ตอนที่ 88 พันธมิตรผู้เบื่ออาหาร
หลังอาบน้ำเสร็จ โจวเจ๋อสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงลำลองสบายๆ ถูกไป๋อิงอิงอุ้มออกมาวางบนเสื่อที่ชั้นสองที่จัดเตรียมไว้ให้ เมื่อไป๋อิงอิงลงมาข้างล่าง สวี่ชิงหล่างก็เข้ามาใกล้แล้วถาม
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ”
ลับๆ ล่อๆ และดูระมัดระวัง
เป็นความรู้สึกที่กลัวจนตัวสั่นเหมือนกับการเปิดบ่อนคาสิโนใต้ดินเลยทีเดียว และราวกับว่าอีกประเดี๋ยวตำรวจจะเข้าประชิดรวบจับนักพนันอย่างไรอย่างนั้น
ไป๋อิงอิงกลับอึกๆ อักๆ หน้าแดงระเรื่อ
สวี่ชิงหล่างขมวดคิ้ว
เธอเป็นผีดิบนะ จะหน้าแดงทำบ้าอะไร
“สรุปว่าเป็นอย่างไรกันแน่” สวี่ชิงหล่างซักไซ้ เขาอยากรู้คำตอบมากเหลือเกิน
“อะไร…” ไป๋อิงอิง
“เฮ้ อย่าทำไขสือสิ ยังอยากเปลี่ยนการ์ดจอรุ่นใหม่ล่าสุดอยู่หรือเปล่าเนี่ย”
“เถ้าแก่บอกว่าหลังจากย้ายร้านแล้วจะเปลี่ยนซีพียูคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่สุดและอุปกรณ์เสริมอย่างดีที่สุดให้ฉัน” ไป๋อิงอิงพูดขึ้นอย่างเขินอาย
“คุณถูกซื้อตัวไปแล้วเหรอ” สวี่ชิงหล่างชักสีหน้าอึ้งจนช็อก
“อ้าว” ไป๋อิงอิงไร้เดียงสามาก
“ไม่สิ เขามีเงินทั้งหมดในมือนับๆ ก็แล้วก็แค่หนึ่งหมื่นกว่าหยวน ย้ายบ้านแล้วยังต้องปรับปรุงอีก ส่วนค่าเช่านั้นผมจ่ายให้ก่อน เขาก็ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นนี่นา”
“เถ้าแก่เอาปิ่นหยกของฉันไปสองเล่ม รวมเป็นห้าแสนแล้วบอกว่าในครึ่งปีหลังจะคืนเงินให้ฉันเจ็ดแสนห้าหมื่นหยวน”
“เขาหลอกคุณไปเอาของที่ฝังในสุสานเหรอ” สีหน้าสวี่ชิงหล่างเหมือนมองคนโง่ “คุณโง่หรือไง! ของพวกนั้นเป็นข้าวของในหลุมศพคุณเชียวนะ”
“เถ้าแก่บอกว่าจะคืนให้ฉันนะ” ไป๋อิงอิงพึมพำ
“เขาบอกอะไรคุณก็เชื่อไปหมดสินะ ถ้าเขาบอกว่าเขาเป็นบรรพบุรุษผีดิบของคุณ คุณก็เชื่อเหรอ”
“เชื่อสิ” ไป๋อิงอิงตอบเสียงเบา
เพราะนางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผีดิบในตัวเถ้าแก่จริงๆ
“คุณนี่มันเกินเยียวยาแล้ว ยายโง่” สวี่ชิงหล่างดูเหมือนว่าจะตั้งความหวังไว้แต่กลับไม่เป็นผล “อ้อ ใช่แล้ว ขอถามคุณสักเรื่องหนึ่งสิ คุณมีพี่น้องหรือเปล่า”
“อะไรนะ”
“ผมก็อยากหาผีดิบสาวสักตัวเอาไว้เป็นคนรับใช้น่ะ เป็นการซื้อขายที่ลงทุนน้อยแต่ได้กำไรมากอย่างไรล่ะ”
“อ้อ”
ไป๋อิงอิงยืนตัวตรง และทันใดนั้นลมหายใจเย็นยะเยือกก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเธอ
จากเด็กโง่กลายเป็นเทพธิดาภูเขาน้ำแข็งไปในชั่วพริบตา
สวี่ชิงหล่างที่กำลังนึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปอยู่นั้น จู่ๆ ก็รู้สึกตัวสั่น
ความรู้สึกตัวสั่นที่คุ้นเคย เหมือนตอนพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นอีกครั้ง แทบจะไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำและสวี่ชิงหล่างกลายเป็นนกกระทาตัวเล็กๆ อีกครั้ง
“คุณบอกว่าจะเอาไปเป็นคนรับใช้อย่างนั้นหรือ” ศพผีสาวถามขึ้น
“เปล่า ผมบอกว่าตอนบ่ายจะไปซื้อการ์ดจอใหม่มาเปลี่ยนให้คุณ ตอนที่คุณเล่นเกมกินไก่[1]จะได้เปิดใช้จอภาพคุณภาพสูงสุดแล้วน่ะสิ”
…
“เอ้า นี่เป็นข้อมูลของเจ้าแม่ชิงอี”
ถังซือยื่นแท็บเล็ตไปที่หน้าโจวเจ๋อ
ในเวลานี้ผมของโจวเจ๋อยังเปียกซกอยู่และยังคงนั่งพิงกำแพงอยู่บนเสื่อ มองดูเหมือนหนุ่มหล่อเหงื่อโทรมกายที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมา หลังจากเล่นบาสเก็ตบอลในวิทยาลัย
สวีเล่อมีข้อบกพร่องและไร้ประโยชน์อยู่หลายด้านเลย แต่คุณไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสวีเล่อนั้นดูดีจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกพ่อแม่ตระกูลหลินเลือกให้เป็นลูกเขยจำเป็นหรอก
“ขอให้มีลูกงั้นเหรอ” โจวเจ๋อเหลือบมองข้อมูลของเจ้าแม่ชิงอีพลางเอ่ยขึ้น
เจ้าแม่ชิงอีเป็นศาลเล็กๆ ในท้องถิ่นเมืองทงเฉิง นางไม่มีตัวตนอยู่ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ แม้กระทั่งเรื่องในตำนานเล่าขานสืบมาก็ไม่มีเรื่องของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว แม้แต่ในเมืองทงเฉิงก็ไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป
ความนิยมของนางไม่แพร่หลาย และเรื่องราวบางอย่างเกี่ยวกับนางนั้น ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นหลังที่แต่งเรื่องปรัมปราขึ้นมา
เช่นเดียวกันกับจุดชมวิวมากมายในทะเลสาบโซ่วซีหูของเมืองหยางโจวต่างก็เกี่ยวข้องกับเฉียนหลงเยือนแม่น้ำแยงซีใต้ ราวกับว่าตอนที่จักรพรรดิเฉียนหลงเสด็จประพาสทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซีนั้น ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลย มัวแต่ยุ่งกับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในทะเลสาบโซ่วซีหู เพื่อตั้งชื่อสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นเสียอย่างนั้น
เรื่องราวของเจ้าแม่ชิงอีก็ดูจะไร้สาระเช่นกัน เมืองทงเฉิงมีอำเภอหนึ่งชื่อว่าหลี่ว์ซื่อ ในตำนานเล่าว่าที่ได้ชื่อนี้มาเป็นเพราะหลี่ว์ต้งปินเคยมาที่นี่ถึงสี่ครั้ง และตอนที่หลี่ว์ต้งปินมาเมืองทงเฉิงก็บังเอิญพบกับหญิงม่ายก็คือเจ้าแม่ชิงอีผู้นี้เอง
หญิงหม้ายไม่มีลูก หลังจากสามีตายแล้ว ยังคงรักษาพรหมจรรย์ไม่แต่งงานใหม่ เป็นคนจิตใจดีอีกทั้งยังชอบเด็ก ดังนั้นจึงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไว้มากมาย เทียบเท่ากับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าในสมัยโบราณ เมื่อหลี่ว์ต้งปินพบนางเข้าก็ได้มอบเสื้อคลุมยาวสีเขียวอ่อนตัวหนึ่งไว้เพื่อให้กำลังใจ
หลังจากที่นางตายไปแล้ว เพื่อเป็นการรำลึกถึงบุญคุณของนาง ชาวบ้านจึงได้สร้างศาลไว้ให้นางและมีชื่อว่าเจ้าแม่ชิงอี
คนส่วนใหญ่ที่มาจุดธูปที่ศาลแห่งนี้ล้วนแล้วแต่เซ่นไหว้เพื่อขอบุตรหรือขอลูกชายให้กับตัวเองอย่างไม่ขาดสาย ได้ผลลัพท์ทำนองเดียวกันกับเจ้าแม่กวนอิม
อย่างไรก็ตามที่กล่าวไว้ด้านล่างสุด การบูรณะเมืองเก่าทำให้ศาลเจ้าแม่ชิงอีถูกรื้อถอนไป
ส่วนการสร้างใหม่นั้นยากมาก อย่างแรกนางไม่ได้โด่งดังเท่าเจ้าแม่ทับทิม อย่างที่สองการก่อสร้างวัดสร้างศาลมันเป็นเรื่องใหญ่มากจริงๆ และนักพัฒนาที่ดินจะไม่เพิ่มภาระงานยากลำบากให้ตัวเองอย่างแน่นอน แม้ว่าคนเฒ่าคนแก่ในพื้นที่บางคนจะคัดค้าน แต่สุดท้ายแล้วการสร้างศาลก็ยังถูกปฏิเสธอยู่ดี
ในข้อมูลยังมีรูปภาพเมื่อหลายปีก่อนอยู่รูปหนึ่ง ศาลเจ้าแม่ชิงอีในรูปนั้นชำรุดทรุดโทรมมานานแล้ว แม้แต่ศีรษะของรูปปั้น ก็ไม่รู้ว่าหลุดหายไปตั้งแต่ปีไหน เหลือเพียงแค่รูปปั้นแกะสลักหัวขาดยืนตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น
นี่มันช่างเข้ากับภาพลักษณ์ของหญิงหัวขาดคนนั้นแล้ว
“สิ่งที่เรียกว่าศาลเจ้า ก็คือตัวอ่อนวิญญาณที่หล่อหลอมขึ้นมาจากการศรัทธาบูชา เช่นเดียวกับหญิงไร้หน้าที่เคยมาทดสอบคุณ นางเป็นตัวแทนความเศร้าโศกของคนตายบนเส้นทางสู่นรก” ถังซืออธิบาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล