ‘เข้าเมือง’ จึงไม่ได้สูงมากนัก ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้จะเป็นชั่วโมงเร่งด่วนตอนเช้า แต่การจราจรก็ไม่ติดขัดมากนัก

เหล่าจางหาวหวอดๆ มือกำพวงมาลัย มีสี่แยกใหญ่ข้างหน้า เหล่าจางต้องเลี้ยวขวา

เว้นแต่จะมีป้ายสัญญาณพิเศษ ไม่อย่างนั้นถ้าจะเลี้ยวขวาไม่จำเป็นต้องรอสัญญาณไฟ แต่บังเอิญมีเด็กอายุสามหรือสี่ขวบยืนอยู่บนทางเท้าข้างหน้า มองซ้ายทีขวาทีด้วยท่าทางสับสนมาก

“เฮ้อ!” เหล่าจางจอดรถทันที และเปิดสัญญาณให้ทางก่อนจะเปิดประตูรถลงมา

ทว่าในตอนนี้เอง ไม่รู้ว่าทำไมเด็กน้อยถึงได้วิ่งออกไปทางทางเท้าฝั่งนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ จนลืมไปว่าไฟทางเท้ายังไม่เขียว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล