ตอน บทที่ 74 ซูเฉินและซูเจิ้ง จาก แอบรัก – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 74 ซูเฉินและซูเจิ้ง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการทรยศ แอบรัก ที่เขียนโดย หัวมันลู เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ซูเจิ้งเหมือนยังอยากจะพูดอะไร แต่เมื่อเห็ฯสีหน้าไม่ค่อยดีของหวังรุ่ย เขาก็เลยทำได้เพียงหุบปากเงียบ
"ยังไม่ไปอีก?" หวังรุ่ยพูด
"พี่....พี่รุ่ย" เมื่อซูเจิ้งเห็นหวังรุ่ยเก็บโฉนดบ้าน เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงม่ยินยอม
"เอกสารนี้อยู่ที่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ เสร็จภารกิจแล้วเดี๋ยวก็ต้องคืนให้นาย....หึ่ย นายยืมเงินได้ไม่ใช่หรอ เสาร์อาทิตย์นี้ถ้ายืมเงินห้าหมื่นหยวนมาคืนฉันได่ ก็ไม่ต้องเอาตัวภรรยเก่ามาให้ฉันแล้ว" หวังรุ่ยพูดจบ ก็ยิ้มแปลกๆ และพูดต่อว่า " แน่นอนว่า ถ้าเสาร์อาทิตย์นี้นายยังไม่คืนเงิน ดอกเบี้ยก็จะพอกพูนขึ้น"
ได้ยินคำพูดของหวังรุ่ย ซูเจิ้งก็รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ต่ในความเป็นจริงเขาไม่มีเวลาให้เศร้า ดูจากสายตาของหวังรุ่ยแล้ว เขาสามารถพุ่งตัวออกมาจากรถได้ทันที
ซูเจิ้งในตอนนี้ เหมือนขึ้นหลังเสือแล้วยากที่จะลง เขารู้สึกเสียใจที่เอาโฉนดที่ดินคืนมาจากหลิวอี้อี้
ถ้าจะให้แจ้งความ เขาก็ไม่กล้า เขาพอรู้ความมีอิทธิพลของหวังรุ่ยอยู่บ้าง อีกอย่าง เขาเองก็มีสัญญายืมเงินอยู่ที่หวังรุ่ย
ซูเจิ้งคิดลังเลอยู่ในใจ จู่ๆเขาก็กัดฟันและพูดออกมาว่า " ทำ!"
หลังจากหวังรุ่ยไปแล้ว ลูกน้องของเขาก็ถามว่า " พี่รุ่ย จะเอาเปรียบซูเฉินแบบนี้จริงหรอ?"
"เอาเปรียบ?" หวังรุ่ยยิ้มและพูดว่า " ผู้หญิงที่ชื่อหลิวอี้อี้คนนั้น หน้าตาสะสวยกว่าจางยู่เยอะ ถ้าเอาเธอมาได้ และยังไปหลอกใครหลายๆคนให้ติดกับดัก.....ส่วนเรื่องบ้าน.........
พูดแล้ว หวังรุ่ยก็หยิบโฉนดที่ดินขึ้นมาดู และพูดว่า " ในนี้ไม่ได้มีชื่อของซูเจิ้งเลย ถึงตอนนั้นหลิวอี้อี้ก็จะตกเป็นของฉัน หึหึหึ"
ลูกน้องของเขาได้ยินแบบนั้น ก็ยกนิ้วโป้งให้และพูดว่า " พี่รุ่ย
เหนือมากจริงๆ!"
"หึหึหึหึ!"
ในมือของหวังรุ่ยมีผู้หญิงแบบจางยู่อยู่ไม่น้อย มีหน้าที่หาเหยื่อมาให้เขา คนที่โดนหลอกแบบซูเจิ้งมีไม่น้อย ใช้เสน่ห์และตวามงามหลอกให้มาเล่นการพนันที่บ่อน เพื่ออยากให้คนพวกนั้นได้ลิ้มลองรสชาติความหวาน และหลังจากที่คนพวกนั้นติดงอมแงมแล้ว ก็จะหาวิธีหลอกเงินมาให้หมด ถ้ายังพอมีเหลืออยู่บ้านก็ให้ยืมเงินแต่คิดดอกเบี้ยสูงลิ่ว!
ถ้าปอกลอกคนพวกนั้นจนสะอาดหมดจดแล้ว หวังรุ่ยก็จะหาวิธีตัดแขนขาของพวกเขา และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ซูเจิ้งไม่กล้าแจ้งความ
................................
อีกด้านหนึ่ง หลิวอี้อี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะเจอกับปัญหา หลังจากเธอเคลียร์กับซูเจิ้งเสร็จเรียบร้อย เธอก็ไปทำหนังสือลาออกที่ออฟฟิศ
ถึงแม้เธอจะทำใจไม่ได้ที่ต้องไปจากที่ทำงานที่เธอทำงานมาแล้วสามปี แต่ตอนนี้ทุกสิ่งมันเปลี่ยนไปแล้ว หลิวอี้อี้ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้
เนื่องจากหลิวอี้อี้เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี หลังจากเกิดเรื่องแบบนี้ ผู้ใหญ่ก็ไม่ทำให้เธอต้องลำบากใจ หลังจากจัดการเรื่องเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้เงินเดือนของเดือนนี้กับเธอเลย
เสร็จเรียบร้อย หลิวอี้อี้ก็เอารถของเธอไปขายที่เต๊นรถมือสอง มีค่านายหน้านิดหน่อย ถ้ารถของเธอขายได้ เธอก็จะมีเงินประมาณหนึ่งแสนแปดหมื่นหยวน.....
เงินจำนวนเท่านี้ สำหรับผู้ชายโสดคนหนึ่ง ก็น่าจะเพียงพอต่อการจ่ายค่าสินสอดในการแต่งภรรยาเท่านั้น แต่สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว เอาไปใช้ชีวิตสามสี่ปีก็ไม่มีปัญหา อีกอย่าง หลิวอี้อี้ไม่ใช่ผู้หญิงที่กินจ่ายสุรุ่ยสุร่ายและไม่ขี้เกียจ
หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว เธอก็ไปอยู่บ้านของหยางถิงเพื่อรอให้รถขายได้ หลังจากนั้นเธอก็จะไป..........
ส่วนซูเจิ้ง ช่วงเวลานี้แน่นอนว่าเขาหาเงินมาจ่ายค่าโอนบ้านยังไม่ได้ ดังนั้นหลิวอี้อี้ก็เลยไม่คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก เธอคิดเพียงแต่ว่า ถ้าเธอจะไป เธอจะบอกลาซูเฉินอย่างไรดี?
ทุกครั้งที่คิดถึงเด็กผู้ชายคนนี้ หลิวอี้อี้ก็มักจะมีความรู้สึกว่าระหว่างเธอและเขาไม่มีโชคชะตาต่อกัน ราวกับว่าตอนฉันเกิดเธอยังไม่เกิด ตอนเธอเกิดฉันก็ดันแก่แล้ว ถึงแม้...เธอจะแก่กว่าซูเฉินแค่ไม่กี่ปี แต่ก็มีความรู้สึกเสียใจที่พลาดโอกาส
หลังจากข้อความนี้ถูกส่งมาได้ไม่กี่วินาที ก็มีอีกข้อความหนึ่งส่งเข้ามา " อี้อี้ ผมแค่อยากเจอคุณ"
หลังจากที่หลิวอี้อี้เห็นตัวอักษรไม่กี่ตัวนี้ จู่ๆน้ำตาเธอก็ไหลออกมา ในขณะที่เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีนั้น หยางถิงก็กลับมา
"ดูอะไรอยู่หนะ น้ำตาคลอเลย?" หยางถิงถอดรองเท้าส้นสูง หลังจากนั้นก็เดินเท้าเปล่ามาหาหลิวอี้อี้
หลิวอี้อี้รีบหันหน้าไปที่ไหล่และรีบเช็ดน้ำตา และพูดว่า " ไม่มีอะไร"
"หรอ?"ปกติหยางถิงก็ชอบแกล้งหลิวอี้อี้อยู่แล้ว เห็นสถานการณ์ก็รีบเดินมาตรงหน้าของหลิวอี้อี้ และมองไปที่โทรศัพท์ของเธอ และพูดว่า " ไอ้หยา ที่แท้ก็คิดถึงเด็กคนนั้นนี่เอง?"
เมื่อเห็นชื่อของซูเฉิน หยางถิงเองก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน มุมหนึ่งก็รู้สึกตื่นเต้นดี อีกมุมมหนึ่งก็แอบหึง
หยางถิงไม่ได้ต้องการแย่งซูเฉินกับหลิวอี้อี้ เพียงแค่ก่อนที่หลิวอี้อี้และซูเฉินสร้างความสัมพันธ์กัน เธอและซูเฉินขึ้นเตียงด้วยกันมาก่อนแล้ว เห็นท่าทางของหลิวอี้อี้ในตอนนี้ เธอก็รู้สึกสับสนและรู้สึกรอคอยอยู่ในจิตใจ
"เห้ ถ้าเธอชอบเด็กนี้จริงๆ งั้นเธอก็ไปเจอเขาสิ!" หยางถิงพูด
"ฉันตัดสินใจจะไปแล้ว....." หลิวอี้อี้พูดเบาๆ
"ดังนั้นก็ยิ่งควรไปเจอไง ไม่งั้น ถ้าเธอไปไม่ลาล่ะก็ จากระดับความหลงไหลในตัวเธอของเขา ฉันกล้าพูดได้เลยว่า มหาวิทยาลัยปีหนึ่งที่เขาเรียนมาต้องสูญเปล่าแน่ๆ!" หยางถิงพูด
"เขา.....ไม่ใช่ว่ามีแฟนหรอ?" หลิวอี้อี้พูดชี้แจง
"สายตาที่ซูเฉินมองเธอกับสายตาที่มองจ้าวซีมันต่างกันรู้มั้ย?" หยางถิงถอนหายใจเบาๆ หลังจากนั้นก็ถามว่า " ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเธอกลัวอะไรอยู่ ซูเฉินและซูเจิ้งไมมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกัน และเธอก็โสด....อ้อ จะหาผู้ชายที่เด็กกว่าตัวเองไม่กี่ปีไม่ได้หรอ? หรือว่า เธอจะทำตัวเหมือนนิยาย ที่หาแฟนเพื่อมาแต่งงาน?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แอบรัก