ซูเฉินและหลิวอี้อี้ไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนตามอยู่ด้านหลัง พวกเขาทั้งสองคนเดินเล่นกันราวกับเป็นคู่รัก
เดิมทีก่อนที่ซูเฉินจะกลับมหาวิทยาลัย หลิวอี้อี้ค่อนข้างจะมีความคิดที่ต่อต้านมาก แต่เมื่อแยกกันหลายวัน บวกกับช่วงที่ผ่านมาก็มีผู้อำนวยการหลี่มาวุ่นวาย จู่ๆเธอก็รู้สึกว่า ตัวเธอเองไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับที่ตัวเองคิดไว้
ทุกครั้งที่ผู้อำนวยการหลี่เข้าหาเธอ หลิวอี้อี้ก็จะคิดว่า ถ้าในตอนนี้มีผู้ชายซักคนมาคอยดูแลปกป้องเธอ ก็คงดีไม่น้อย
และตอนที่เธอกำลังคิดอยากให้มีผู้ชายซักคนมาคอยดูแลเธออยู่นั้น ใบหน้าที่ปรากฏขึ้นมาในสมองของเธอก็ไม่ใช่คนอื่น ก็คือซูเฉินนี่เอง ดังนั้นครั้งนี้เมื่อได้เจอซูเฉินแล้ว หลิวอี้อี้ก็เลยไม่ได้ต่อต้านเหมือนแต่ก่อน แต่เธอกลับเหมือนเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง รู้สึกว่าช่วงเวลาที่ได้อยู่กับซูเฉิน ไม่ต้องมาคอยคิดกังวลหรือเป็นห่วงอะไร รู้สึกมีความสุข
ซูเฉินเองก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหลิวอี้อี้ ถึงแม้เขาเองจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เขาเองก็ไม่โง่ไปถามหลิวอี้อี้
เพราะความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนไม่ได้ก่อตัวขึ้นง่ายๆ เกิดเขาไปถามหลิวอี้อี้ทำให้เธอสะเทือนใจและรู้สึกอายขึ้นมา งั้นก็เสียเปล่า
ดังนั้นซูเฉินก็เลยจับมือหลิวอี้อี้อย่างมั่นคง บางครั้งก็แสร้งทำเป็นโอบเอวเล็กๆของเธอ บางครั้งก็เอามือตีไปที่สะโพกงอนๆของเธอเบาๆ สรุปแล้วก็คือเขาชอบแอบแต๊ะอั๋งหลิวอี้อี้
เดิมทีหลิวอี้อี้ก็รู้สึกอายมาก แต่หลังจากที่เห็นสีหน้าท่าทางร้ายๆเจ้าเล่ห์ๆของซูเฉินแล้ว จู่ๆเธอก็ปฏิเสธที่จะอยู่ห่างจากซูเฉินไม่ได้
เพราะทุกครั้งที่เวลาเธอมีปัญหา ก็ซูเฉินนี่แหละที่ไปช่วยเธอ ถ้ายังทำเป็นเพิงเฉยใส่เขาต่อไป เกิดเขาหายไปจากโลกของเธอขึ้นมา แล้วจะทำอย่างไร?
ช่วงระยะเวลาสั้นๆไม่กี่วันที่ผ่านมา จู่ๆก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นกับหลิวอี้อี้
เธอไม่ได้รู้สึกอยากจะมีความสุขตลอดไป มีความสุขชั่วนิรันดร์อะไรอีกแล้ว เธอเพียงแค่รู้สึกว่ารักษาความสุขในปัจจุบันไว้ นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด
สิ่งที่ไม่รู้ก็คือ ปฏิกิริยาท่าทางที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือของพวกเขาทั้งสองคน โดนผู้อำนวยการหลี่ใช้โทรศัพท์แอบถ่ายไว้จากด้านหลัง
มาถึงชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้า ทั้งสองคนได้ซื้อตั๋วหนังรัก และเดินเข้าโรงหนังไป ผู้อำนวยการหลี่รอจนพวกเขาเดินเข้าไปแล้ว ตัวเองก็ไปซื้อตั๋วหนังเลือกที่นั่งหลังสุดมาหนึ่งใบ และค่อยๆเดินตามเข้าไป
วันนี้เป็ฯวันพุธ คนในโรงหนังมีไม่เยอะ หลังจากที่ผู้อำนวยการหลี่เข้าไปแล้ว เขาก็พยายามหาว่างหลิวอี้อี้และซูเฉินนั่งตรงไหน
ไม่นาน หนังก็เริ่มฉาย เริ่มแรกทุกคนก็ตั้งใจดูหนังเป็นอย่างดี แต่เมื่อถึงฉากที่พระเอกนางเอกสารภาพรักกัน คู่รักที่อยู่ในโรงหนังก็เริ่มซาบซึ้ง บางคู่ก็จับมือกันและกัน บางคู่ก็พูดคำสัญญากัน และบางคู่ก็จูบกัน
ส่วนข้างๆซูเฉินและหลิวอี้อี้ มีคู่รักคู่หนึ่งกำลังจูบกันอย่างเร่าร้อน
เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้น ซูเฉินก็เริ่มรู้สึกอยากขึ้นในใจ ก่อนหน้านี้ที่เขาและจ้าวซีมาดูหนังด้วยกัน มือก็มักจะอยู่ไม่นิ่ง ตอนนี้คนอื่นมาทำมือไม่นิ่งยุกๆยิกๆอยู่ข้างๆตัวเอง ส่วนตัวเขาเองก็หวังเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว จะทำจิตใจให้สงบได้อย่างไร?
"หลิวอี้อี้" เวลาอยู่ในที่สาธารณะ ซูเฉินจะไม่เรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เพราะแบบนั้นมันดูความสัมพันธ์แปลกๆ
แต่ถ้าพูดถึงในความสัมพันธ์จริงๆ หลิวอี้อี้หย่ากับซูเจิ้งแล้ว ส่วนซูเจิ้งและซูเฉินก็ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกันเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นหลิวอี้อี้ก็ไม่ได้เป็นพี่สะใภ้ของเขาแล้ว
"ทำไม?" หลิวอี้อี้รู้ว่าซูเฉินเริ่มมีความคิดอะไรแล้ว แต่กลับไม่เปิดเผยออกมา
"ริมฝีปากของผมค่อนข้างแห้ง....." ซูเฉินพูด
หลิวอี้อี้ถามว่า "จะดื่มโค๊กหรอ?"
"โค๊กยิ่งดื่มแล้วยิ่งกระหาย" ซูเฉินพูด เขาก้มหน้าไปพูดข้างหูหลิวอี้อี้เบาๆว่า "ผมอยากกินน้ำลายของพี่"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แอบรัก