แฝดสี่บันดาลรัก นิยาย บท 7

จ้านอวี่หานรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลทันทีและพบว่าอาการของคุณท่านจ้านไม่สู้ดีอย่างที่คิดไว้จริงๆ

จ้านเฟยพ่อของเขาและจ้านเฟิงลุงของเขามาถึงแล้ว รวมถึงถังหยงแม่ของเขาด้วยเช่นกัน

ทุกคนรู้สึกวิตกกังวลมาก และภาวนาให้คุณท่านผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปให้ได้

“น้องรอง” จ้านเฟิงเอ่ยขึ้น “แกลองดูอีกครั้งซิ ให้คนกลางลองขอร้องยอดฝีมือซิ่งหลินอีกครั้งหนึ่ง พ่อจะรอดได้ไหม มันขึ้นอยู่ที่เขาแล้ว!”

“ผมโทรไปสามรอบแล้ว ค่าวินิจฉัยรักษาก็ขึ้นให้เป็นห้าร้อยแล้ว แต่ทางโน้นบอกว่ายอดฝีมือปิดเครื่อง”

“ลองขอเขาอีกครั้ง พวกเขาต้องมีทางหาเขาเจอแน่…”

ขณะที่สองคนพี่น้องไม่รู้จะจัดการปัญหาตรงหน้ายังไง บอดี้การ์ดก็เดินเข้ามารายงาน “ยอดฝีมือมาแล้วครับ กำลังขึ้นลิฟต์มา!”

ทุกคนพากันตกตะลึง

ทั้งห้องรับแขกในห้องพักผู้ป่วยเงียบลงทันที เงียบสนิทจนถ้ามีเข็มตกลงพื้นสักเล่มก็สามารถได้ยินเสียงได้

จากนั้นทุกคนก็ส่งเสียงร้องอย่างตกใจออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “หา!”

“ยอดฝีมือมาแล้วจริงๆ เหรอ?” จ้านเฟิงถามบอดี้การ์ด

“ใช่ครับคุณผู้ชายใหญ่” บอดี้การ์ดเอ่ยอย่างตื่นเต้น “กำลังขึ้นมาครับ”

“รีบไปต้อนรับเร็วเข้า ไปต้อนรับเร็ว!” จ้านเฟยเอ่ยเสียงสั่น “พ่อมีทางรอดแล้ว!”

ทุกคนที่ได้สติกลับมารีบออกไปต้อนรับยอดฝีมือซิ่งหลินทันที

จ้านอวี่หานประคองแม่ของตนตามออกไปด้วยเช่นกัน

ลิฟต์กำลังเคลื่อนตัวขึ้นมาช้าๆ จริงๆ และหัวใจของทุกคนก็เต้นแรงขึ้นเช่นกัน

‘ติ๊งต่อง’ เมื่อลิฟต์มาถึง ประตูก็ค่อยๆ เปิดออก ดวงตาหลายคู่หันไปมองอย่างพร้อมเพรียงกัน

หลินซวงกำลังจะก้าวออกจากลิฟต์ แต่เมื่อถูกสายตาเหล่านั้นจับจ้องก็ต้องถอยกลับไปเหมือนเดิมทันที

โชคดีที่เธอสวมชุดป้องกันและสวมหน้ากากอนามัย จึงไม่มีใครจำได้ว่าเธอเป็นใคร

เถายวนซึ่งเป็นผู้ช่วยที่อยู่ด้านหลังตกใจจนต้องอุทานออกมาเบาๆ “โอ้พระเจ้า”

จ้านเฟิงและจ้านเฟยค้อมตัวทักทายก่อน “ยอดฝีมือ คุณมาแล้วเหรอครับ”

จากนั้นคนในตระกูลจ้านอีกสิบกว่าคนก็ก้มตัวทักทายตาม

“อืม” หลินซวงตอบรับเบาๆ โดยไม่ช้อนตาขึ้นมอง เธอผลักตัวคนตระกูลจ้านออกก่อนจะเดินไปที่ห้องผู้ป่วย

เงินห้าร้อยล้านที่ได้มาง่ายๆ แบบไม่ต้องเสียแรงเยอะแบบนี้ ถึงเธอจะไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่ก็ไม่อยากพลาดมันไป ยิ่งไปกว่านั้น นี่มันก็เป็นการช่วยชีวิตคนคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ?

