ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 768

ตอนที่ 768 บูรณาการ!

“ขอเทียนจุนอำนวยพร” นักพรตเฒ่าสิบนิ้วพนมมือ กล่าวไว้อาลัยด้วยวิธีของพระ ไม่ว่าอย่างไรนักพรตเฒ่าชอบบูรณาการความรู้ต่างๆ เข้าด้วยกัน คนในร้านหนังสือก็เห็นของแปลกจนชินตาแล้ว

โจวเจ๋อยืนพิงกรอบประตู พูดจริงๆ นะเขาไม่รู้ว่าจะปลอบใจอย่างไร

คุณสามารถพูดได้ว่านักพรตเฒ่าดัดจริตทำตัวอ่อนแอ เพื่อผู้หญิงคนเดียวกลับเสียขวัญขนาดนี้ แต่คนที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ถ้าหากไม่มีสิทธิ์ของการอ่อนแอแม้แต่นิดเดียว เช่นนั้นมีชีวิตต่อไป ยังจะมีความหมายอะไร ต่อสู้ดิ้นรน พยายามขยันขันแข็ง ไม่ได้ทำเพื่อต่อสู้ดิ้นรน ไม่ได้อยากพยายามและขยัน แต่ทุกคนมีสิ่งที่ต้องการ ไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากมีเงื่อนไขและโอกาสที่จะได้อ่อนแออย่างอิสระไม่ใช่เหรอ

“ฮู่ว…” นักพรตเฒ่ายื่นมือนวดใบหน้าของตัวเอง แล้วยื่นมือหยิบกระดาษทิชชูที่อยู่ข้างๆ มาเช็ดน้ำมูกและน้ำตา เห็นของต่างหน้าแล้วคิดถึงผู้ที่จากไป สิ่งของยังเหมือนเดิมแต่คนนั้นเปลี่ยนไป เขาเศร้าใจและเสียใจจริงๆ

นักพรตเฒ่าอาจไม่ใช่แขกที่ร่ำรวยที่สุดที่มาใช้บริการ ทว่าเขาน่าจะเป็นคนที่บริจาคเงินให้หญิงขายบริการมากที่สุด ขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งคนที่มีคุณสมบัติดีที่สุด เสียดาย วงการนี้ไม่สามารถโหวตคะแนน จากนั้นก็มอบรางวัลเพื่อเป็นกำลังใจ

“เฮ้ พอแล้ว คุณจะร้องไห้อย่างเดียวเหรอ” โจวเจ๋อถาม

นักพรตเฒ่าเงยหน้ามองโจวเจ๋อด้วยดวงตาที่แดงก่ำ แล้วเอ่ยว่า “เถ้าแก่ อย่างนั้นจะให้จัดการอย่างไร”

“จริงๆ แล้ว ผมรู้สึกว่า มัวแต่เศร้าเสียใจอยู่ที่นี่ เป็นเรื่องที่ไร้ความหมายที่สุด เพราะความเศร้านอกจากทำให้ตัวเองสะใจให้ตัวเองได้ระบายออกมา มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้”

ความเศร้ามีเพื่อทำให้ตัวเองสะใจ นักพรตเฒ่าครุ่นคิดประโยคนี้ รู้สึกแปลกพิกล

“คนตายไปแล้ว คุณเป็นคนพูดเอง เธอจากไปอย่างสงบ ไม่น่าจะมาที่ร้านหนังสือ อย่างนั้นก็ทำอะไรเพื่อเธออีกหน่อยแล้วกัน”

คนส่วนใหญ่หลังจากตายแล้วจะลงนรกทันที มีเพียงคนที่ยึดติดหรือมีมีกรณีพิเศษอะไร ถึงจะมาเดินวนเวียนอยู่ในร้านหนังสือ

ถ้าหากคนตายแล้ววิ่งมาที่ร้านหนังสือทั้งหมด เช่นนั้นผลงานของเถ้าแก่โจวคงสวยงามวิจิตร

“ข้าจะไปโอนเงินให้ลูกชายของเธอ” นักพรตเฒ่าพูดไปพูดมาแล้วจึงส่ายหน้าทันที เอ่ยว่า “ถุย ข้าไม่ทำหรอก ผู้ชายเฮงซวย ลูกชายไม่ได้เรื่อง อาศัยภรรยาของตัวเอง แม่ของตัวเองหาเลี้ยงครอบครัว ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่รู้เรื่อง ไม่สังเกตเลยสักนิด พวกเขาอาจจะกำลังแกล้งโง่ หรือไม่รู้แล้วแต่ก็ยังสนับสนุน ไม่ว่าอย่างไรก็คือไอ้สารเลวสองคน แต่นอกจากนี้แล้วข้ายังทำอะไรได้อีก”

เขากระทั่งออกเงินจัดงานศพให้ฟางซิ่งก็ไม่เหมาะสม จะให้ในฐานะอะไร ให้ในนามของลูกค้าเก่ารึ แบบนี้ทำไม่ได้! และการกระทำที่กล้าหาญของฟางซิ่งในครั้งนี้ เนื่องจากตัวตนที่มีความพิเศษเฉพาะตัวของเธอ จึงไม่สามารถป่าวประกาศเหมือนผู้กล้าคนอื่นได้

“หดหู่ใจ ไม่สบายใจ ไม่ว่าอย่างไรต้องหาที่ระบายอารมณ์ หาคู่ที่ดีหน่อย ใช่ไหม”

“หาคู่ที่ดีหน่อย” นักพรตเฒ่ายื่นมือชี้ไปข้างล่าง พลางเอ่ยว่า “สาวใหญ่ที่อยู่ชั้นล่างน่ะเหรอ แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ ฟางซิ่งเพิ่งจะเสียชีวิต จะทำแบบนี้ได้อย่างไร”

โจวเจ๋อจู่ๆ อยากยกเท้าประทับรอยเท้าบนใบหน้าของนักพรตเฒ่าจริงๆ เดิมทีเขาปลอบใจคนไม่ค่อยเป็นอยู่แล้ว เมื่อต้องเจอคนแปลกพิลึกที่อยู่ตรงหน้า เขารู้สึกหงุดหงิดจนอยากระเบิดอารมณ์โกรธออกมาจริงๆ

พูดจริงๆ นะ นิสัยของโจวเจ๋อเดิมทีเป็นคนเย็นชาอยู่แล้ว เขาเติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่เด็ก อีกทั้งหลังจากเป็นหมอก็ได้เจอเรื่องราวของการพบพรากลาจากมาเยอะ แต่ไม่ว่าอย่างไร นักพรตเฒ่าหดหู่ใจเช่นนี้ เขาทนดูไม่ไหวจริงๆ

“ยังจับตัวคนลักพาตัวสองคนนั้นไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”

นักพรตเฒ่าได้ยินดังนั้น พลันเงยหน้าขึ้น เถ้าแก่หมายความว่าอย่างไร

โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาจางเยี่ยนเฟิง “ฮัลโหล เหล่าจาง คดีฆ่าคนเมื่อวาน กับคดีลักพาตัวที่เกี่ยวข้องกัน ได้ข่าวบ้างหรือยัง”

“เถ้าแก่ ไม่ใช่การรับผิดชอบของทีมพวกเราครับ คดีมีความชัดเจนมาก ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการจับกุม คนน่าจะออกจากทงเฉิงไปแล้ว ตอนนี้กำลังติดต่อกำลังตำรวจที่อยู่ในเมืองและอำเภอแถวนี้เพื่อดำเนินการจับกุมครับ”

“หนีไปทางไหน”

“ไปทางเหนือครับ”

“อืม โอเค”

“เถ้าแก่ คุณถามทำไมครับ ผม…”

‘ตู๊ดๆๆ…’ โจวเจ๋อตัดสาย แล้วมองนักพรตเฒ่า “ยังจับตัวคนไม่ได้”

“เอ่อ…อย่างนั้น…พวกเรา” นักพรตเฒ่าไม่อยากจะเชื่อ ควรทราบว่าปกติเถ้าแก่กลัวความยุ่งยากมากที่สุด

โจวเจ๋อเดินไปข้างนักพรตเฒ่า ตบไหล่ของเขา กล่าวว่า “ผมช่วยคุณจับตัวพวกเขา เป็นอย่างไร แก้แค้นให้ฟางซิ่ง”

“จับได้แล้ว จากนั้นล่ะ” นักพรตเฒ่าถามทันที

โจวเจ๋อยืดตัวตรง ยื่นนิ้วก้อยออกมาแคะขี้หู จากนั้นวางใกล้ริมฝีปากแล้วเป่า

“นักพรตเฒ่า”

“หืม เถ้าแก่”

“ดูเหมือนคุณจะลืมเรื่องหนึ่ง”

“เรื่องอะไร”

“ผมไม่ใช่คน ผมเป็นผี บางทีแม้แต่ตัวผมก็ยังลืมว่า จริงๆ แล้วผมไม่ต้องทำตามกฎก็ได้”

“นี่คือจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้านใช่ไหม” เหล่าสวี่มองกับข้าวเต็มโต๊ะด้วยความจนใจอยู่บ้าง มีเพียงหญิงสาวตัวดำที่กำลังนั่งกินคำโตอย่างเอร็ดอร่อย ช่วงนี้เธอกินเก่งมากเป็นพิเศษ กินพร้อมกับชมฝีมือการทำอาหารของเหล่าสวี่ว่ามีการพัฒนา

สวี่ชิงหล่างนั่งลงข้างๆ ค่อยๆ ดื่มน้ำซุปอย่างมีมารยาทและเรียบร้อย แล้วพูดกับอิงอิงในเวลาเดียวกัน “คนไม่กินแล้วลิงล่ะ”

“ไม่เห็นเจ้าลิงเหมือนกัน”

อิงอิงนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ศึกษาตำราอาหารต่อไป “ข้าเห็นเจ้าลิงรับสายเมื่อกี้ แล้ววิ่งออกไป”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล