แฝดสี่บันดาลรัก นิยาย บท 3

“หม่ามี๊หนูเป็นใคร?” น้ำเสียงของจ้านอวี่หานเย็นลงทันที เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองถูกวางแผนเล่นงานเข้าให้แล้ว โดยเฉพาะผู้หญิง!

“หลินซวงฮะ”

หลินซวงเหรอ?

จ้านอวี่หานส่ายหน้า

เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้รู้จักผู้หญิงคนนี้

หลินซวงกลับมาที่ร้านกาแฟอีกครั้งและจอดรถปอร์เช่ไว้ที่โรงจอดรถ จากนั้นเธอก็สวมผ้ากันเปื้อนคาดเอวไว้

“ซวงเอ๋อร์!”

น้ำเสียงประหลาดใจของใครบางคนดังขึ้นจากนอกประตู “เธอไปล่วงเกินตระกูลจ้านได้ไง พ่อเรียกให้พวกเรารีบกลับไปเดี๋ยวนี้เลย เห็นบอกว่าตระกูลจ้านเรียกรวมคนมาซักไซ้เอาความใหญ่แล้ว!”

ที่แท้ก็เป็นหลินเฉียนผู้เป็นพี่ชายคนโตที่กำลังรีบเร่งเดินเข้ามา

“ห้าปีก่อนฉันถูกไล่ออกมาจากตระกูลหลินแล้ว ฉันไม่กลับไปหรอก!”

“แต่พ่อบอกว่าถ้าพี่ไม่เอาตัวเธอกลับไป เขาจะยกเลิกธุรกิจที่พี่ทำในตระกูลหลินทั้งหมด!”

“เลิกไปก็ดี!” หลินซวงไม่ไว้หน้าพี่ชายตัวเองเลยแม้แต่น้อย “จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าบูดๆ ของยัยผู้หญิงคนนั้นอีก!”

“แต่ครอบครัวพี่ยังต้องพึ่งธุรกิจของตระกูลหลินไว้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องนะ” หลินเฉียนเอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “ถ้าเลิกกิจการไป เธอจะให้พวกเราสามคนอดตายเหรอ?”

“พี่เปิดบริษัทเองไม่ดีกว่าเหรอ?” หลินซวงเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “พี่มีคอนเนกชั่นทางธุรกิจตั้งเยอะแยะขนาดนั้นจะอดตายได้ไง?”

“แต่พี่จะไปมีเงินทุนมากมายขนาดนั้นได้ไง?” หลินเฉียนระบายความคับข้องใจออกมาไม่หยุด “ผู้หญิงคนนั้นควบคุมทรัพย์สมบัติของพ่อไว้ทั้งหมดเลย!”

“ฉันจะให้ธนาคารปล่อยเงินกู้ให้พี่!” หลินซวงเอ่ยอย่างหงุดหงิด “บอกพี่ไปเป็นร้อยรอบแล้วว่าอย่าไปหวังพึ่งพ่อ พี่ก็ไม่เชื่อ!”

“ยังจะมาโม้อีก! เธอใหญ่มากนักเหรอ ที่แค่เอ่ยปากขอแล้วธนาคารก็จะให้เธอกู้น่ะ?”

“ห้าสิบล้านพอไหม?” หลินซวงหยิบโทรศัพท์ออกมา “เพื่อนฉันเพิ่งได้เป็นประธานธนาคาร เงินห้าสิบล้านโอนเข้าบัญชีได้ทุกเมื่อแหละ!”

“แป๊บ” หลินเฉียนรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงขึ้นมาบ้างแล้ว “เธอให้พี่คิดอีกหน่อย ถ้าเกิดขาดทุนแล้วจะเอาอะไรไปคืน?”

หลินซวงทำท่าจะบอกว่าถ้าขาดทุนก็ให้มาคิดที่ตัวเอง แต่ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเบอร์แปลกที่โทรเข้ามา

หลินซวงกดรับสาย “เดอะไนท์คอฟฟี่ค่ะ ต้องการสั่งอาหารหรือเปล่าคะ?”

น้ำเสียงเย็นเยียบดังขึ้นจากทางปลายสาย “ลูกชายคุณอยู่ในมือผม”

“ไอ้พวกต้มตุ๋นอย่างนายนี่ก็ว่างเกิน ฉันไม่หลงกลหรอก!”

หลินซวงกดวางสายไป เธอทำท่าจะพูดกับพี่ชายตัวเองต่อ แต่โทรศัพท์กลับดังขึ้นอีกครั้ง

“ไอ้แก๊งต้มตุ๋นนี่นาย…”

“ผมคือจ้านอวี่หาน!”

จ้านอวี่หานเหรอ?

หลินซวงทำท่าจะด่าออกไป แต่เมื่อได้ยินดังนั้น หัวใจเธอก็เต้นแรงทันที

เป็นเขานี่เอง! ในที่สุดผู้ชายคนนี้ก็โผล่หน้ามาสักที!

ผ่านมาห้าปีแล้ว ลูกก็เกิดออกมาแล้ว แต่เธอยังไม่เคยเห็นเลยว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง!

เหมือนพวกลูกชายทั้งหลายไหม?

“คุณอยู่ไหน?” น้ำเสียงของหลินซวงฟังดูเย็นชามาก

จ้านอวี่หานถูกมองว่าเป็นพวกสิบแปดมงกุฎจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์มาก เขาเอ่ยอย่างเย็นชา “ลูกคุณหิว กำลังกินเคเอฟซีอยู่ที่สนามบิน!”

หลินซวงได้ยินดังนั้นก็เพิ่งสังเกตว่าหลินหยางซึ่งเป็นลูกชายคนโตของตัวเองไม่ได้อยู่ชั้นบน

เขาออกไปปฏิบัติการคนเดียวอีกแล้ว!

เมื่อกดตัดสายเรียบร้อยแล้ว หลินซวงก็ยื่นมือไปหาหลินเฉียนทันที “เอากุญแจรถโฟล์คฯ พาสสาทมาให้ฉัน!”

“ทำไมต้องขับรถเก่าๆ พี่ไปด้วย?”

“ฉันรีบ!” หินซวงหยิบกุญแจรถที่พี่ชายตัวเองส่งมาให้อย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ไป จากนั้นก็ถอดผ้ากันเปื้อนออกและวิ่งออกไปด้านนอกทันที

ผ่านไปสี่สิบนาที หลินซวงก็มาถึงร้านเคเอฟซีนในสนามบิน

เธอเปิดประตูเข้าไป ก็พบว่าหลินหยางกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะสีส้มและกำลังเคี้ยวแฮมเบอร์เกอร์ตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อยอยู่ในนั้นจริงๆ

ขาอวบอ้วนสั้นๆ ทั้งสองข้างแกว่งไกวอยู่บนเก้าอี้ไปมา

ข้างกายเขามีชายหนุ่มในชุดสูทสีดำนั่งอยู่คนหนึ่งด้วยท่าทางองอาจ เขาดูทรงพลังและมีอำนาจ ทำให้หลินซวงเกือบจะปิดประตูที่อยู่ด้านหน้าลงอยู่รอมร่อ

นัยน์ตาดอกท้อที่แสนทรงเสน่ห์คู่นั้นของหลินซวงหรี่ลงอย่างอดไม่อยู่

ผู้ชายคนนี้น่าจะสูงสักร้อยเก้าสิบเซนติเมตรได้มั้ง?

รูปร่างเหมือนคนที่เคยได้รับการฝึกพิเศษในกองทัพอย่างไรอย่างนั้น

หน้าตาก็หล่อเหลา แถมยังดูเหมือนผู้ดีมีสกุลอีก!

ที่แท้ลูกๆ ก็ได้ยีนความองอาจกล้าหาญที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้มานี่เอง!

ไม่น่าล่ะลูกๆ ของเธอถึงได้เก่งกาจเหนือใครกันขนาดนี้!

“คุณเป็นแม่ของเด็กคนนี้เหรอ?” จ้านอวี่หานเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

พูดตามตรง หลินหยางที่มีผิวขาวผ่องเป็นยองใยทำให้เขาคิดไปถึงแม่ของเขาว่าต้องเป็นคนที่สวยมากอย่างแน่นอน

แต่ไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้

ถ้าจะใช้คำว่า ‘สวยหยาดฟ้ามาดิน’ มาจำกัดความ ก็คงไม่เกินจริงนัก

จ้านอวี่หานยอมรับว่าคนที่ไม่เคยหวั่นไหวให้ผู้หญิงคนไหนมาก่อนอย่างเขา มีแวบหนึ่งเหมือนกันที่แอบใจสั่น

“ค่ะ คุณจ้าน!”

“คุณสอนให้เด็กไปหาว่าคนอื่นเป็นพ่อไปทั่วเลยเหรอ?” จ้านอวี่หานยกยิ้มหยัน

“แด๊ดดี้ของลูกมีแค่คนเดียว!”

หลินซวงเอ่ยเสียงเย็นด้วยท่าทางหยิ่งยโส “เมื่อห้าปีก่อน ต้นฤดูใบไม้ร่วง วันฝนตก ที่โรงแรมหรูในเมืองตี้จิง จ้านอวี่หานทิ้งบัตรธนาคารที่มีเงินสิบล้านในนั้นไว้!”

“ฟังเหมือนเป็นนิยายรักโรแมนติกเรื่องหนึ่งเลย!” จ้านอวี่หานยิ้มเยาะ “แต่ผมไม่มีเวลามาฟังคุณพูดเพ้อเจ้อ!”

“จ้านอวี่หาน!” หลินซวงเอ่ยอย่างเดือดดาล “คุณเอาเปรียบฉันแถมยังไม่รับผิดชอบ ทิ้งลูกไว้ให้ฉันแล้วจะไม่ยอมรับสิ่งที่ตัวเองทำแบบนี้เหรอ!”

หลินหยางนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายๆ ไม่เร่งรีบและโบกมืออวบๆ นั้นเป็นสัญลักษณ์ “บ๊ายบายหม่ามี้ ขับรถระวังๆ นะฮะ!”

“คุณชายสาม” บอดี้การ์ดก้มหน้าลง “เป็นเพราะพวกเราบกพร่องในหน้าที่เองครับ!”

“เป็นเพราะพวกนายประเมินเธอต่ำไป!”

บอดี้การ์ดมองเด็กน้อยหน้าตาน่ารักแต่กลับรับมือได้ยากที่นั่งอยู่บนเก้าอี้คนนั้น “ทำไงกับเจ้าตัวจ้อยนี่ดีครับ?”

“เขามีชื่อ!” จ้านอวี่หานเอ่ยอย่างไม่พอใจเล็กน้อย จากนั้นก็ย่อตัวลงถามหลินหยาง “เจ้าหนู ชื่ออะไรครับ?”

“หลินหยาง ทุกคนเรียกผมว่าไท่หยางกันครับ”

“ไท่หยาง อืม เพราะดี”

“ขอบคุณที่ชมฮะแด๊ดดี้”

“…” จ้านอวี่หานรู้สึกหมดคำพูดขึ้นมาทันที แต่ดูท่าแล้ว เขาคงต้องพาเจ้าตัวจ้อยนี่กลับบ้านไปด้วยแล้วล่ะ

ดูเหมือนหม่ามี้ของเขาคนนั้นจะไม่มีสมองสักเท่าไหร่ รับโทรศัพท์ปุ๊บก็ออกไปปั๊บ ทิ้งลูกเอาไว้ได้ลงคอ

เมื่อออกมาจากสนามบิน บนถนนก็มีรถโรลส์รอยซ์สีดำเก้าคันขับเข้ามาและจอดเทียบท่าลงใกล้ๆ อย่างโดดเด่นดุดัน

จ้านอวี่หานอุ้มหลินหยางขึ้นด้วยแขนเพียงข้างเดียวและเดินไปที่รถคันที่สอง

“ว้าว แด๊ดดี้เท่จัง น่าเกรงขามสุดๆ ไปเลย!” หลินหยางยกยอปอปั้น

สีหน้าท่าทางที่ดูโอเวอร์ของเขาขับให้นัยน์ตาสีดำคู่นั้นเปล่งประกายขึ้น และมันก็ดูน่ารักมากๆ

ใบหน้าเล็กๆ ที่ขาวใสและดูนุ่มนิ่มนั้นทำให้จ้านอวี่หานรู้สึกอยากหอมให้สักฟอด

เป็นครั้งแรกเลยที่เขารู้สึกใจอ่อนยวบยาบแบบนี้

“อะแฮ่ม!” เมื่อเข้าไปนั่งในรถ เขาก็ยืดตัวตรงและกลับไปทำสีหน้าเฉยชาห่างเหินตามเดิม

เขาไม่ชอบให้ตัวเองมีความรู้สึกอะไรกับใครมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะปล่อยให้ตัวเองเสียอาการต่อหน้าเจ้าตัวนุ่มนี่ไม่ได้

แต่ว่า…

เจ้าตัวเล็กก็ผล็อยหลับไปเพราะความสบายจากการโคลงเคลงของรถ

ในตอนแรกก็ยังฝืนทนไม่ยอมให้ร่างเล็กๆ ของเจ้าเด็กอ้วนล้มตัวลงมา แต่เมื่อศีรษะเล็กๆ ยิ่งก้มต่ำลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็รักษาสมดุลเอาไว้ไม่ได้จนต้องล้มตัวลงในอ้อมแขนของจ้านอวี่หาน

จ้านอวี่หานอยากผลักเขาออก แต่เจ้าเด็กอ้วนตัวนุ่มที่นอนแนบอยู่กับอกเขานั้นกลับทำให้เขารู้สึกใจเต้นแปลกๆ และรูขุมขนทั่วทั้งร่างของเขาก็อบอุ่นขึ้นมา

จ้านอวี่หานยื่นแขนออกไปและอุ้มเจ้าเด็กจ้ำม่ำเข้ามาในอ้อมแขนอย่างช่วยไม่ได้

“แด๊ดดี้…ดีจัง…”

หมายความว่าไงเนี่ย?

หมายถึงมีแด๊ดดี้แล้วดี? หรือว่าขาไก่กับแฮมเบอร์เกอร์เมื่อกี้หอมดีกันแน่?

จ้านอวี่หานอดยิ้มออกมาไม่ได้

เมื่อบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหน้ามองกระจกมองหลังและเห็นว่าบนตัวเขามีร่างเล็กๆ อยู่บนนั้น

ชายหนุ่มที่ดูอบอุ่นอ่อนโยนคนนี้ ยังใช่คุณชายสามแห่งตระกูลจ้านของพวกเขาอยู่อีกไหม?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แฝดสี่บันดาลรัก