บทที่ 115 ฆ่าสัตว์อสูรระดับราชา ในค่ายกล!
[****เปลี่ยนปรมาจารย์ด้านค่ายกล เป็นจอมเวทย์ค่ายกล ]
บรรพบุรุษตระกูลหยุนกลับมาแล้ว!
เมื่อได้ยินข่าวนี้ แม้แต่เย่เทียนก็มีสีหน้ายินดี
เมื่อบรรพบุรุษตระกูลหยุนกลับมา อย่างน้อยฐานทัพทะเลมารก็ยังสามารถ ปกป้องไว้ได้ นี่เป็นเรื่องดีสําหรับเย่เทียน เขาไม่ต้องการให้ฐานทะเลมารถูกทําลาย เขาไม่อยากจะต้องพาน้องสาวหนีไป
ไม่นานข่าวการกลับมาของบรรพบุรุษตระกูลหยุนก็แพร่กระจายไปทั่วฐาน ทะเลมาร เหล่าผู้อาวุโสของฐานทะเลมารถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในเวลานี้พวกเขาสูญเสียไปไม่น้อยแล้ว ไม่รู้ว่ามีปรมาจารย์ตายไปมากน้อยเพียงใด กระทั่งระดับราชาก็ยังตกตายไปหลายต่อหลายคน
หากบรรพบุรุษตระกูลหยุนยังไม่กลับมาอีก เกรงว่าเหล่าสัตว์อสูรคงรอไม่ไหวที่จะโจมตีเต็มกําลัง เมื่อถึงตอนนั้นสัตว์อสูรราชาไร้เทียมทานจะต้องลงมือด้วย ตนเองอย่างแน่นอน ฐานทัพทะเลมารก็จะตกอยู่ในอันตราย
ในวันถัดมาเมื่อบรรพบุรุษตระกูลหยุนกลับมาถึง เย่วหลิงบอกเย่เทียนว่าตระ กูลหยุนได้ปรึกษากับกองกําลังใหญ่อื่น ๆ เพื่อเตรียมตอบโต้สัตว์อสูรและขับไล่สัตว์อสูรให้ถอยออกไปเพื่อขจัดวิกฤติของฐานทัพทะเลมาร
และในสงครามครั้งนี้ ผู้ฝึกยุทธระดับสูงทุกคนต้องเคลื่อนไหว แม้แต่จอม เวทย์ค่ายกลอย่างเย่เทียนก็ต้องลงมือ เพราะในสนามรบมีเพียงจอมเวทย์ค่ายกลเท่านั้นที่จะสามารถดึงพลังที่แท้จริงของค่ายกลออกมาใช้ได้
วันถัดมา
เย่เทียนตามกองกําลังของผู้ฝึกยุทธเข้าสู่สนามรบ กองทัพในครั้งนี้มีผู้ฝึก ยุทธ์ระดับสูงมากกว่าหนึ่งแสนคนกินพื้นที่รัศมีพันลี้ แต่เมื่อเทียบกับกองทัพสัตว์ อสูรแล้ว จํานวนผู้ฝึกยุทธของฝั่งมนุษย์ก็ยังด้อยกว่ามาก
แต่มนุษย์ก็มีข้อได้เปรียบเช่นกัน เช่น สามารถใช้อาวุธเวทย์ ค่ายกล ไอเท็ม ในการรักษา และสติปัญญาที่สูงกว่า เป็นต้น
ดังนั้นความแตกต่างระหว่างจํานวนจึงไม่ได้มีผลกระทบมากนัก การต่อสู้ที่แท้จริงคือการต่อสู้ระดับราชา โดยเฉพาะการต่อสู้ระหว่างราชาไร้เทียมทานและอสูร ไร้เทียมทาน ซึ่งก็คือบรรพบุรุษตระกูลหยุนและอสูรราชาไร้เทียมทาน ระหว่างพวกเขาทั้งสองใครฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะ จะก็เป็นการชี้ชะตาของสงคราม
ท่ามกลางท้องฟ้า
บรรพบุรุษตระกูลหยุนปรากฏตัวขึ้น เขาสวมชุดคลุมสีขาว รูปร่างของเขาดู อ่อนเยาว์ราวกับคุณชายผู้สง่างาม
บรรพบุรุษตระกูลหยุน หยุนเมิ่งหลี่เป็นชื่อที่เหมือนผู้หญิง แต่พลังการต่อสู้ ของเขาโดดเด่นมาก ตอนอยู่ในระดับปรมาจารย์เขาได้สังหารสัตว์อสูรระดับราชา ไปสามตัวในสงครามเดียว หลังจากก้าวเข้าสู่ระดับราชา เพียงสิบปีเขาก็กลาย เป็นผู้ไร้เทียมทานในระดับราชาด้วยกัน หลังจากนั้นเขาก็เก็บตัวฝึกฝนและไม่สนใจโลกภายนอก
ไม่มีใครรู้ว่าเขาออกจากฐานทะเลมารไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะ“ถอยกลับไป!”
หยุนเมิ่งหลี่ตะโกนอย่างเย็นชา
เขากําลังบอกวานรสีทองว่าให้มันนํากองทัพของมันกลับไป อย่างไรก็ตามวานรสีทองกลับหัวเราะราวกับกําลังเยาะเย้ยหยุนเมิ่งหลี
โดยไม่พูดพร่ําทําเพลง การต่อสู้ก็เปิดฉากขึ้นทันที!
ตูม!!!!
สิ่งมีชีวิตไร้เทียมทานทั้งสองปะทะกันกลางอากาศอย่างดุเดือด ที่ความสูงบนพื้นดิน ผู้ฝึกยุทธและสัตว์อสูรกําลังต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง ภาพที่เกิดขึ้นน่า สยดสยองอย่างมาก ทั่วทั้งสนามรบตอนนี้ราวกับกลายเป็นโรงบดเนื้อ แม้แต่ปรมาจารย์ก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะรอดชีวิตกลับไป
เย่เทียนได้ร่วมมือกับจอมเวทย์ค่ายกลของตระกูลเย่วเปิดใช้งานค่ายกล กระบวนทัพระดับสูงครอบคลุมรัศมีนับ 10 ลี้ สังหารฝูงสัตว์อสูรอย่างบ้าคลั่ง ซากศพของสัตว์อสูรกองอยู่เต็มพื้น แม้แต่สัตว์อสูรระดับสูงก็ยังไม่สามารถทน ได้นานนักภายใต้การโจมตีของค่ายกลระดับสูง
“น้องชายเย่เทียน ไปพักก่อนเถอะ คุณควบคุมค่ายกลมาครึ่งชั่วโมงแล้ว คง สูญเสียพลังจิตและพลังปราณไปมาก ให้ฉันรับช่วงต่อเถอะ!”
ชายคนหนึ่งกล่าว
เขาเป็นจอมเวทย์ค่ายกลขั้นกลางจากตระกูลเย่ว ชื่อของเขาคือ ‘เย่วไหล’ แต่ ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับนักรบผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ดังนั้นพลังปราณของเขาจึงหมดไปภายในไม่กี่นาที และต้องออกไปพักผ่อน
ตอนนี้เขาฟื้นตัวแล้ว
“ผมไม่เป็นไร คุณไปช่วยจอมเวทย์ค่ายกลคนอื่นๆเถอะ!”
เย่เทืยนกล่าว
เขาไม่ได้โกหก แม้ว่าการควมคุมค่ายกลระดับสูงจะผลาญพลังปราณและ พลังจิตของเขาไปไม่น้อย แต่ใต้ฝ่าเท้าของเย่เทียนก็เต็มไปด้วยซากศพของสัตว์อสูรรวมไปถึงเลือดของสัตว์อสูรจํานวนมากที่อาบย้อมอยู่ทั่วบริเวณ
เขาจึงแอบกระตุ้นพรสวรรค์กลืนกินโลหิตเพื่อดูดซับพลังโลหิตเหล่านั้นมาฟื้นฟูความแข็งแกร่งและพลังชีวิตของเขา แม้ว่าเขาจะฝืนใช้พลังชีวิตเพื่อเปิดใช้งานค่ายกล เขาก็สามารถเติมเต็มมันได้อย่างรวดเร็ว
ปรมาจารย์ของตระกูลเย่วสามารถฆ่าสัตว์อสูรจํานวนมากด้วยการพึ่งพารูป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์