ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 815

ตอนที่ 815 มุทะลุเกินไป!

ชายหนุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นยืนผสานมือทำท่ามุทรา ขณะเดียวกันเงามืดก็แผ่ซ่านออกจากร่างของเขา และพุ่งปรี่ตรงเข้าหาตำแหน่งที่เด็กชายอยู่

เงามืดเหล่านี้บ้างก็ถือมีด บ้างก็ถือคีมโบกสะบัด ราวกับวิญญาณอาฆาตที่เร่ร่อนในความมืดถูกปลดปล่อยออกมา

เด็กชายจ้องเขม็ง แต่ทว่าไม่เคลื่อนไหวใดๆ

ฮวาหูเตียวบนคอกระโดดออกไปทันที สายฟ้าสีเหลืองวาบผ่านไป และกลับมาที่ไหล่ของเด็กชายอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนเพื่อให้เข้ากันกับเอฟเฟกต์ที่เด็กชายสร้างขึ้น มันไม่ได้ง่วงแต่จงใจหาวหวอดๆ

อืมมมม….

ทันใดนั้น เงาดำเหล่านั้นที่ยังไม่ทันได้ประชิดตัวเด็กชายก็แข็งทื่อทันที เพราะบนคอของชายที่ปล่อยเงาดำออกมานั้นมีรอยเลือดผุดขึ้น แล้วก็เริ่มมีเลือดไหลออกมา…

ชายหนุ่มคุกเข่าลงบนพื้น สองมือกุมบาดแผลที่เลือดไหลทะลักออกมาตามสัญชาตญาณ แต่ดูเหมือนว่าเพราะแรงบนมือนั้น จึงได้ยินเพียงเสียง ‘ตุ้บ’ ศีรษะของชายหนุ่มกลิ้งลงมาจากคอของเขา

หลังจากศีรษะร่วงบนพื้นยังคงกะพริบตาปริบๆ เผยสีหน้าและแววตาไม่อยากจะเชื่อ จากนั้น หมอกสีดำลอยออกมาจากร่างไร้ศีรษะ เด็กชายกางฝ่ามือออกและปล่อยพลังปราณพิฆาตบดขยี้วิญญาณโดยตรง

ไร้ความเมตตาใดๆ และไม่จำเป็นต้องเห็นอกเห็นใจ

เพียงแต่ว่า เจ็บใจชายหนุ่มที่เพิ่งตายไป ไม่น่าใช่ไก่อ่อนมากนัก แต่ทว่า การดวลจริงมักจะไม่เหมือนกับเกมแบบผลัดกันเล่น ‘แกฟันฉันหนึ่งดาบ ฉันค่อยแทงแกหนึ่งกระบี่ จากนั้นตัวอักษรสีแดง ‘-66’ ขึ้นบนหัวของทุกคน ระบุว่าเสียเลือดไปเท่าไร รอบหน้าควรใช้ยาไหม’

อีกฝ่ายไม่ทราบถึงการมีอยู่ของฮวาหูเตียวเลยไม่ทันป้องกันใดๆ แถมยังอยู่ในระยะประชิด ถูกฆ่าตายในชั่ววินาทีก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

ตอนนี้เหลือเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยังนั่งอยู่บนโซฟา ชายหนุ่มวางก้นบุหรี่ในที่เขี่ยบุหรี่ด้านหน้าและกดมันลง เผยรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้า พลางพูดกับตัวเอง “ข้าไม่นึกว่าจะเป็นเช่นนี้”

เด็กชายพยักหน้า และเอ่ยว่า “พวกเจ้าโชคไม่ดีน่ะ”

แกว่งเท้าหาเสี้ยน หาเหาใส่หัว โชคไม่ดีก็ถือเป็นความผิดบาป

ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ยิ้มบางๆ ผุดลุกขึ้นยืน พลางมองเด็กชายและพูดว่า “เจ้านึกว่าพวกเจ้าจะเอาชนะได้แล้วเช่นนั้นหรือ”

ยังมีคนโง่อีกรึ

เด็กชายชะงักไปครู่หนึ่ง เดิมทีเขานึกว่าตัวเองตามเบาะแสจนจับกลุ่มที่มาทงเฉิงออกมาหมดแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นสินะ

ยังมีคนโง่อีกสินะ

“พวกเจ้ายังมีคนอีกหรือ” เด็กชายถาม

ชายหนุ่มจัดแจงปกเสื้อตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “มีเยอะมาก”

“อยู่ทงเฉิงด้วยหรือ”

“ใกล้จะมาแล้ว”

เด็กชายพยักหน้า ใกล้มาแล้วแสดงว่ายังมาไม่ถึง งั้นก็รอพวกเขามาแล้วค่อยว่ากัน แต่ทว่า เด็กชายก็ยังถามอีก “เป็นเหมือนเจ้ากันหมดเลยหรือ”

พวกเขาไร้ประโยชน์เหมือนพวกเจ้าหรือไม่

ชายหนุ่มเผยสีหน้ากระอักกระอ่วน ที่ทำอะไรไม่ถูกเพราะเขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดความจริง

สหายคนหนึ่งตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่เมื่อคิดๆ ดูแล้วก็น่าจะตายด้วยน้ำมือของเด็กชายตรงหน้า อีกทั้งสหายคนนั้นยังบอกแหล่งกบดานของพวกเขาเหล่านี้ด้วย รวมถึงนับตั้งแต่วินาทีที่เปิดประตู ในการเผชิญหน้าสั้นๆ เพียงไม่กี่ครั้ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็ถูกกำจัดเช่นกัน

อีกฝ่ายจะมีท่าทีต่อพวกเขาเช่นนี้ก็สมเหตุสมผลแล้ว เพราะแม้แต่เขาเองยังรู้สึกว่าฝ่ายตัวเองแพ้ราบคาบเร็วเกินไปหน่อย รู้สึกเคว้งคว้างว่างเปล่าและเสียใจ คล้ายกับยังไม่ทันโหมโลง แต่ดันจบลงเสียแล้ว

เพียงแต่ด้วยความเชื่อมั่น เขาก็ยังยืนกรานว่า “พวกเจ้าประมาทเลินเล่อเช่นนี้ จะหัวเราะได้นานแค่ไหนกันเชียว”

เด็กชายเกาศีรษะ ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ทางการที่แปรพักตร์มาด้วยกันกลุ่มนี้จะมีความสัมพันธ์อันดีทีเดียวสินะ ตายไปกลุ่มหนึ่งแล้ว คนอื่นๆ ยังตั้งใจมาล้างแค้นให้พวกเขาอีก ความสัมพันธ์แข็งแกร่งขนาดนี้เชียว

ชายหนุ่มผลักฝ่ามือเข้าหาเด็กชาย สายฟ้าสองสายปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา และพุ่งตรงไปยังเด็กชายด้วยความเร็วแสงจนปิดหูไม่ทัน

ร่างของเด็กชายสั่นสะท้านตามสัญชาตญาณ เขาเป็นผีดิบ สิ่งที่กลัวมากที่สุดคือการโจมตีประเภทสายฟ้า แต่ถึงกระนั้นกลับยังเลียนแบบสูตรสำเร็จเช่นเดิม ฮวาหูเตียวโผบินอีกครั้ง!

เพียงแต่มีบทเรียนที่ได้รับจากลูกน้องของเขา ครั้งนี้ชายหนุ่มจึงไม่กล้าประมาทอย่างเห็นได้ชัด จัดการดึงสายฟ้าที่ยิงออกไปกลับมา พร้อมกับประสานมือไขว้กัน สายฟ้าหลายสายรวมตัวกันด้านหน้าเขาก่อตัวเป็นสิ่งที่เหมือนกรง เพื่อปกป้องตัวเองอย่างมิดชิด

ฮวาหูเตียวไม่กล้าลองทะลุผ่านเข้าไป มันกลัวเจ็บ มันไม่อยากสัมผัสความรู้สึกที่ถูกไฟช็อตแบบนี้หรอกนะ

ทว่ามันไม่ได้ย้อนกลับไปทันที แต่ใช้วิธีวนไปเวียนมาป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆ สายฟ้าอย่างต่อเนื่อง

หลายต่อหลายครั้งที่ชายหนุ่มทนไม่ไหวจะปล่อยสายฟ้าฟาดโจมตีฮวาหูเตียว แต่หลังจากลังเลก็ไม่ได้เลือกทำเช่นนั้น เขากังวลว่าหากเขาโจมตีพลาด การป้องกันจะเกิดช่องโหว่

ต่อไปมาถึงนาทีที่น่ากระอักกระอ่วนใจแล้ว นี่คือคุณค่าสูงสุดในการมีอยู่ของฮวาหูเตียว จงรู้ไว้ว่า ตอนแรกที่อยู่ในถ้ำของมัน ทั้งอิงอิง เด็กชาย และทนายอัน ทั้งสามคนติดกับความเร็วของมันตัวเดียว

หากไม่คลำเจอจุดสำคัญที่เจ้านี่กลัวความเจ็บปวดในตอนท้าย จนยอมทุ่มสุดตัวเพื่อหาโอกาสเข้าประชิดตัว ทำให้มันที่กลัวเจ็บถูกจับได้อยู่หมัดได้ละก็ บางทีมันอาจจะกลายเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้

เพียงแต่ครู่ต่อมา คิ้วของชายหนุ่มขมวดมุ่นทันที เพราะเขาตะลึงเมื่อพบว่าเด็กชายที่เพิ่งยืนอยู่ในห้องตัวเองเมื่อครู่นี้ ไม่รู้ว่าจู่ๆ ก็หายตัวไปตั้งแต่เมื่อไร ทันใดนั้นสัญญาณแจ้งเตือนผุดขึ้นในใจของชายหนุ่ม แต่ทว่าทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว

‘แกรก กึก แกรก!’ พื้นแตกร้าวและทรุดตัวพังทลายลงทันที

เด็กชายพังพื้นจากด้านล่างขึ้นมาคว้าข้อเท้าของชายหนุ่มทั้งสองข้าง แล้วกระชากลงอย่างแรง!

กรงสายฟ้าของชายหนุ่มก่อนหน้านี้มันครอบคลุมทั้งสี่ด้าน แต่กลับมีช่องโหว่ที่ใต้ฝ่าเท้า ทำให้พลาดถูกจับในครั้งนี้!

แทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ พลังสายฟ้ากลางฝ่ามือชายหนุ่มเริ่มพุ่งลงมาอย่างบ้าคลั่ง และในเวลานี้เอง ฮวาหูเตียวสบโอกาสเร่งความเร็วตอนที่กรงของอีกฝ่ายถูกถอนออกไป!

จี๊ด!

แขนข้างหนึ่งของชายหนุ่มถูกตัดออกไปทันที เด็กชายรุดขึ้นไปจับแขนอีกข้างของอีกฝ่ายด้วยมือเพียงข้างเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล