บทที่ 111 รอยแยกมิติใหม่!
วันเวลาค่อยๆไหลผ่านไป
เงาสีโลหิตพุ่งเข้ามาในบ้านของเย่เทียน ท่ามกลางสายตาที่คุ้นชิน เงาร่างนี้ก็คือเสียวเสวี่ยน!
หลายวันมานี้ เย่เทียนใช้เวลาไปกับการสร้างแผ่นจานค่ายกลอย่างบ้าคลั่งและเสียวเสวียนก็ถูกเย่เทียนส่งออกไปสืบหาข้อมูล และมันจะกลับมาในช่วงเวลานี้ของทุกๆวัน
“เสี่ยวเสวียน กลิ่นอายของเจ้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เจ้าแอบไปกินเลือดสัตว์อสูรมากมายขนาดไหนกัน?”เย่เทียนถาม
“ข้าแค่กินไปนิดหน่อยเท่านั้น!”
เสี่ยวเสวียนรีบปฏิเสธทันที
“นิดหน่อยของเจ้า มันเท่าไหร่?” เย่เทียนหัวเราะ
“มีสัตว์อสูรระดับสูงเพียงไม่กี่ร้อยตัว สัตว์อสูรชั้นยอด 7-8 ตัว!”
เสี่ยวเสวียนกล่าว
“นี่ยังเรียกว่านิดหน่อยอีกเหรอ?” เย่เทียนกลอกตาใส่ ก่อนจะพูดต่อว่า
“ตรวจสอบแล้วได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง?”
เสี่ยวเสวียนตอบอย่างจริงจังว่า “ข้าสังเกตจากฟากฟ้าเห็นว่ามีสัตว์อสูรจํานวนมากรวมตัวกันอยู่ทางทิศตะวันออก และข้ายังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวมากมายข้าไม่กล้าเข้าใกล้และห่างออกไปประมาณ 30,000 กิโลเมตรทางทิศตะวันออกจากฐานทะเลมารข้ายังเห็นรอยแยกมิติและสัตว์อสูรจํานวนมากโผล่ออกมาจากรอยแตกมิตินั้น ”
“รอยแยกมิติ!
เย่เทียนตกใจ
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทําไมคลื่นสัตว์อสูรถึงปะทุขึ้น ทุกอย่างเกิดจากรอยแยกมิติ
“เป็นเช่นนี้เอง ผู้ฝึกยุทธของฐานทะเลมารต้องพบรอยแยกมิตินี้แล้วอย่างแน่นอนคาดว่าน่าจะเป็นรอยแยกมิติที่เพิ่งเกิดขึ้น ระยะทาง30,000 กิโลเมตรดูเหมือนจะไกลมากแต่ในสายตาของระดับราชามันไม่ได้ไกลขนาดนั้นฐานทะเลมารอยู่ใกล้กับฐานหลินไห่ ดังนั้นรอยแยกมิติที่อยู่ห่างจากฐานทะเลมารประมาณ30,000 กิโลเมตรระยะทางนี้อันตรายมากสําหรับฐานทะเลมาร
เย่เทียนพึมพํา
รอยแยกมิติใหม่นี้ คือหายนะสําหรับฐานทะเลมารและฐานทัพใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียงแน่นอนหากไม่ระวังให้ดีก็อาจถึงขั้นถูกทําลายได้เลย เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะสามารถสังหารสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่ออกมาจากรอยแยกมิติได้
แต่มันจะเป็นไปได้หรอ?
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจที่มาของรอยแยกมิติ แต่จากวิกฤติบนโลกที่เกิดขึ้นก็มาจากรอยแยกมิติเขาเชื่อว่าด้านในของรอยแยกมิตินี้จะต้องเป็นรังของสัตว์อสูรอย่างแน่นอนหากต้องการควบคุมรอยแยกมิติก็จําเป็นต้องฝ่าเข้าไปอีกด้านของรอยแยก
ซึ่งมันเป็นเรื่องยากเกินจินตนาการ
“เราไม่จําเป็นต้องคิดมากขนาดนั้น สิ่งสําคัญคือการปกป้องฐานหลินไห่ไว้!”
เย่เทียนไม่ได้คิดถึงรอยแยกของมิติอีกต่อไป เขาให้เสี่ยวเสวียนออกจากฐานหลินไห่เพื่อสังเกตฝูงสัตว์อสูรจากบนท้องฟ้าเมื่อฝูงสัตว์อสูรหลั่งไหลเข้ามาเสี่ยวเสวียนจะรีบมารายงานเขาทันที
หลังจากเสี่ยวเสวียนจากไป เย่เทียนก็ไม่ได้สร้างค่ายกลอีก ของสิ่งนี้เพียงพอแล้วต่อให้มากไปก็ไร้ประโยชน์
เย่เทียนเริ่มฝึกฝนทุกๆวัน เขาต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้ ดังนั้นการเพิ่มความแข็งแกร่งอีกเล็กน้อยจึงเป็นเรื่องดี มันดีกว่าการเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
เหล่าผู้อาวุโสของฐานหลินไห่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจพวกเขาเริ่มสร้างทีมนักรบขึ้นมาใครก็ตามที่อยู่ในระดับนักรบขึ้นไปพวกเขาจะบังคับให้เข้าร่วมไม่สามารถขัดขืนได้
นอกจากนี้ยังสั่งให้คนธรรมดาเริ่มขุดอุโมงค์
สัตว์อสูรที่สามารถเคลื่อนที่ได้ใต้ดินนั้นหาได้ยากยิ่ง ดังนั้นการขุดอุโมงค์จํานวนมากจะช่วยให้คนธรรมดาและเด็กเล็กหลบภัยได้
แม้ว่าฐานหลินไห่จะถูกทําลาย แต่หากโชคดีพวกเขาอาจจะรอดชีวิตจากการซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์และนี่ก็เป็นหนึ่งในความหวังของพวกเขา!
อาจกล่าวได้ว่าฐานหลินไห่ในตอนนี้ได้เตรียมการเท่าที่ทําได้จนเสร็จสิ้นแล้ว
สามวันผ่านไป
เสียวเสวียนบินกลับมาและบอกเล่าถึงความเคลื่อนไหวของฝูงสัตว์อสูร
“นายท่าน ฝูงสัตว์อสูรกําลังเคลื่อนที่มุ่งหน้าสู่ทุกทิศทาง มีฝูงสัตว์อสูรกลุ่มเล็กจะมาถึงฐานหลินไหในเร็วๆนี้!”เสี่ยวเสวียนรายงานนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องการรู้มากที่สุดหากมีสัตว์อสูรราชาอยู่ล่ะก็มันคงจะยุ่งยากกว่าเดิมมากความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรระดับราชานั้นไม่ใช่สิ่งที่สัตว์อสูรชั้นยอดจะเทียบได้
หากเป็นอสูรราชาที่อ่อนแอมันก็ไม่เป็นไรมากนัก เพราะความเร็วของเย่เทียนในตอนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าสัตว์อสูรระดับราชา พลังโจมตีของเขาก็เหนือกว่าปรมาจารย์มากเทียบได้กับระดับราชาแล้วดังนั้นเขาจึงสามารถต่อสู้กับเจ้าสัตว์อสูรระดับราชาหรือแม้แต่ฆ่าสัตว์อสูรราชาที่อ่อนแอได้
สิ่งที่เขากลัวคือสัตว์อสูรระดับราชาที่แข็งแกร่ง เพราะความแตกต่างระหว่างเขากับมันนั้นมีช่องว่างค่อนข้างมาก
“มีสัตว์อสูรระดับราชาเพียงตัวเดียว แต่มีสัตว์อสูรชั้นยอดประมาณ 100 ตัว และสัตว์อสูรระดับสูงมีประมาณหมื่นตัวและสัตว์อสูรระดับกลางและระดับต่ำอื่น ๆ อีกหลายแสนตัว!”เสี่ยวเสวี่ยนพูดตัวเลขที่น่าตกใจออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์