"หลิวอี้อี้ คุณยังมีหน้ามาเจอผมอีกนะ?" หลังจากนั่งลง ซูเจิ้งก็พูดออกมาด้วยความโกรธ
"ซูเจิ้ง" หลิวอี้อี้สูดลมหายใจเขาลึกๆ และพยายามพูดเสียงเรียบๆ "ที่ฉันนัดคุณออกมาวันนี้ ไม่ใช่อยากจะทะเลาะกับคุณ"
ซูเจิ้งกัดฟัน อดกลั้นไม่ด่าหลิวอี้อี้ออกไป ตอนนี้เขารีบร้อนต้องการเงิน และก็มีเพียงหลิวอี้อี้ที่จะให้เขาได้ในตอนนี้
"ครั้งที่แล้วตอนที่ฉันทำสัญญาแบ่งทรัพย์สิน เดิมทีฉันตั้งใจจะยกบ้านให้คุณ....เพราะบ้านหลังนี้คุณก็ผ่อนตั้งแต่ก่อนแต่งงานและหลังแต่งงาน ฉันผ่อนน้อยมาก " หลิวอี้อี้พูด
แววตาของซูเจิ้งเปล่งประกาย สีหน้าก็ดีขึ้น
"แต่รถเป็นของฉัน ตอนนี้ฉันเองก็ต้องการเงิน" หลิวอี้อี้พูด
"รถSUVคันนี้เพิ่งซื้อมาได้แค่หนึ่งปี แต่มูลค่าไม่สูง ถ้าเอาไปขายมือสองก็น่าจะได้เงินแค่เจ็ดแปดหมื่นหยวนเท่านั้นเอง แต่บ้านหลังนั้นของซูเจิ้งที่มีสามห้องนอน สองห้องรับแขกราคาไม่เหมือนกับรถ อย่างน้อยๆมูลค่าก็ประมาณเก้าแสนหยวน
"ให้ผมเลย?" ซูเจิ้งถาม
ตอนนี้หลิวอี้อี้มีเงินสดประมาณเจ็ดแปดหมื่นหยวน ถ้าเธอเอารถไปขาย....ก็มีเงินพอที่เธอจะใช้ชีวิตได้ช่วงหนึ่ง
ถึงแม้การเอาบ้านคืนให้ซูเจิ้ง หลิวอี้อี้ค่อนข้างขาดทุน แต่ก็ไม่มีผิดถูก เพราะเธอจ่ายค่าบ้านไม่ค่อยเยอะ บวกกับตอนแต่งงานแล้วซูเจิ้งก็ช่วยเหลือครอบครัวหลิวอี้อี้ไว้เยอะ ดังนั้น การที่เธอขาดทุนก็เป็นการขาดทุนที่มีความสุข....ขอเพียงแค่เรื่องวุ่นวายนี้จบลงเร็วๆ อะไรก็คุ้มค่า
"ใช่ แต่....คุณต้องรับปากฉันเรื่องหนึ่ง" หลิวอี้อี้พูด
"อย่าไปหาเรื่องซูเฉิน เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงหนังเป็นแค่อุบัติเหตุ ฉันกับเขาไม่ได้...." หลิวอี้อี้พูด และเธอก็รู้สึกอาย แต่ยังคงขมวดคิ้วพูดว่า " ฉันและซูเฉิน ยังไม่เคยมีความสัมพันธ์ในเรื่องนั้นด้วยกัน ต่อไป ฉันก็จะไม่ติดต่อเขาไปอีก"
ตอนนี้หลิวอี้อี้และซูเจิ้งหย่ากันแล้ว ซูเจิ้งและซูเฉินก็ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกัน ที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้ก็ได้
แต่หลิวอี้อี้ตัดสินใจที่จะไปแล้ว บางเรื่องพูดให้ชัดเจนดีที่สุด การทำแบบนี้มีแต่ผลดีต่อเธอ ซูเจิ้งและซูเฉินทั้งสามคน
"เห่อเห่อ ไม่มีอะไรกัน?" ซูเจิ้งยิ้ม และพูดว่า " คุณคิดว่าผมจะเชื่อคุณหรอ?ถ้าระหว่างคุณและซูเฉินไม่มีอะไรกันจริงๆ แล้วคุณจะถูกผู้อำนวยการหลี่ขู่ไปขึ้นเตียงได้ยังไง? หลิวอี้อี้ พวกเราเป็นสามีภรรยากัน คุณยั่วสวาทขนาดไหน ผมจะไม่รู้หรอ?"
"ซูเจิ้ง!" หลิวอี้อี้โกรธจนหน้าแดง เธอตบโต๊ะอย่างแรง และพูดว่า " ถ้าคุณทำแบบนี้ ฉันก็ถือว่ามาเสียเที่ยว"
พูดจบ หลิวอี้อี้ยืนขึ้นกำลังจะเดินออกไป ซูเจิ้งตกใจมาก รีบพูดว่า " ขอโทษ.....ขอโทษ ผมผิดเอง ผมพลั้งปาก......"
"เห่อ" หลิวอี้อี้รู้ว่าซูเจิ้งกลัวเรื่องบ้าน เธอก็เลยหัวเราะเบาๆและพูดว่า " คุณกลายเป็นคนโลภมากในทรัพย์สินตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?"
ตอนนั้นตอนที่พวกเขายังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แม้ว่าเรื่องความรักจะจืดชืด แต่หลิวอี้อี้รู้สึกว่าซูเจิ้งเป็นคนใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ใช่เป็นคนที่ทำเพื่อผลประโยชน์ แต่เห็นท่าทางหยาบคายของเขาในตอนนี้ หลิวอี้อี้ก็รู้สึกรังเกียจ
ซูเจิ้งชะงัก และพูดว่า "คุณไม่เคยผ่านชีวิตสิ้นหวังแบบผม คุณก็เลยไม่เขาใจ!"
หลิวอี้อี้มองซูเจิ้ง ไม่ได้พูดอะไร ช่วงที่ผ่านมาเธอก็ผ่านช่วงเวลาที่สิ้นหวัง แต่เธอก็ไม่ได้ปล่อยวางหมดอาลัยตายอยากแบบซูเจิ้ง ต่อให้ล้มลง เธอก็จะยืนขึ้นมาให้ได้
"ซูเจิ้ง คนเราไม่สามารถมีชีวิตอยู่กับอดีตได้" พูดจบ หลิวอี้อี้ก็หยิบโฉนดบ้านออกมาจากกระเป๋า และพูดว่า "ค่าโอนบ้านครั้งหนึ่งใช้เงินหลายหมื่นหยวน....ฉันไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น....ตอนนี้ฉันกรอกเอกสารไว้หมดแล้ว รอให้คุณหาเงินมาพอค่าโอนแล้ว ก็โทรมาหาฉัน ฉันจะไปโอนบ้านพร้อมกับคุณ"
"............." ซูเจิ้งขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าหลิวอี้อี้จะไม่ออกเงินค่าโอนบ้าน
แต่เมื่อคิดดูดีดีแล้ว การที่หลิวอี้อี้ไม่มีเงินจำนวนนี้ ก็เพราะช่วงเวลาที่แต่งงานด้วยกัน ของใช้ต่างๆในบ้านเธอเป็นคนซื้อทั้งหมด และยังค่าอาหารทั้งสามมื้อ ผู้หญิงยังต้องแต่งหน้าแต่งตัวอีก ตอนนี้หลิวอี้อี้มีเงินเก็บไม่กี่หมื่นก็ถือว่าดีมากแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แอบรัก