ในขณะที่เดินผ่านร่างถังหยงไป เธอก็ส่งเสียงขึ้น “เอ๋?”

“มีอะไรครับแม่?” จ้านอวี่หานเอ่ยถามเบาๆ

“ตาของยอดฝีมือ…แม่รู้สึกว่ามันดูคุ้นๆ ยังไงไม่รู้”

“เป็นไปได้ยังไงครับ?” จานอวี่หานเอ่ย “คนคนนี้เขาลึกลับไม่ชอบเปิดเผยตัวตน เป็นสุดยอดผู้มีอิทธิพลในวงการแพทย์ แม่หมกตัวอยู่แต่ในบ้าน จะไปรู้จักเขาได้ไงครับ?”

“แต่ว่า…” เมื่อเห็นว่าทุกคนเดินตามยอดฝีมือไปที่ห้องผู้ป่วยของคุณท่านจ้าน ทั้งสองคนแม่ลูกก็รีบเดินตามไปทันที

“พี่ใหญ่” เถายวนขยับเข้าไปใกล้ๆ หลินซวง “น่าจะจำไม่ได้นะ”

“ค่อยยังชั่ว!” หลินซวงเอ่ยเบาๆ ด้วยสีหน้าเย็นชาปราดเปรื่อง

เมื่อเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจ้านซื่อที่เดินตามมาด้วยก็มายืนขวางญาติๆ ทั้งหลายจากตระกูลจ้านที่หน้าประตูทันที

“มีแค่ยอดฝีมือกับผู้ช่วยท่านั้นครับที่เข้าไปได้ ทุกคนรออยู่ที่นี่นะครับ ใจเย็นๆ ไม่ต้องกังวลครับ”

“งั้นก็ทำใจให้สบายแล้วรอกันเถอะ” จ้านเฟิงประกบมือเข้าหากันและถูไปมา “ถ้ายอดฝีมือได้ออกโรงแล้วล่ะก็ ทุกคนก็วางใจได้เลย”

“นั่นสิ” จ้านเฟยเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาตามขมับ “คราวนี้พ่อต้องไม่เป็นไรแน่”

เถายวนช่วยหลินซวงฝังเข็มให้คุณท่านจ้านอยู่เป็นเวลาสองชั่วโมง

ขณะที่ทุกคนกำลังรออยู่ที่ห้องรับแขกอย่างกระวนกระวาย ทั้งสองก็เดินออกมาในชุดป้องกัน

ทุกคนในตระกูลจ้านกรูกันเข้าไปทันที

“ยอดฝีมือครับ พ่อผมเป็นยังไงบ้าง?”

“ยอดฝีมือครับ ปู่ผมเขาฟื้นหรือยังครับ?”

“ยอดฝีมือครับ…”

เถายวนยื่นมือไปกันทุกคนไว้และเอ่ยขึ้น “เข้าไปดูข้างในก็รู้เองครับ ยอดฝีมือเขาเหนื่อยแล้ว กลับก่อนนะครับ”

“งั้นผมไปส่งคุณนะครับ” จ้านอวี่หานเอ่ยด้วยความเคารพ

หลินซวงช้อนตาขึ้นมองเขาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้อง”

เสียงนี้…

และยังแววตาเยือกเย็นคู่นี้อีก…

ขณะที่จ้านอวี่หานกำลังรู้สึกสับสนงงงันอยู่นั้น หลินซวงและเถายวนก็เดินออกไปจากห้องผู้ป่วยแล้ว

“คุณครับ!” จ้านอวี่หานตามออกไป

เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองต้องตามออกมา แค่รู้สึกว่าความผิดปกติบางอย่าง มันกำลังบังคับให้เขาเดินตามออกมา

แต่ ‘ยอดฝีมือ’ และผู้ช่วยกลับเดินเข้าลิฟต์ไปเสียแล้ว

จ้านอวี่หานกลับมาที่ห้องผู้ป่วยด้วยความไม่พอใจ และพบว่าคุณท่านจ้านฟื้นแล้ว และยังดูมีชีวิตชีวาดีอีกด้วย

“ปู่ครับ ปู่รู้สึกยังไงบ้าง?” จ้านอวี่หานรู้สึกดีใจมาก

“ทุกคนออกไป” คุณท่านจ้านเอ่ย “เหลือจ้านอวี่หานอยู่คุยกับฉันคนเดียวพอ”

ส่วนเรื่องที่ว่าสวยหรือไม่นั้น ต้องได้เห็นทั้งหน้าถึงจะรู้ ตัดสินจากการมองเพียงแค่ดวงตาอย่างเดียวไม่ได้

“เพิ่งมารู้สึกเอาตอนนี้ใช่ไหม?” คุณท่านจ้านเอ่ย “แม่หนูคนนี้อายุยังน้อยแต่กลับมีวิชาแพทย์ที่เก่งกาจขนาดนี้ แกต้องจีบเธอแล้วก็ทำให้เธอมาเป็นหลานสะใภ้ตระกูลจ้านให้ได้ คราวนี้ตระกูลจ้านที่มีอำนาจอยู่แล้วก็จะเพิ่มความสามารถมากขึ้นกว่าเดิมเหมือนดั่งเสือที่ติดปีก!”

“แต่ว่า…” จ้านอวี่หานเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ “ปู่ก็รู้ว่าเรื่องผู้หญิงหลานไม่…”

“เมื่อกี้แกบอกแล้วว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย” คุณท่านจ้านเอ่ย “งั้นก็แสดงว่ารสนิยมทางเพศแกไม่ได้มีปัญหาใช่ไหม?”

“ผมไม่ได้หมายความว่า…”

“งั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว นี่เป็นหน้าที่! ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดจ้านซื่อกรุ๊ป ไม่มีเหตุผลอะไรให้แกต้องหลบเลี่ยง!”

“…”

ถังหยงกลับมาที่บ้าน ส่วนเยี่ยชิงชิงก็กำลังรออยู่ที่หน้าประตูใหญ่

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ และเป็นวันที่ตระกูลจ้านอนุญาตให้เยี่ยชิงชิงเข้ามาเยี่ยมลูกชายได้เช่นกัน

จ้านอี้กำลังเล่นกับไท่หยาง เยว่เลี่ยง และซิงซิงอยู่ที่สวนดอกไม้

ตอนนี้เด็กน้อยทั้งสี่คนสนิทกันมากแล้ว

“เห็นพวกนายมีความสุขกันขนาดนี้ หม่ามี้พวกนายต้องรักพวกนายมากแน่ๆ เลยใช่ไหม?”

จ้านอี้ถามด้วยสีหน้าหมองหม่น ดวงตาที่ดูราวกับแร่ออบซิเดียนคู่นั้นแฝงไปด้วยความขื่นขม

“หม่ามี้ทุกคนก็รักลูกตัวเองกันหมดนะ” หลินหยางเอ่ยขึ้น

“นั่นสิ มันมีอะไรชวนให้สงสัยกัน?” หลินเยว่เอ่ยสำทับ

“ในเมื่อจ้านอี้ถามมาแบบนี้ งั้นก็คงมีคำตอบที่ไม่เหมือนกัน” หลินซิงเห็นต่าง

“โดนนายทายถูกจนได้” จ้านอี้หลุบตามองต่ำลง “หม่ามี้ฉันไม่เคยรักฉันเลย”

“นายหมายถึงเยี่ยชิงชิงเหรอ?”

“ผู้หญิงคนนั้นดุมากเลย!”

“ไม่น่าถึงไม่รักนาย!”

“เฮ้อ” จ้านอี้ทอดถอนใจ “ฉันน่าสงสารจัง!”

“หม่ามี้ของพวกเราเป็นหม่ามี้ดีที่สุดในโลก!”

“แถมยังสวยสุดๆ ไม่มีใครเทียบได้ด้วย!”

“วันหลังฉันจะแนะนำให้รู้จักหม่ามี้ของเราเอาไหม?”

จ้านอี้ปรบมือและเอ่ยขึ้น “เอาสิ!”

ขณะที่ทุกคนกำลังมีความสุขกันอยู่ พ่อบ้านก็เดินเข้ามาและกวักมือเรียกจ้านอี้ “นายน้อยอี้ครับ คุณแม่นายน้อยมาหาครับ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แฝดสี่บันดาลรัก