ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 796

สรุปบท ตอนที่ 796 จบแล้วหรือ: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 796 จบแล้วหรือ – ตอนที่ต้องอ่านของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนนี้ของ ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 796 จบแล้วหรือ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 796 จบแล้วหรือ

“จริงๆ แล้ว ข้าเกลียดโครงเรื่องประเภทนี้มากจริงๆ น้ำเน่า ซ้ำซากจำเจ แถมยังเลี่ยนมาก” เด็กชายฉีกทึ้งเสื้อผ้าบนกายออก เผยให้เห็นร่างท่อนบนเปลือยเปล่าของเด็กชาย ตำแหน่งสองจุดบนหน้าอกดูๆ ไปแล้วก็ช่างน่าขัน “แต่ในเวลานี้คนเราก็มักจะเป็นแบบนี้แหละนะ ปากบอกไม่แต่ร่างกายไม่โกหก”

ฮวาหูเตียวมองเด็กชายราวกับจะเข้าใจ ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ฟังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่ไม่มีผลกระทบกับการที่มันรู้สึกว่าคำพูดของเด็กชายนั้นมีระดับ

ก็จริง คนที่สามารถมีความรักกับสาวแกร่งในชาติก่อนที่พอตายแล้วก็เป็นยมทูตแล้วกลับมาสิงอยู่ในร่างสาวน้อยโลลิ สามารถตกหลุมรักหญิงสาวที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตยุ่งยากซับซ้อนมากมายเช่นนี้ สามารถค้นพบความสวยงามประเภทนั้นในตัวเธอโดยไม่ได้แสวงหาเพียงแค่การปลดปล่อยทางร่างกายเท่านั้น ในด้านของคำว่า ‘ความรัก’ เขาถึงระดับปรมาจารย์แล้ว

เด็กชายกระดิกนิ้วใส่ฮวาหูเตียวที่อยู่ด้านบนและพูด “มา เรามาต่อกันเลย”

เปลวไฟสีดำเริ่มลุกโชนขึ้นจากร่างของเด็กชาย นี่แสดงให้เห็นว่าเขากำลังเผาไหม้จากต้นกำเนิด บางทีอาจเป็นเพราะคนอื่นสวีทหวานกันอยู่ข้างๆ ไปกระตุ้นความเลือดร้อนของเขา ทำให้เขาดูสูงส่งมากขึ้น ขณะเดียวกันก็หุนหันพลันแล่นมากขึ้นเช่นกัน

“ไม่ว่าเจ้าจะออกไปจากที่นี่ตอนนี้ หรือเจ้าจะลองหยุดข้าต่อไป ดูซิว่าข้าจะสามารถฉีกทึ้งขาข้างหนึ่งของเจ้าได้หรือไม่!”

“โฮก!”

ความเร็วของเด็กชายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและกระโจนเข้าใส่ฮวาหูเตียว

‘โครม!’

อิงอิงจับข้อมือโจวเจ๋อด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นพลิกกลับ เอี้ยวตัวจนไหล่กระแทกกับหน้าอกของโจวเจ๋อ หลังจากโจวเจ๋อสูญเสียจุดศูนย์ถ่วง ก็หมุนตัวทุ่มเขาข้ามไหล่ไป

‘ตู้ม!’

โจวเจ๋อยังไม่ยอมจำนนแต่โดยดี ถีบขาออก คว้าข้อเท้าของอิงอิงกระชากอย่างแรง หันข้างแล้วส่งศอกกระแทกเข้าเต็มเหนี่ยว!

‘พลั่ก!’

ทั้งแท่นบูชาสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง เพราะความพิเศษของที่นี่จึงทำให้ไม่พังทลายลงมา แต่ด้านนอกนั้นครึ่งหนึ่งของภูเขากำลังสั่นสะเทือน และมีหินกลิ้งตกลงมาเรื่อยๆ

โชคดีที่บริเวณนี้ถือว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่มีคนอยู่อาศัย สถานพักฟื้นเพียงแห่งเดียวในอดีตก็ถูกโคลนถล่มทำลายไปแล้วเช่นกัน ดังนั้นต่อให้จะกระแทกกระทั้นมากแค่ไหนก็จะไม่สร้างความเสียหายอื่นใดอีก

การปะทะกันระหว่างผีดิบทั้งสองตัว ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนกับเทพเซียนถมทะเลกลางท้องฟ้าตามแบบที่จินตนาการไว้ และไม่มีการเรียกกระบี่มาจนเกิดบรรยากาศตระการตาของกระบี่นับหมื่นเล่ม แต่ตรงไปตรงมาและไม่มีอะไรซับซ้อน แค่หมัดกระทบเนื้อเท่านั้น!

เพียงแต่ว่าสถานการณ์ประเภทนี้ดำเนินต่อไปได้ไม่นานนัก โดยเฉพาะตอนที่ทั้งสองฝ่ายถีบเตะจนถอยห่างออกจากกัน เมื่อระหว่างคิ้วของอิงอิงมีสัญลักษณ์สีทองอำพันปรากฏขึ้น สถานการณ์จึงพลิกผันเพราะเหตุนี้!

สัญลักษณ์สีทองอำพันแฝงไปด้วยความน่ายำเกรงของคำบัญชาอันยิ่งใหญ่ในใต้หล้า คิดไม่ถึงว่าจะขานรับกับค่ายกลในแท่นบูชานี้โดยตรง จากนั้นเกิดเสียง ‘แกรก’ ที่มุมแท่นบูชาเป็นระยะๆ เจ้าใบหน้าครึ่งหนึ่งที่จิตสำนึกเข้ามาในร่างของโจวเจ๋อและสิงสู่ร่างของโจวเจ๋อก็เอาแต่นิ่งไม่ไหวติงอยู่บนแท่นบูชา และถูกกระแสไฟฟ้าสีม่วงสายแล้วสายเล่าโจมตีอย่างต่อเนื่อง

“ซี้ด…ซี้ด…” โจวเจ๋อคุกเข่าบนพื้นพลางสูดปากด้วยความเจ็บปวดสุดฤทธิ์ เงาดำที่อยู่ข้างหลังตัวเขายังคงบิดเบี้ยวไม่สิ้นสุด

“เจ้ากลัวแล้วหรือ เจ้ากลัวแล้วใช่ไหม”

โจวเจ๋อคำรามด้วยความโกรธจัด เอาชนะข้าไม่ได้ก็เริ่มกระตุ้นผนึกของที่นี่เลยสินะ

อิงอิงเหยียดยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก และพูดตรงๆ “เจ้าบอกว่าข้าพึ่งพาบารมีของบรรพบุรุษ เจ้าบอกว่าอยากจะดูว่าข้ายังเหลือวิชาความสามารถอีกสักเท่าไร เช่นนั้นข้าจะตอบสนองความต้องการของเจ้า ให้เจ้าได้เห็นฝีมืออย่างแท้จริงว่าเป็นอย่างไร!”

“อ๊ากกกกกกก!!!!!!!!!!!!” โจวเจ๋อใช้หัวยันพื้นและคำรามด้วยความโกรธจัดต่อไป

“หากไม่เป็นเพราะไม่อยากทำลายกายหยาบนี้ให้สิ้นซาก เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร”

หากไม่ได้กลัวว่าจะทำลายร่างกายนี้ของเขา จนส่งผลให้นางลงมืออย่างเด็ดขาดไม่ได้ การเผชิญหน้าก่อนหน้านี้คงไม่เป็นแบบนี้แน่นอน

มีสิ่งหนึ่งในตอนนี้ที่นางต้องยอมรับ นั่นคือความบ้าคลั่งดีเดือดของชายคนนี้ทำให้นางปวดหัวเล็กน้อยจริงๆ คล้ายกับหมาบ้าอย่างไรอย่างนั้น ต่อให้ตายก็ขอให้ได้กัดเนื้อของคู่ต่อสู้สักหน่อย ดูเหมือนเขาตอนอยู่ที่สนามรบในสมัยนั้นในระดับหนึ่งจริงๆ ภายใต้การนำทัพของชือโหยว เผ่าจิ่วหลีที่เคยราบรื่นไปเสียทุกอย่างเป็นพวกที่บ้าคลั่งอย่างแท้จริง แต่เขากลับสามารถนำทัพออกจากดินแดนอันรกร้าง และตอบโต้ด้วยท่าทีที่ดุร้ายและรุนแรงยิ่งกว่า!

