บทที่ 238 เธอเจ็บปวดใจเหลือเกิน
“นรมน นี่เธอตั้งใจจะจับผิดฉันเหรอ เธอรู้ไหมว่าทั้งนอกและในนี้มีคนกี่คน เธอคิดว่าอาศัยเพียงลำพังเธอจะสามารถพาพ่อแม่ของเธอออกไปได้อย่างนั้นเหรอ”
แยมเห็นนรมนปฏิเสธความหวังดีของตัวเอง สีหน้าจึงดูแย่ขึ้น
เธอเป็นคนที่เข้าใจรเมศ เพราะฉะนั้นถึงต้องการให้นรมนรีบจากไป ขอเพียงให้นรมนยังมีชีวิตอยู่ บางทีรเมศยังตระหนักกลัวอยู่บ้าง อาจจะไว้ชีวิตบุริศร์และชีวิตของเด็กๆ
เธอไม่เชื่อว่าเหตุผลง่ายๆเช่นนี้นรมนจะไม่เข้าใจ ตอนนี้จะเอาไข่กระทบหินไปเพื่ออะไร เดิมทีนรมนไม่อยากจะเป็นศัตรูกับรเมศ ไม่ว่ารเมศจะทำอะไรลงไป เธอก็เป็นนกกระจอกเทศที่เอาแต่หัวมุดดิน ปล่อยให้บุริศร์ไปจัดการเองทุกอย่าง จนถึงขั้นที่ว่าขอเพียงตัวเองไม่ออกหน้ารับ เรื่องราวต่างๆก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
แต่ว่าวันนี้การทรยศของแยมทำให้เธอนั้นได้สติคืน
การโกหกตัวเองเช่นนี้ไม่ได้มีประโยชน์แต่อย่างใด
การทำตัวเหมือนนกกระจอกเทศของเธอ ไม่ได้ทำให้คนเลวหน้าบางขึ้น ไม่มีแม้แต่จะความสงสารเธอ มีแต่ได้คืบจะเอาศอก
ห้าปีที่ผ่านมา เธอไม่สามารถปกป้องกมลให้ดีนั้นก็เป็นรอยแผลในหัวใจอยู่แล้ว วันนี้ถ้ายังปล่อยให้บุริศร์กับกมลตกอยู่ในอันตรายอีก แล้วนรมนคนอย่างเธอจะมีความเป็นมนุษย์ได้อีกเหรอ
นรมนมองแยมแล้วพูดเสียงเบาๆ : “แยม ฉันขอโทษ ที่ห้าปีที่ผ่านมาฉันพาลคิดเองว่าเธอคือเพื่อน แต่มีหนึ่งประโยคที่บอกไว้ เมื่อความคิดไม่เหมือนกันก็เดินร่วมทางกันไม่ได้ วันนี้เธอเลือกที่จะอยู่ข้างรเมศ ฉันก็พูดอะไรไม่ได้ แต่ว่าวันนี้ฉันไม่มีทางไป และฉันจะพาพ่อแม่ของฉันไปจากที่นี่ แล้วเธอก็ไม่มีทางขัดขวางฉันไม่ได้!”
“ทำไม ไปเมืองชลธีไม่กี่เดือน เธอคิดว่าเก่งขึ้นอย่างนั้นเหรอ หรือเธอคิดว่าเธอจะสู้กับฉันได้ นรมนฉันขอเตือนนะ อย่าได้เอาไข่กระทบหินจะดีกว่า ไม่ต้องพูดถึงคนข้างนอกเลย แค่ฉันคนเดียวเธอก็ไม่มีทางที่จะสู้ได้แล้ว”
แยมพูดจบก็ได้ถอดเสื้อคลุมออก
ห้าปีมานี้นรมนสนิทกับเธอ เธอย่อมรู้ดีว่าแยมนั้นเก่งกาจเรื่องยูโด และเธอที่อะไรก็ไม่เป็น แต่ว่านรมนในตอนนี้กลับไม่รู้สึกถึงความกลัวแม้แต่สักนิดเดียว
เธอถอนหายใจแล้วพูดขึ้น : ลงมือ”
เพียงสองคำนี้เปล่งออก สีหน้าแยมก็เปลี่ยนไป
“เธอพาคนมาด้วยเหรอ เป็นไปไม่ได้ ไม่มีคนที่จะสามารถเข้ามาที่นี่ได้! ที่นี่เป็นเขตไฮโซ!”
แต่ว่ากลับปราศจากคำพูดใดๆจากนรมน
เธอมาถึงข้างๆพ่อแม่ ตรวจเช็คร่างกายของพวกท่านแล้ว หลังจากพบว่าพวกเขาไม่มีรอยถูกทำร้าย ถึงได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งใจออกมา
ทันใดนั้นมีเสียงดังพัลวันด้านนอก
แยมที่มีสีหน้าแย่
เธอต้องการที่คว้าตัวนรมน แต่นรมนกลับหยิบปืนแล้วชี้ไปทางแยม
“ฉันรู้ว่าเธอมีวิชาที่ดี ฉันก็รู้ดีว่าฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ แต่ว่าแยมอย่าบังคับให้ฉันต้องลงมือ”
ท่าทางการจับปืนของนรมนนั้นถูกต้อง ไม่มีแม้แต่อาการสั่น
แยมดูออกว่าปืนที่อยู่เป็นในของนรมนคือ AK47ขนาดเล็ก
“นี่เธอใช้ปืนเป็นด้วยเหรอ เธอใช้ปืนเป็น! นรมน ไม่ว่าจะเป็นฉันหรือรเมศ พวกเราประเมินเธอต่ำไปจริงๆ
“พวกคุณประเมินฉันต่ำไปจริงๆ ในกองเพลิงเมื่อห้าปีก่อน ฉันบอกกับตัวเองว่าชั่วชีวิตนี้ฉันจะไม่ยอมอยู่ในจุดที่ให้ผู้อื่นบังคับได้อีก เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วคนที่กระทำเช่นนี้กับฉันจะเป็นเธอกับรเมศ เป็นสองคนที่ฉันคิดว่าคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน สิ่งที่รเมศทำกับกมล ฉันก็เพิ่งจะรู้ แต่ว่าฉันก็ไม่เคยไปถามเขาต่อหน้า หรือพวกคุณไม่เข้าใจอีกเหรอ ก็เพราะฉันไม่อยากจะเป็นศัตรูกับพวกเธอไง เรื่องระหว่างพวกเราทำไมต้องไปดึงพ่อแม่ของฉันเข้ามาเกี่ยวด้วย รเมศยังมีความลับอะไรที่ฉันยังไม่รู้อีก แต่พวกคุณก็ไม่มีทางรู้ไพ่ใบสุดท้ายทั้งหมดของฉัน ดังนั้นแยม อย่าบังคับฉัน”
สายตาที่เยือกเย็นของนรมน ไม่มีความอบอุ่นเหมือนวันวาน นรมนในตอนนี้เหมือนคนที่แปลกหน้า
จนแยมมีความรู้สึกที่ว่า แท้ที่จริงแล้วเธอรู้จักตัวตนจริงๆของนรมนหรือเปล่า
“ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะสามารถยิงฉันได้ เธอเป็นคนดี และก็อ่อนแอ ถ้าหากห้าปีที่ผ่านมาไม่ใช่เป็นเพราะฉันกับรเมศ เธอก็คงจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นเธอไม่มีทางจะยิงฉันได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นเธอยิ่งไม่มีทางไปจัดการกับรเมศได้! นรมนฉันรู้จักเธอดี”
“เหรอ”
นรมนยิ้มอย่างดูแคลน และเหนี่ยวไปที่ไกปืน
ปืนผ่านการดูแลเป็นพิเศษ เป็นปืนไร้เสียง มีแค่เสียงดัง “ผับ” แยมมองนรมนอย่างไม่น่าเชื่อ ร่างได้ล่วงลงไป และหัวไหล่ของเธอมีรอยบาดแผลและมีเลือดสดๆไหลออกมา
ความเจ็บปวดค่อยๆแผ่กระจายออกไป ทำให้เธอไร้เรี่ยวแรงในบัดดล
“เธอใส่อะไรลงไปในลูกกระสุน”
“ยาชา!”
แววตานรมนยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แม้แต่ท่าทางก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเยอะ
“เธอคิดว่าฉันไม่มีการเตรียมพร้อมก่อนที่จะมาเหรอ เธอคิดว่าฉันนั้นไม่สงสัยตัวเธอเลยเหรอ บางทีเมื่อก่อนเธออาจเสแสร้งแสดงเก่ง แต่เธอแพ้ให้แก่ดวง ฉันให้เพื่อนของฉันคนหนึ่งไปหาเธอ เธอกลับบอกไม่รู้จักฉัน นี่ได้ทำให้ฉันเกิดความสงสัยขึ้นแล้ว ต่อมาฉันได้โทรหาเธอแต่เธอไม่ยอมรับสาย แล้วเธอก็โทรกลับมาในเวลาต่อมา แล้วบอกว่าถูกลักพาตัว ถึงแม้ว่าเธอจะแสดงได้เหมือน แต่ว่าแยมบอกฉันมาซิว่ามีอย่างที่ไหนที่คนร้ายจะทิ้งโทรศัพท์ไว้ให้เธอโทรขอความช่วยเหลือ และเธอไม่โทรแจ้งความในขณะที่มีโทรศัพท์ และเป้าหมายที่โทรหาฉันก็เพื่ออยากจะให้ฉันเข้าไปติดกับดักถูกไหม ฉันมันโง่ ใสซื่อ และยิ่งไปกว่านั้นคือไม่เคยคิดระแวงเพื่อนอย่างพวกคุณจนไม่ทันได้ระวังตัว พูดจากใจเลยนะ ทั้งหมดนี่ไม่ได้แปลว่าฉันจะไม่มีสมองนะ”
ขณะที่นรมนพูดคำเหล่านี้อยู่นั้น แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ฉันไม่เคยคิดที่จะตกอยู่ในสถานการณ์กับพวกคุณอย่างวันนี้ แต่ทำไมพวกคุณต้องมาบีบบังคับฉัน ถ้าหากมีเพียงฉันแค่คนเดียว พวกคุณอยากได้ชีวิตของฉัน ฉันก็ให้ได้ แต่ว่าพวกคุณไม่ควรเอาบุญคุณที่มีต่อฉันไปทำร้ายคนรอบข้างของฉัน พวกคุณรู้ทั้งรู้ว่าคนที่ฉันห่วงใยที่สุดคือพ่อแม่และลูกๆของฉัน แต่พวกคุณก็ยังทำได้ลง กมลยังเล็กและไร้เดียงสามาก แม้แต่ประตูใหญ่ของโรงพยาบาลยังไม่เคยออกไป ไม่รู้ว่าโลกภายนอกเป็นแบบใด แต่พวกคุณก็ลงมือกับเธอ ในวินาทีที่พวกคุณลงมือนั้น เคยฉุกขึ้นบ้างไหมว่ามีฉันเป็นเพื่อน
และแล้วเบ้าตานรมนเริ่มเปียกซึม
เธอช่างเจ็บปวดใจเหลือเกิน!
ไม่ต่างจากความเจ็บปวดใจสลายในครั้งนั้น แต่ว่าเธอตอนนี้ไม่ต้องการดึงให้เกิดการเชื่อมโยงกัน
สำหรับคนที่มีค่า คุณอยากทำอะไรเพื่อเขาก็ทำได้ แต่สำหรับรเมศกับแยมคนแบบนี้ ความรู้สึกที่คุณมอบให้ก็ไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับพวกเขา
แยมเหมือนต้องการจะพูดอะไรต่อ แต่ก็ทนต้านกับยาที่อยู่บนไหล่ไม่ได้ จึงได้สลบไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...