หลินซวงได้เจอกับคุณครูโรงเรียนอนุบาลอีกครั้งก็เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงให้หลังแล้ว
“คุณแม่เยว่เลี่ยงคะ” สีหน้าของคุณครูเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “เมื่อครู่มีคนจากตระกูลจ้านมา บอกว่าถ้าให้ลูกชายคุณแม่เรียนต่อ ก็ต้องปิดโรงเรียนไปค่ะ ผอ.โรงเรียนเราคิดๆ ดูแล้ว เลยคิดว่าให้เยว่เลี่ยงกลับบ้านไปก่อนดีกว่าค่ะ”
“…” หลินซวงหรี่ตาลงเล็กน้อย ตระกูลจ้านว่างขนาดนั้นเลยเหรอ?
แม้แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างลูกเข้าเรียนโรงเรียนอนุบาลก็ยังเข้ามายุ่มย่ามเหรอ?
ไม่น่ามั้ง
หลินซวงคิดว่านี่เป็นฝีมือของเยี่ยชิงชิงซึ่งเป็นหลานสาวของแม่เลี้ยงตัวเอง
มีแค่เธอเท่านั้นแหละที่ว่างได้ขนาดนี้!
“งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ” หลินซวงยิ้ม “ยังไงเด็กๆ ก็ไม่ชอบมาเรียนอยู่แล้ว งั้นก็เล่นอยู่บ้านไปก่อนสักพักแล้วกันค่ะ”
“นั่นสิคะ” คุณครูเริ่มเอ่ยชม “ไท่หยาง เยว่เลี่ยง แล้วก็ซิงซิงของคุณแม่ ทั้งสามคนพี่น้องเป็นเด็กฉลาดมากๆ เลยค่ะ พวกเราสอนกันไม่ได้เลย สิ่งที่พวกเขาถามมา บางทีพวกเราก็เข้าไปหาเอาในอินเทอร์เน็ตนะคะ”
“แบบนั้นก็รบกวนพวกคุณครูกันแย่เลยค่ะ” หลินซวงรีบเอ่ยขอบคุณทันที
“งั้นคุณแม่กลับไปดูเด็กๆ เถอะค่ะ” คุณครูมองนาฬิกา “ตอนนี้น่าจะถึงบ้านแล้วล่ะ”
หลินซวงขับรถโฟล์คฯ พาสสาทกลับมาที่ร้านกาแฟอย่างรวดเร็ว แล้วก็พบว่าหลินเยว่ก็กำลังเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ในห้องสมุดเล็กๆ ชั้นบน
“เยว่เลี่ยง” หลินซวงลูบผมนุ่มๆ บนศีรษะของเขา “หิวหรือยังครับ?”
“ไม่หิวครับ” หลินเยว่จ้องมองจุดแจ้งเตือนสีแดงบนหน้าจออย่างไม่ละสายตา “ซิงซิงยังอยู่กับปู่ทวดอยู่เลยเหรอฮะ”
“ครับ เขาจะเล่นอยู่นั่นสักพัก”
“ตำแหน่งของไท่หยางก็เหมือนกำลังไปทางนั้นเหมือนกัน”
“เขาอยู่บนรถจ้านอวี่หาน จ้านอวี่หานไปหาปู่เขาที่โรงพยาบาล”
“แล้วมี๊คุยกับแด๊ดดี้เป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่ดีเลย” หลินซวงตอบ “ตานั่นไม่ยอมรับ”
“ฮึ!” หลินเยว่เป่าปากจนแก้มป่อง “ผู้ชายห่วยแตก!”
“พรืด” หลินซวงหัวเราะออกมา “เท่าที่ดูตอนนี้ผู้ชายคนนั้นก็ค่อนข้างใช้ได้อยู่ ไม่น่าจะใช่ผู้ชายห่วยแตกหรอก”
“งั้นทำไมเขาไม่ยอมรับในสิ่งที่เขาทำล่ะ? ไท่หยาง เยว่เลี่ยง แล้วก็ซิงซิงอายุตั้งสี่ขวบกันแล้วนะ แต่เขากลับเป็นแบบนี้!”
“ก็มันยังไม่แน่ชัดเลยไม่ใช่เหรอ?” หลินซวงเกาศีรษะ “หม่ามี้ก็สับสนอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน…”
“ปัง ปัง!” เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากชั้นล่าง ตามด้วยเสียงแหลมๆ ของผู้หญิงคนหนึ่ง “หลินซวง แกลงมานี่เดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ที่แท้ก็เป็นแม่เลี้ยงนี่เองที่มาหา
“หนูรออยู่ข้างบนนะ” หลินซวงลูบศีรษะเล็กๆ ของเขา “หม่ามี้ลงไปดูหน่อย”
“ครับ” หลินเยว่พยักหน้า “ถ้าจัดการไม่ได้ก็เรียกผมได้นะ”
“ครับ ลูกพี่!” หลินซวงอมยิ้มและวิ่งลงไปยังชั้นล่าง
ลูกชายเขาชอบทำท่าทางแบบนี้ตลอด พอมาคิดๆ ดูตอนนี้ ช่างเหมือน…จ้านอวี่หานจริงๆ!
“หลินซวงแกอยากตายใช่ไหม!” เยี่ยเหอฮวาตะโกนไปที่บันได “อยู่ดีไม่ว่าดีไปหาเรื่องตระกูลจ้านทำไม ตระกูลจ้านใช่ตระกูลที่แกจะไปหาเรื่องได้เหรอ? แล้วทีนี้เป็นไง ธุรกิจของตระกูลหลินได้ถูกตระกูลจ้านสั่งระงับแน่ แกจะให้พวกฉันใช้ชีวิตกันยังไง? ถ้าไม่ใช่เพราะชิงชิงขอร้องไว ทุกชีวิตในครอบครัวเราจะต้องอดตายกันแน่ๆ!”
ชิงชิง?
หลินซวงได้ยินดังนั้นเพิ่งสังเกตเห็นว่าเยี่ยชิงชิงเองก็มาด้วยเช่นกัน
หญิงสาวในชุดสีขาวสะอาดตายืนอยู่ที่ประตูด้วยท่าทางหยิ่งยโส ลูกค้าหลายคนที่ต้องการเข้ามาดื่มกาแฟในร้านตกใจกลัวเธอจนเดินหนีกันไปหมดแล้ว
หลินซวงจับราวบันไดไว้มั่นและกระโดดข้ามบันไดไม่กี่ขั้นที่เหลือลงไปด้านล่าง
“น้องสาวคนนี้” เยี่ยชิงชิงยืนกอดอกหัวเราะเยาะ “เธอเป็นแม่คนแล้วนะ ทำไมยังทำตัวเหมือนเด็กเถื่อนอยู่ได้ ไม่ทำตัวทะลึ่งตึงตังนี่มันจะตายไหม?”
“แล้วถ้าไม่พูดเธอจะตายไหม!” หลินซวงบีบคางสวยของเยี่ยชิงชิงไว้ “ไปทำตัวแอ๊บแอ้ไกลๆ โน่นไป!”
“เพี๊ยะ!” เยี่ยเหอฮวาปัดมือหลินซวงออก “อย่ามาทำตัวไร้มารยาทกับหลานฉัน เธอเป็นถึงคนที่ต้องแต่งงานเข้าตระกูลจ้านไปเป็นคุณนายเชียวนะ!”
“งั้นฉันก็ต้องยินดีกับเธอด้วยสินะ!” หลินซวงหัวเราะเยาะ
เยี่ยชิงชิงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโส “เธอมีลูกติดกับผู้ชายแล้วไม่มีใครเอา ก็เลยอิจฉาฉันใช่ไหม? น่าเสียดายนะที่ชีวิตเธอไม่ได้มีดวงแบบนั้น!”
“ให้เวลาพวกเธอสองนาที ออกไปจากที่นี่ซะ ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แฝดสี่บันดาลรัก
ยังรออยู่นะคะ จุ้บๆ...
รออ่านตอนต่อไปนะคะ...