บทที่ 208 ตั้งครรภ์แทน
“แม่ ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจ ฉัน......”
“ถ้าเรื่องที่ไม่เข้าใจตนเองลองค่อยๆสำรวจดูในอนาคต ฉันพูดได้แค่นี้ ส่วนตระกูลโตเล็กจะไปได้ไกลแค่ไหนนั่น เป็นเรื่องของคุณและบุริศร์ วันนี้มอบภาระนี้ออกไป ฉันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก แม้ไม่รู้ว่าฉันจะมีชีวิตอยู่อีกนานแค่ไหน แต่ฉันก็จะเป็นหญิงชราคนหนึ่งในอนาคต จะตั้งใจดูแลกมลกับกิจจา และพักผ่อนในบั้นปลายชีวิต
คุณนายโตเล็กยิ้มอย่างซุกซน
นรมนรู้ว่าเธอไม่ต้องการพูดคุยอีกต่อไป
แม้ว่ารู้จักกับคุณนายโตเล็กไม่นาน แต่เธอก็รู้ว่า คุณนายโตเล็กมีความคิดมากมาย
ฉันคิดเสมอว่าคุณนายโตเล็กไม่ชอบกานต์ และไม่เห็นด้วยกับกานต์ ดังนั้นตั้งแต่การปรากฏตัวของพวกเขาในเมืองชลธี จนถึงการหายตัวไปของกานต์ คุณนายตระกูลโตเล็กไม่ได้แสดงความวิตกกังวลและความสนใจที่คุณยายควรมี ไม่แม้แต่กล่าวถึงกานต์ นรมนเคยไม่พอใจ และรู้สึกอึดอัดเป็นพิเศษ
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า คุณนายโตเล็กใช่ว่าจะไม่สนใจ แต่ให้ความสนใจมากเกินไป
ภายในใจของนรมนสับสนวุ่นวายมาก และไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
เธอกระซิบว่า “แม่ คุณรู้ทุกอย่าง ทำไมคุณถึงอนุญาตให้ป้าโอทำอะไรแบบนั้นกับฉัน บุริศร์และแม้แต่กานต์?”
“นั่นเป็นเพราะในอาณาจักรรัตติกาลเกิดปัญหาวุ่นวาย”
คุณนายตระกูลโตเล็กหรี่ตาของเธอไปชั่วครู่ และกล่าวอย่างจริงจังว่า “ตั้งแต่สมัยโบราณ สิทธิ์ที่สูงมากทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีอยู่เสมอ แม้แต่ลูกหลานของตระกูลโตเล็ก ก็จะมีคนไม่กี่คนที่มีเจตนาไม่ดี แต่ก่อนพ่อของบุริศร์เป็นหัวหน้าตระกูลโตเล็ก และพี่ชายของเขาก็คือลุงของบุริศร์เป็นผู้ดูแลองค์กรมืด แต่โชคไม่ดีที่เขาต้องการเปลี่ยนองค์กรมืดให้เป็นของตัวเอง และกลายเป็นองค์กรพิเศษ นรมน คุณต้องจำไว้ ไม่ว่าเวลาไหนก็ตาม องค์กรมืดมีไว้สำหรับประเทศ บางทีคุณอาจไม่เคยเป็นทหาร หรือมีประสบการณ์ในกองทัพ แต่คุณต้องจำสิ่งนี้ไว้ นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ตระกูลโตเล็กเป็นของประเทศ และองค์กรมืดก็เป็นของประเทศเช่นกัน ทุกอย่างที่ตระกูลโตเล็กได้รับตอนนี้ถูกมอบให้โดยประเทศ มีไว้เพื่อรับใช้ประเทศและประชาชน ไม่ใช่เพื่อใคร เข้าใจไหม?”
คุณนายโตเล็กพูดคำเหล่านี้อย่างระมัดระวัง แม้จะมีความรุนแรงก็ตาม
นรมนดูเหมือนจะเข้าใจ แต่เขาก็พยักหน้า
คุณนายโตเล็กพูดด้วยเสียงเบาๆ “ลุงของเขากลายเป็นเจตนาร้าย เขาคิดว่ารากฐานของตระกูลโตเล็กหลายปีมานี้ สามารถแยกออกจากประเทศและกลายเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะนำอาณาจักรรัตติกาลออกจากประเทศ และสนับสนุนให้คนจำนวนมากเข้าร่วมกับเขาในการพยายามยึดระบอบการปกครอง แต่น่าเสียดายที่มันล้มเหลวในที่สุด ลุงของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย และในองค์กรมืดก็เริ่มปั่นป่วนเช่นกัน สภาพร่างกายของฉัน ฉันรู้ดี เกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของฉันที่องค์กรมืดก็เริ่มปั่นป่วนแล้วเช่นกันฉันรู้ดียิ่งกว่าใคร”
คำพูดเหล่านี้ทำให้นรมนตะลึงอีกครั้ง
เธอคิดว่ามันวิเศษมากที่ได้ฟังสิ่งต่างๆมากมายในวันนี้
“แม่ คุณรู้ใช่ไหมว่าใครเป็นคนวางยาคุณ?”
“ป้าโอใช่ไหม!”
คุณนายตระกูลโตเล็กกล่าวอย่างใจเย็น
แม้ว่านรมนจะเดาได้บ้าง แต่เธอก็ยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบจากคุณนายตระกูลโตเล็ก ถึงอย่างนั้นคุณนายตระกูลโตเล็กก็ดูแลป้าโอมาตลอดไม่ใช่เหรอ?
ความรู้สึกที่สูงส่งแบบไหนกันที่ทำให้เธอทนยอมป้าโอได้ขนาดนี้ทั้งๆที่เธอรู้ว่ากำลังข่มเหงเธออยู่?
หลายปีแล้ว ทุกคนรู้ดีว่าคุณนายโตเล็กดูแลป้าโอเป็นอย่างดี และยังมีความรู้สึกมากกว่าเจ้านายและคนรับใช้ทั่วไป หรือว่ามีความลับอะไรในนี้?
คุณนายตระกูลโตเล็กมองไปที่ดวงตาที่งงงวยของนรมน และจู่ๆก็หัวเราะ
“คุณเป็นคนฉลาด แน่นอนว่าบุริศร์มีวิสัยทัศน์ที่ดี”
ประโยคนี้ยกย่องทั้งนรมน และบุริศร์
นรมนยิ้มเล็กน้อยอย่างเขินอาย นับเป็นครั้งแรกที่เธอได้รับคำชมเชยจากคุณนายโตเล็ก จึงค่อนข้างอาย
คุณนายตระกูลโตเล็กเห็นเธอเช่นนี้ ราวกับว่าเห็นตัวเองเมื่อยังสาวๆ
“รู้มั้ย? ฉันก็เคยเป็นแบบเดียวกับคุณ ฉันเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะ ไม่เข้าใจอะไรเลย ตกหลุมรักใครบางคนอย่างโง่เขลา ก็เลยเข้ามา หลังจากที่เข้ามาถึงรู้ว่าน้ำในตระกูลโตเล็กลึกแค่ไหน แต่น่าเสียดายออกไปไม่ได้แล้ว”
เมื่อคุณนายโตเล็กเล่าเรื่องราวของตนเอง ก็มีสัมผัสของความหวาน เหมือนเด็กสาวในฤดูใบไม้ผลิ เหมือนหญิงชราที่ล่วงลับไปแล้ว นึกถึงอดีตอันแสนหวานและเศร้า
“พ่อต้องหล่ออย่างแน่นอน!”
สำหรับสามีของตนเอง คุณนายตระกูลโตเล็กไม่ลังเลที่จะยกย่องตัวเอง
“เขาโดดเด่นกว่าบุริศร์ คุณเชื่อไหม?”
คุณนายโตเล็กในเวลานี้ ไม่ใช่แม่ของบุริศร์อีกต่อไป แต่เป็นเด็กที่โอ้อวดซึ่งทำให้นรมนประหลาดใจจริงๆ
คนส่วนใหญ่คิดว่าลูกชายหล่อไม่ใช่เหรอ?
แต่คุณนายโตเล็กกลับไม่ใช่
แต่นรมนชอบเธอแบบนี้
“ค่ะ พ่อหล่อกว่าใครในความคิดของคุณ”
“แน่นอนอยู่แล้ว เขาไม่เพียงแต่หล่อเหลา แต่ยังรักใคร่มาก ทั้งๆที่รู้ถึงจะแต่งงานกันระหว่างเราก็ไม่สามารถมีลูกกันได้ แต่เขายังคงแต่งงานกับฉัน โดยไม่ลังเลและเกือบจะทิ้งตระกูลโตเล็กไปเพื่อฉัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...