บทที่ 200 ก้าวแรกที่แสนยากลำบาก
นรมนซับซ้อนอยู่นาน หลังจากที่เห็นความนิ่งสงบของบุริศร์สุดท้ายจึงตัดสินใจพูดออกไป
ถ้าหากพูดออกไปแล้ว แล้วบุริศร์ทนไม่ไหว หรือรับไม่ได้ เธอก็จะถอดใจ
บางทีโชคชะตาของเธอกับบุริศร์อาจจะไม่ได้หนักแน่นเหมือนอย่างที่เธอคิดก็ได้ บางทีอาจจะไม่มีผู้ชายคนไหนทนรับสิ่งนี้ได้
นรมนจะถือซะว่าเป็นการเดิมพัน แต่ก็คิดว่าบุริศร์ไม่ใช่คนคิดอะไรตื้นๆแน่ ความคิดสองอย่างนี้ทำให้เธอสับสนและอึดอัดมาตลอด
เมื่อเห็นท่าทางของนรมน บุริศร์ก็พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมาว่า “ผมบอกแล้วไงว่าอย่าฝืนตัวเอง คุณอยากบอกผมจริงๆเมื่อไหร่ ก็ค่อยบอกผมก็ได้ ตอนนี้ผมเองก็ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น ว่าไง? อยากลองกินอะไรดูสักครั้งไหม?”
เมื่อเห็นบุริศร์ให้กำลังใจ นรมนก็รู้สึกฮึกเหิม
“ได้”
บุริศร์ยิ้มอ่อนๆแล้วลุกขึ้น เพื่อไปทำข้าวต้มให้นรมนเองกับมือ
ความข้นของข้าวต้มกำลังพอดี ดูรวมๆแล้วน่ารับประทานมาก ทว่านรมนก็ยังมีความรู้สึกพะอืดพะอมอยู่ดี แต่เพราะมีสายตาจากบุริศร์มองมา เธอถึงได้ค่อยๆตักเข้าไปตัวเองไป
หลายวันมานี้การทานอะไรไม่ลง ทำให้เธอไม่รู้รส เธอถึงกับคิดว่าต่อมรับรสของตัวเองมีปัญหา แต่ต่อถึงได้รู้ว่า ทุกอย่างเป็นผลมาจากสภาพจิตใจของตัวเอง
เธอยังคงไม่สามารถผ่านด่านนี้ไปได้อย่างที่คิดเอาไว้
นรมนรู้สึกมวลท้อง แต่กลับพยายามอดทนเอาไว้
เมื่อบุริศร์เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสาร
“ไม่ต้องฝืนตัวเอง เรื่องแบบนี้ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป”
“ฉันรู้น่า มันไม่ได้รุนแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว บางทีรอสักหน่อยก็ได้”
นรมนยิ้มออกมาบางๆ แต่บุริศร์กลับดูออกว่าเธอกำลังฝืนอดทน
“นรมน......”
เขากำลังจะพูดอะไร แต่ข้างนอกกลับมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา
“คุณบุริศร์ครับ เชิญคุณออกมาข้างนอกสักครู่ ผมอยากคุยกับคุณเรื่องอาการป่วยของคุณหนู”
คุณหนูที่ว่าไม่ใช่นรมนแน่ๆ แต่หมายถึงกมล
ดวงตาของบุริศร์หดเกร็งในทันที
“รีบไปเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”
นรมนเองก็รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้จะชักช้าไม่ได้ จึงเร่งรัดให้บุริศร์ออกไป
“แล้วคุณ......”
“ฉันไม่เป็นไร หรือถ้าเป็น อวกออกมาก็ไม่เป็นไรแล้วตอนนี้เรื่องของกมลสำคัญกว่า ฉันไม่กล้าไปหาลูกด้วยสภาพแบบนี้ ฉันฝากคุณดูแลลูกด้วยนะ”
นรมนกังวล และเป็นห่วง ไม่มีแม่คนไหนทนใจเย็นได้เมื่อได้รู้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับอาการป่วยของลูก เธอเองก็เช่นกัน
ที่น่าเศร้าก็คือถ้าเธอโผล่ไปหากมลด้วยสภาพนี้ คงทำให้กมลตกใจแย่
เมื่อบุริศร์เห็นประกายความแน่วแน่ในแววตาของนรมน ก็พูดเสียงอ่อนว่า “เดี๋ยวผมมา ถ้าคุณไม่สบายตรงไหนให้รีบเรียกหมอทันทีนะเข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้ว สบายใจเถอะ”
และในตอนที่บุริศร์เดินออกไป นรมนก็วิ่งมาอาเจียนในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
เธอเริ่มท้อแท้ หรือบางทีเธออาจจะไม่สามารถผ่านด่านสภาพจิตใจนี้ไปได้จริงๆ?
แต่ถ้าเธอยังเป็นแบบนี้ต่อไป จะสามารถทำตามความต้องการของตัวเองได้เหรอ? คนอื่นคิดหาสารพัดวิธีเพื่อทำลายความสุขของเธอ เธอจะยอมให้คนพวกนั้นสมหวังจริงๆเหรอ?”
ไม่!
ไม่มีทาง!
เธอพยายามสะกดกั้นตัวเอง จากนั้นก็ค่อยๆใช้มือค้ำผนังลุกขึ้นยืน
ร่างกายของนรมนในตอนนี้อ่อนแอมาก จนแทบจะปลิวไปตามลม แต่เธอกลับอาศัยความพยายามของตัวเอง ค่อยๆเดินกลับเข้ามาในห้อง
บุริศร์ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่ากมลจะเป็นยังไงบ้าง
นรมนไม่สามารถทำใจให้สบายได้เลยแม้แต่นิด
เธอกลับมาหลายวันแล้ว แต่กลับยังไม่ได้เจอกมลเลย และไม่รู้เลยว่าตอนนี้กมลเป็นยังไงบ้าง
ระหว่างที่เธอหายตัวไป กมลเจอเรื่องอะไร?
พักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กดีๆ แต่ทำไมบุริศร์ถึงพามารักษาที่นี่ล่ะ?
รเมศทำอะไรกับกมลหรือบุริศร์งั้นเหรอ?
นรมนพบว่ามีหลายเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุมและการรับรู้ของเธอ
รเมศไม่ใช่รเมศคนเดิมที่เคยรู้จักอีกต่อไป หลังจากนี้ตระกูลวัชโรทัยกับตระกูลโตเล็กคงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ และเธอต้องได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในระหว่างนี้ให้ได้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นรมนก็ค่อยๆลุกขึ้น แล้วเปิดประตูห้องออกช้าๆ เป็นครั้งแรกที่เธอก้าวขาออกจากห้องพักผู้ป่วย
การเดินออกมาจากห้องเพียงลำพัง เธอต้องใช้ความกล้ามากพอสมควร
ในตอนที่เปิดประตูออกไป นรมนก็รู้สึกได้ถึงสายตาจากผู้คนทั่วทุกสารทิศมองมาที่เธอ เหมือนตอนอยู่บนเรือ แววตาราวกับเสือคู่นั้น แววตาที่แทบอยากจะฉีกกระชากเธอให้ไม่เหลือชิ้นดี ล้วนแล้วแต่ทำให้เธอรู้สึกขนลุกซู่ จิตใจเริ่มกระวนกระวาย
เท้าที่เพิ่งเหยียบย่ำออกไปข้างนอกชักกลับเข้ามา ถึงขนาดที่อยากปิดประตูลง และหดตัวอยู่ในกระดองเหมือนเต่าไปตลอดชีวิต
จริงๆแล้วแบบนี้ก็ไม่เลวใช่ไหม?
ขอแค่มีบุริศร์อยู่ด้วย ใครก็ไม่กล้าเข้ามาทำร้ายเธอและก็จะไม่มีใครมาทำอะไรเธอได้อีก แค่ไม่ต้องออกไปไปไหนก็พอ
แต่วินาทีที่นรมนปิดประตู สายตาของบุริศร์ปรากฏเข้ามาในความคิด
ที่เขาดีกับเธอ เพราะว่ารัก เพราะว่าอยากรับผิดชอบ และเพราะว่ารู้สึกผิด แต่ความรู้สึกของคนคนหนึ่งจะสามารถคงอยู่ไปได้อีกนานเท่าไหร่กัน?
เธอสามารถมีความสุขกับความรู้สึกของบุริศร์ที่มีต่อเธอไปได้อีกนานเท่าไหร่
คนเราต้องมีวันเหนื่อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...