“เหอะๆ หึๆ” โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้น สีดำในดวงตาเริ่มเลือนหายไปอย่างช้าๆ กลับกลายเป็นสีแดงเข้มเข้ามาแทนที่

แต่ต่อให้จะไม่เต็มใจแค่ไหน ต่อให้โกรธแค้นแค่ไหน เวลานี้เขากลับไร้อำนาจ เขาถูกผนึกอยู่ที่นี่ ทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่ล้วนมีไว้เพื่อผนึกเขาทั้งสิ้น เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้านี้ใช้วิธีอะไรกันแน่ แต่น่าจะเป็นเพราะบนตัวนางมีเศษซากอาวุธที่สามารถตอบสนองค่ายกลส่วนใหญ่บนโลกได้ คนกลุ่มนี้มีอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน และสะสมสิ่งต่างๆ เอาไว้มากมายจนน่าหวาดกลัวมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าจวบจนปัจจุบันพวกเขาก็มีต้นทุนให้น่าภาคภูมิใจมากพอ!

‘พลั่ก!’

โจวเจ๋อแค่รู้สึกว่าทะเลแห่งจิตสำนึกของตัวเองว่างเปล่า เงาดำถูกฝืนกระชากออก และกระเด็นไปทางเจ้าใบหน้าครึ่งหนึ่งบนแท่นบูชาใหม่อีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่า เขาจะถูกผนึกอีกครั้ง ละครวุ่นวายฉากนี้ก็ใกล้จะจบลงในที่สุด รอจนนางกลืนจิตสำนึกสุดท้ายในร่างนี้โดยสมบูรณ์ ชีวิตก็จะดำเนินต่อไปใหม่อีกครั้ง ไม่มีใครตายจริงๆ และทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกด้วย

อิงอิงที่อยู่ตรงหน้ามีท่าทีเย่อหยิ่ง คล้ายกับมองดูนักโทษที่หมอบอยู่แทบเท้าของนาง นางมองดูการสารภาพผิดของนักโทษ เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลานี้ ขณะเดียวกันนางก็เฝ้ารอช่วงเวลาต่อไป

รอข้าถอนรากถอนโคนเจ้านี่ทิ้ง ท่านก็จะสามารถฟื้นคืนอิสระได้ เราจะก้าวไปด้วยกันทีละก้าว และฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ในสมัยโบราณได้ใหม่อีกครั้ง

กลิ่นอายอันสูงส่งและยิ่งใหญ่ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนพุ่งปะทุออกมาจากร่างของโจวเจ๋อ และกำลังจะแยกจากกันโดยสิ้นเชิง

กลิ่นอายนี้ทำเอานางขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่คือ…ไท่ซานหรือ”

ยุคสมัยโบราณจบสิ้นไปแล้ว อะไรควรล่มสลายก็ล่มสลายไปแล้ว อะไรควรสลายเป็นควันก็ได้กลายเป็นควันไปแล้ว

แต่ในฐานะที่เป็นของตกทอด ด้วยความพิเศษและโอกาสพิเศษทำให้มันไม่กลายเป็นฝุ่นธุลีในประวัติศาสตร์ไป จะไม่รับรู้ถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในนรกในภายหลังได้อย่างไร

ไท่ซานเคยเป็นสัญลักษณ์ที่สูงส่งของนรกมายาวนาน!

“เหตุใด…ไท่ซานอยู่กับร่างของเขา”

นางรู้สึกฉงนเล็กน้อย แต่ทว่าก็ปล่อยวางทันทีหลังจากนั้น ก็จริง หากเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ธรรมดาทั่วไปจะทำให้เขาหวาดกลัวได้อย่างไร หวาดกลัวจนกระทั่งเงียบงันตั้งแต่นางปรากฏตัวออกมาจนถึงตอนนี้

ข้างๆ แท่นบูชานั้น เงาดำของเจ้าใบหน้าครึ่งหนึ่งยังแหกปากคำรามอย่างต่อเนื่อง เขาสาปแช่ง เขาระบายพรั่งพรูมันออกมา เขาคำรามด้วยถ้อยคำหยาบคายสุดๆ

ขณะเดียวกัน เขาก็ขุ่นเคืองโจวเจ๋อเช่นกัน สุนัขตัวนี้คิดไม่ถึงว่ายังคงเลือกที่จะเป็นสุนัขจนถึงวินาทีสุดท้ายจริงๆ!

เจ้าคนไร้ประโยชน์และไร้ค่า!

‘ตู้ม!’

เสียงระเบิดอันเงียบงันกระเพื่อมออกไป ในที่สุดไท่ซานก็แยกออกจากร่างกายและจิตวิญญาณของโจวเจ๋อได้อย่างสมบูรณ์

เจ้าใบหน้าครึ่งหนึ่งเงียบขรึม เขาหยุดด่าและหยุดตะโกนแล้ว เพราะว่าทุกอย่างได้จบลงแล้ว…

…………………………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล