ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล นิยาย บท 89

สรุปบท ตอนที่ 89 ไร้ประเด็นหัวข้อ: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

อ่านสรุป ตอนที่ 89 ไร้ประเด็นหัวข้อ จาก ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 89 ไร้ประเด็นหัวข้อ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 89 ไร้ประเด็นหัวข้อ

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ร้านบะหมี่ของสวี่ชิงหล่างและร้านหนังสือของโจวเจ๋อต่างก็จะย้ายไปอยู่ที่อื่นในวันพรุ่งนี้ แต่ เย็นวันนี้สวี่ชิงหล่างยังคงเปิดร้านบะหมี่อยู่ แล้วบอกว่าตั้งใจจะเปิดกิจการที่นี่เป็นวันสุดท้าย

เป็นเรื่องยากที่จะต้องทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนไป ร้านบะหมี่แห่งนี้ใช้ชีวิตอยู่กับสวี่ชิงหล่างมาเป็นเวลายาวนาน แม้กระทั่งใช้เวลาครั้งสุดท้ายร่วมกับพ่อแม่ของเขาอีกด้วย

ถ้าไม่ใช่เพราะสาวน้อยโลลิลงมือล่ะก็ บางทีตอนนี้สวี่ชิงหล่างยังสามารถ ‘กินข้าว’ ร่วมกับพ่อแม่ตัวเองและเพลิดเพลินกับความอบอุ่นของครอบครัวด้วยกันในทุกๆ คืนก็ได้

ร้านหนังสือของโจวเจ๋อปิดแล้วและเขาเก็บหนังสือทั้งหมดในร้านหนังสือลงกล่องจนหมดแล้ว เหลือแค่รอให้รถบรรทุกมาขนไปในวันพรุ่งนี้เท่านั้น

มีไป๋อิงอิงเป็นแรงงานที่พละกำลังประดุจวัวควายคนนี้และบวกกับถังซือผู้ ‘ควบคุมสิ่งของ’ คนนี้อีก ประสิทธิภาพของการเก็บสิ่งของนั้นจึงรวดเร็วมาก บาดแผลเถ้าแก่โจวหายดีไปเกินครึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ดีนัก ได้เพียงแค่ต้องยกกาน้ำชาและดื่มชาในร้านบะหมี่ข้างๆ มีความเหมือนเศรษฐีที่ดินเก่าที่เป็นเจ้าบ้านรวยๆ ในสังคมแบบเก่ามากทีเดียว

นักพรตเฒ่าและเจ้าลิงกำลังเล่นอยู่ในห้างสรรพสินค้าที่ไร้ผู้คนอยู่ทางด้านหลัง เจ้าลิงกับนักพรตเฒ่าสนิทกันมาก คนหนึ่งคนกับลิงหนึ่งตัวสามารถเล่นด้วยกันได้

ที่นี่ไม่มีป่าดงพงไพร แต่ศูนย์กลางการค้าที่ว่างเปล่าด้านหลังนั้นเพียงพอที่จะให้เจ้าลิงวิ่งเล่นสนุกสนานได้

ดื่มชาและดูพระอาทิตย์ข้างนอกค่อยๆ ตกดิน สวี่ชิงหลางที่นั่งดูโทรศัพท์ มองไม่ออกถึงความโศกเศร้าสักเท่าไร และแน่นอนว่าก็ไม่ได้ดูมีความสุขอะไร

โชคดีที่ ในที่สุดในเวลานี้มีแขกเข้าร้านแล้ว

นี่คือแขกคนแรกของวันนี้ และไม่แปลกใจเลยที่แขกคนนี้จะเป็นแขกคนสุดท้ายในวันนี้ด้วย

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่โจวเจ๋อได้นั่งแท็กซี่ แล้วขอให้คนขับรถหาสถานที่ที่อัปมงคลให้ตัวเองหน่อย ปรากฎว่าภายหลังคนขับรถขับพามาถึงที่นี่ ความนิยมเพียงน้อยนิดที่เหลืออยู่ที่นี่ก็ถูกกวาดล้างไปจนเกลี้ยงมาตั้งนานแล้ว

เดิมทีคนที่จะไปทำงานหรือเลิกงานแล้วต้องผ่านทางนี้ ก็เลือกที่อ้อมไปอีกทาง

นี่ก็เป็นสาเหตุที่โจวเจ๋อตัดสินใจย้ายที่อยู่

ผู้มาเยือนสวมชุดสูท แต่ผมยุ่งเหยิงและชุดสูทนั้นก็มอมแมมเล็กน้อย ดูไม่เหมือนคนทำงานออฟฟิศ ดูเหมือนคนว่างงานมากกว่า แต่ทว่าตัวชุดสูทนั้นกลับมีราคาแพงโขทีเดียว

“รับอะไรดีครับ” สวี่ชิงหล่างลุกขึ้นเอ่ยถาม

“ทำอะไรก็ได้ที่ถนัดมาสักสองสามอย่าง แล้วก็เอาเบียร์เสวี่ยฮัวมาหนึ่งขวด ขอแบบเย็นนะครับ”

“ครับผม”

สวี่ชิงหล่างหยิบเบียร์ให้เขาก่อนแล้วเข้าไปทำอาหารในครัว

อีกฝ่ายนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโจวเจ๋อ มีเพียงทางเดินกั้นอยู่

อีกฝ่ายเหลือบมองร้านบะหมี่แล้วพูดขึ้น

“จะย้ายร้านแล้วใช่ไหมครับ”

“ดูออกด้วยเหรอครับ” โจวเจ๋อรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

“ดูออกสิครับ ก็เพิ่งจะทำความสะอาดไป ร้านเปิดอยู่ในที่ที่ห่างไกลและอ้างว้างแบบนี้ ใครจะมีกะจิตกะใจทำความสะอาดอย่างพิถีพิถันได้ขนาดนี้ล่ะ แค่ดูก็รู้ว่าเตรียมจะย้ายออก”

ชายหนุ่มหยิบบุหรี่มาหนึ่งมวน จุดไฟ จากนั้นเขี่ยบุหรี่ลงบนโต๊ะอาหารทันที

หลังจากนั้นไม่นาน สวี่ชิงหล่างก็ยกจานแรกเข้ามาเสิร์ฟ อีกฝ่ายหนึ่งมองสีอาหารในจาน ส่ายหัวแล้วพูดขึ้น

“เถ้าแก่ อาหารที่คุณทำดูไม่น่ากินเท่าคุณเลยจริงๆ”

“กินข้าวของคุณไปเถอะ” สวี่ชิงหล่างตอบอย่างใจเย็น

นี่เป็นนิสัยการทำธุรกิจของผู้ชายที่มีห้องชุดมากกว่ายี่สิบห้อง

ชายหนุ่มหยิบตะเกียบขึ้นมากินไปหนึ่งคำ จากนั้นก็คายออกมา “อาหารจานนี้ไม่ได้ใส่ใจทำ รสชาติไม่ได้มาตรฐาน”

สวี่ชิงหล่างกลับไปทำจานต่อไปที่ห้องครัวแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ยินคำที่ชายคนนั้นพูดกับตัวเอง

“ผมว่าฝีมือของเขาไม่เลวเลยนะ” โจวเจ๋อพูด

“ไม่เลวงั้นเหรอ” ชายหนุ่มยื่นมือมาตบโต๊ะเบาๆ “ทำกับข้าวเหมือนเล่นขายของ ยังเรียกว่าไม่เลวได้อย่างนั้นเหรอ”

เมื่อพูดจบ ชายหนุ่มใช้ฟันกัดเปิดฝาขวดเบียร์ ‘อึกๆ’ ดื่มลงไปอึกใหญ่ “ดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง แต่ทำอาหารเน้นเอาประสบการณ์ชีวิต อาหารจานนี้เลยทำออกมาได้ไร้ความจริงใจเสียเหลือเกิน”

“ถ้าคุณจะหาร้านอาหารที่มีความจริงใจ คงจะยากนะครับ”

“โอ้ พวกคุณสองคนมีความสัมพันธ์อะไรกันน่ะ ผมบอกว่าเขาทำอาหารไม่อร่อย แล้วจู่ๆ ทำไมคุณถึงพุ่งเป้ามาที่ผมได้ล่ะ”

ชายหนุ่มชี้โจวเจ๋อ แล้วก็ชี้ไปที่ห้องครัว และหัวเราะแบบไม่มีเสียง

“โอ้ มีลับลมคมในนะเนี่ย”

โจวเจ๋อคร้านจะสนใจเจ้านี่อีก สาเหตุที่เริ่มคุยก่อนหน้านี้ ก็เพราะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาผู้ชายคนนี้อยู่บ้าง คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอที่ไหนสักที่มาก่อน

แน่นอนว่าน่าจะเป็นเรื่องในชาติที่แล้วของตัวเอง

“น่าขยะแขยง คุณคิดว่าผมน่าขยะแขยงมากใช่ไหม ชีวิตของคนน่ารังเกียจ ได้อยู่สุขสบายยิ่งกว่าอีกและผมรู้สึกว่าชีวิตของคุณไม่น่าจะสุขสบายขนาดนั้นนะ ที่นั่งจิบชาอยู่ตรงนั้นดูเหมือนคนมีสติปัญญามาก แต่ก็เป็นพวกที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นเหมือนกัน มนุษย์เนี่ย ตราบใดที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ก็จะใช้ชีวิตอยู่แบบไม่เบิกบานใจกันนักหรอก”

ชายหนุ่มดื่มเบียร์อีกหนึ่งอึก มองโจวเจ๋อแล้วยิ้มตาหยี

“อ้อ ร้านหนังสือข้างๆ น่าจะเป็นของคุณสินะ จะปิดร้านเหมือนกันเหรอ” ชายหนุ่มชี้ไปที่ร้านข้างๆ “ตอนที่ผมเพิ่งเดินผ่านมา เห็นของในประตูกระจกเก็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

“ใช่ จะย้ายบ้านแล้ว”

“ฟ้องหรือยัง” ชายหนุ่มหรี่ตาพลางถามโจวเจ๋อ

“ฟ้องอะไรครับ”

“ต้องขอโทษด้วยครับ เราไม่สนใจเรื่องนี้” โจวเจ๋อปฏิเสธไป

“ไม่สนใจเงินหยวน หรือว่าพวกคุณสนใจเงินกระดาษกันล่ะ”

ทนายตู้เอามือกุมท้องหัวเราะจนตัวโยก จากนั้นลุกขึ้นยืน ยื่นมือชี้ไปที่โจวเจ๋อและสวี่ชิงหล่าง

“ได้เงินกลับไม่เอา โง่ทั้งคู่”

พูดจบ เขาก็ล้วงกระเป๋าพร้อมเอาเงินหนึ่งร้อยหยวนวางบนโต๊ะ

“อาหารรสชาติแย่มาก ไม่ต้องทอนนะ”

หลังจากพูดจบ ก็หยิบเบียร์ที่เหลืออยู่ก้นขวด เดินโซเซออกจากร้านไป

“ผู้ชายคนนี้ประสาทหรือเปล่าเนี่ย” สวี่ชิงหล่างพูดขณะเดียวกันก็เก็บโต๊ะไปด้วย “ช่างเถอะ ปิดร้านแล้ว อีกหน่อยจะทำกาแฟและขนมด้วย”

“เมื่อก่อนเขาค่อนข้างเก่งเลยทีเดียว” โจวเจ๋อพูด

“คุณชื่นชมเขาขนาดนี้เลยเหรอ”

“ไม่ได้ชื่นชม ในสายอาชีพสามารถบรรลุถึงระดับที่โดดเด่นที่สุดของภูมิภาคและยังเป็นที่เซี่ยงไฮ้อีก เป็นคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริง นายรู้ไหมว่าคดีที่โด่งดังที่สุดของเขาคืออะไร”

“คุณพูดมาสิ”

“คดีฆาตกรรมผู้เยาว์ในบ้าน อัยการอ้างว่ามีหลักฐานมากมาย และเพราะครอบครัวของผู้ต้องสงสัยได้เชิญเขาเป็นทนายจำเลยด้วยราคาสูงลิ่ว จนสุดท้ายเขาชนะคดีได้สำเร็จจริงๆ ผู้ต้องสงสัยพ้นผิดและได้รับการปล่อยตัวในที่สุด”

“แล้วสรุปว่าเด็กคนนั้นฆ่าคนจริงๆ หรือเปล่า” สวี่ชิงหล่างถาม

โจวเจ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็พยักหน้า “คงจะฆ่านั่นแหละ”

“คนที่หน้าเงินแบบนี้ ยังอยู่รอดในวงการนี้ได้อีกเหรอ”

“อยู่รอดแล้วยิ่งได้ดีมากขึ้นน่ะสิ เพราะคนรวยและบริษัทใหญ่ๆ ต้องการทนายความที่สามารถช่วยให้พวกเขาชนะคดีและปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง ไม่ใช่ทนายความที่เอาแต่พูดถึงแต่มโนธรรมเท่านั้น”

“ผมเข้าใจหลักการนี้” สวี่ชิงหล่างบิดขี้เกียจแล้วชี้ไปที่ด้านหลังของชายขี้เมาที่ดื่มเบียร์ ทำตัวบ้าๆ บออยู่ข้างนอกนั้นที่ค่อยๆ เดินห่างออกไปด้วยความสงสัยใคร่รู้

“แล้วทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้อยู่รอด จนกลายเป็นคนสำมะเลเทเมาแบบนี้ไปได้ และถึงกับเจาะจงให้พวกเราจ้างเขาสู้คดีถึงที่สุดเลย”

โจวเจ๋อดื่มชาหนึ่งอึกพลางเอ่ยอย่างช้าๆ

“ต่อมาถูกผู้เยาว์ที่พ้นผิดและถูกปล่อยตัว ได้เข้าไปในบ้านและทำการฆาตกรรมคนอีกครั้ง เหตุการณ์ไม่คาดคิดคือ ที่เข้าไปนั้น ดันเป็นบ้านของทนายใหญ่ตู้คนนี้ ภรรยาและลูกสาวของเขาถูกฆาตกรรมในวันนั้นนั่นเอง”

………………………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล