แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 266

บทที่ 266 ก็ผมเป็นพี่ชายคนโตนี่นา

ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น บุริศร์ก็เอ่ยปากออกมาว่า

“ผมจะไปคุยกับทางฝั่งของคุณพ่อคุณแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนให้เอง ประเด็นสำคัญในตอนนี้ก็คือนรมนยังมีชีวิตอยู่ แต่เรื่องฐานะของเธอกลับไม่เคยได้รับการจัดการให้ดีเลย พ่อแม่ทางฝั่งตระกูลธนาศักดิ์ธนก็ยกเลิกบัญชีธนาคารไปแล้ว ทั้งยังถูกรเมศเพิกถอนสถานภาพทดแทนตอนอยู่อเมริกาไปอีก นรมนจึงกลายเป็นคนไร้ตัวตนทางสังคม ดังนั้นตอนนี้ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน พวกเราจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้เธอก่อนจึงจะถูก ผมคิดว่าทางฝั่งตระกูลธนาศักดิ์ธนเองก็คงเข้าใจดี”

คุณนายทวีทรัพย์ธาดาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเป็นกังวล

“ตอนนี้มีข่าวคราวของนรมนเพิ่มมาบ้างไหม”

“ยังไม่มี แต่ผมเชื่อว่าเธอจะต้องติดต่อพวกเรามาอย่างแน่นอน”

คำพูดของบุริศร์ทำให้ทุกคนต่างเงียบไปพักหนึ่ง

คิมเอ่ยเสียงเบาว่า “ตอนนี้ฉันกำลังแก้ไขปัญหาเรื่องสถานภาพของเธออยู่ และได้บอกเล่าปัญหาทั้งหมดกับเบื้องบนเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังหวังว่าจะสามารถทำให้ลูกสาวของฉันได้รับสถานภาพอย่างเป็นทางการเสียที แต่ตอนนี้ฉันอยากจะรู้ว่า นรมนจะกลับไปใช้นามสกุลของบรรพบุรุษหรือใช้ตัวตนของนรมน ธนาศักดิ์ธนในการลงทะเบียนขอสถานภาพเป็นการชั่วคราว”

คำถามนี้ทำให้คุณนายทวีทรัพย์ธาดาค่อนข้างที่จะลำบากใจ

ถ้าเอาตามความคิดเธอ ก็เป็นธรรมดาที่เธออยากจะให้นรมนได้ใช้นามสกุลว่าทวีทรัพย์ธาดา แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านรมนหายตัวไปที่ไหน อีกทั้งเด็กคนนั้นก็ยังไม่รู้สถานะที่แท้จริงของตัวเอง พวกเขาเองก็ยังไม่รู้ท่าทีของฝั่งพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธน ในเมื่อไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง พวกเขาจึงไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

“ผมคิดว่าว่าให้ผมไปพูดคุยกับทางฝั่งของตระกูลธนาศักดิ์ธนก่อนน่าจะดีกว่า จากนั้นพวกเราก็ค่อยมาพูดถึงปัญหานี้ใหม่ การตรวจสอบพฤติกรรมทางการเมืองและการสืบสวนต้องใช้เวลาสักสองสามวัน ช่วงเวลานี้พวกเราก็ค่อยๆ หารือกันไป แก้ไขปัญหาทั้งหมดให้สมบูรณ์แบบอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ผมก็จะได้เพิ่มเวลาในการสืบหาข่าวคราวของนรมนด้วย เธอควรมีสิทธิ์ที่จะได้รู้”

เมื่อบุริศร์พูดจบ ทั้งสองฝ่ายก็พยักหน้าทันที

หลังจากที่ได้เจอกันครั้งนี้ คุณนายทวีทรัพย์ธาดาก็อยากจะให้คิมกลับไปพักอยู่ด้วยกันที่บ้านด้วยกัน คิมปฏิเสธไม่ได้ จึงกลับไปที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาพร้อมเธอ

ธรณีกับบุริศร์ที่เดินอยู่ข้างหลังยกยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดออกมาว่า “ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ฉันใจเต้นเป็นครั้งแรกในชีวิตนี้จะเป็นหลานสาวของตัวเอง!”

“ดังนั้นนายจึงถูกวางให้เป็นคุณอาเล็กของเธอไงละ”

บุริศร์รู้สึกดีมาก

ศัตรูหัวใจถูกกำจัดไปอีกคนแล้ว ทำให้เขารู้สึกกดดันน้อยลง

ถึงแม้จะถูกบุริศร์พูดจาหยอกล้อ แต่ธรณีก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมาก เพียงเอ่ยเสียงเบาว่า “ฉันน่ะยังไงก็ได้ แต่เจตต์น่ะไม่แน่หรอกนะ เพราะว่าไม่สามารถที่จะเจียดเวลามาหานายได้ ช่วงนี้หมอนั่นก็เลยอารมณ์ไม่ค่อยดี ถ้าหากรู้ว่านายกลับมาคนเดียว แล้วยังเกิดเรื่องกับนรมนอีก เดาได้เลยว่าหมอนั่นจะต้องมาจัดการนายแน่ๆ”

“พูดถึงเจตต์แล้ว ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงได้หลงใหลในตัวของนรมนขนาดนั้น เขาเป็นเพลย์บอยไม่ใช่หรือไง”

บุริศร์ไม่เคยคิดว่าเจตต์เป็นคู่ต่อสู้ของตัวเอง ไม่รู้สึกว่าหมอนั่นจะสนใจนรมนนานอะไรนัก แต่เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ทุกสิ่งที่เขาทำให้นรมนก็ล้วนแต่อยู่ในสายตาของบุริศร์

ธรณีเอ่ยเสียงต่ำว่า “ได้ยินมาว่าเขาเคยพบกับนรมนตอนสมัยเด็กๆ หมอนั่นบอกว่านรมนเคยช่วยตัวเองเอาไว้”

“อ้อ”

ตรงจุดนี้ทำให้บุริศร์รู้สึกแปลกใจ

หลังจากที่ทั้งสองคนออกมาจากโรงแรมHilton ธรณีก็เอ่ยถามเสียงต่ำว่า “ไม่ให้ฉันไปคุยกับพ่อแม่ของทางฝั่งตระกูลธนาศักดิ์ธนเป็นเพื่อนนายจริงๆ เหรอ”

“ไม่ต้องหรอก นายเป็นคนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดา จะไปด้วยก็คงไม่ค่อยดี แต่ถ้าพอมีเวลาก็ไปทักทายคุณชายธเนศพลที่เมืองหลวงสักหน่อย ให้ข้างบนตรวจสอบพฤติกรรมทางการเมืองเร็วขึ้นอีกนิด เรื่องสำคัญที่สุดก็คือต้องรีบคืนตัวตนให้กับนรมน”

บุริศร์ไม่สามารถที่จะแยกร่างเพื่อทำทุกอย่างได้ จึงให้ธรณีไปจัดการเรื่องนี้ ถึงอย่างไรสำหรับเบื้องบนแล้ว ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็มีบารมีแข็งแกร่งกว่าตระกูลโตเล็ก คำพูดจึงค่อนข้างที่จะมีน้ำหนัก

คนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาพลีชีพเพื่อชาติเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันนี้ก็เหลือเพียงแค่ธรณีกับนรมนเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรบุริศร์ก็เชื่อเสมอว่า เบื้องบนจะต้องมอบสถานะภาพให้กับนรมนอย่างแน่นอน

ธรณีพยักหน้า จากนั้นทั้งสองคนก็แยกกันไปคนละทาง

บุริศร์กำลังไปพบพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนที่บ้านของพวกเขา

หลังจากที่กลับมาเมืองชลธี ป้าโอก็หนีไปแล้ว ธรณีเคยอยากจะให้พ่อแม่ของตระกูลธนาศักดิ์ธนพักอยู่ที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาต่อ แต่พวกเขาสบายใจที่จะอยู่บ้านของตัวเองมากกว่า ก็เลยกลับมาอยู่ที่บ้าน

เมื่อไหร่ที่คิดถึงกมลก็จะไปพบเธอที่ตระกูลโตเล็ก คุณนายโตเล็กก็ให้คนพากมลมาพบพวกเขา สองสามีภรรยาจึงมีความสุขเป็นอย่างมาก

พอได้ยินว่าบุริศร์มา พ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนก็ออกมารับเขาด้วยตัวเอง

แม่นรมนมองไปที่ข้างหลังของบุริศร์ แล้วถามว่า “นรมนไม่ได้มาด้วยเหรอจ๊ะ”

บุริศร์เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของเธอก็พูดออกมาอย่างละอายใจว่า “เกิดเรื่องกับนรมนแล้วครับ”

คำพูดไม่กี่คำนี้แทบจะทำให้นายหญิงแทบยืนต่อไปไม่ไหว

“อะไรนะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนที่บอกให้พวกเราไปครั้งนั้นฉันก็รู้สึกใจไม่ค่อยจะดี เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้อย่างนั้นเหรอ”

แม่นรมนร้องไห้สะอึกสะอื้น

พ่อนรมนประคองเธอเอาไว้ ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดออกมาว่า “คุณให้บุริศร์เข้ามาก่อนเถอะ พวกเราไปคุยกันข้างใน คุณก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนกจนเกินไป ในเมื่อบุริศร์ยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้ ก็แปลว่านรมนยังคงมีหวังอยู่”

บุริศร์พยักหน้าแล้วพูดออกมาว่า “พวกเราไปคุยกันข้างในเถอะครับคุณแม่”

แม่นรมนจึงได้เข้าไปข้างในพร้อมกับพวกบุริศร์

บุริศร์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอเมริกาทั้งหมดให้พ่อแม่ของนรมนฟัง รวมไปถึงเรื่องฐานะที่แท้จริงและเหตุการณ์ที่เธอกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันด้วย

ตอนที่ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ พ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนซึ่งเคยรู้สึกไม่แน่ใจว่าทำไมผลการวินิจฉัยถึงได้บอกว่าลูกแท้ๆ ของพวกเขากับนรมนไม่เข้ากันก็มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา

“เธอหมายถึงลูกของพวกเราตายไปตั้งแต่แรกเกิดเลยอย่างนั้นเหรอ”

แม่นรมนไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้

บุริศร์ก็ไม่รู้จะปลอบเธออย่างไร

แม่ของนรมนร้องไห้จนเหมือนใจจะขาด โดยมีพ่อนรมนคอยปลอบอยู่ข้างๆ

“แค่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาบอกว่าลูกสาวที่พวกเราเลี้ยงดูมายี่สิบกว่าปีต้องไปก็ต้องไปแล้วอย่างนั้นเหรอ พวกเราคิดว่าเธอเป็นลูกแท้ๆ ของเรามาตลอด! ทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าต้องการจะฆ่าพวกเราหรือยังไง ตอนที่อยู่อเมริกา แยมคนนั้นก็ให้พวกเราเซ็นชื่ออะไรสักอย่าง แล้วบอกว่าจะคืนตัวตนให้นรมน พวกเราก็เลยเซ็นไป ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจะเป็นการทำร้ายเด็กคนนั้น พวกเราจะเซ็นได้ยังไง คุณคะ ตอนนี้ควรจะทำยังไงกับลูกสาวของเราดี”

แม่นรมนร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด พ่อนรมนก็รู้สึกยากจะรับได้เช่นกัน

“นรมนเป็นคนของตระกูลธนาศักดิ์ธน ไม่ว่าพวกเธอจะพูดยังไง พวกเราก็เป็นพ่อแม่ของเธอมาตั้งแต่เริ่ม และเธอเองก็ใช้นามสกุลของพวกเรามาตลอด ดังนั้นเธอเป็นลูกสาวของเรา! พวกเราขอพูดตั้งแต่ตอนนี้เลยนะ พวกเราไม่คัดค้านถ้าหากนรมนจะต้องยื่นขอสถานะภาพใหม่ แต่เธอนามสกุลธนาศักดิ์ธน ในใจของพวกเรานี้...ในใจนี้...”

พ่อนรมนพูดต่อไปไม่ไหวแล้ว

บุริศร์รู้ดีว่าพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนจะต้องเจ็บปวดอย่างแน่นอน

แต่เขากลับไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

ในตอนนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของบุริศร์ก็ดังขึ้น

เป็นสายจากคุณนายทวีทรัพย์ธาดา

บุริศร์ไม่รู้ว่าคุณนายทวีทรัพย์ธาดาต้องการจะพูดอะไร ทั้งยังกลัวว่าเธอจะมาโต้แย้งเรื่องปัญหาของตระกูล แต่ว่าจะไม่รับสายก็ไม่ได้ บุริศร์จึงต้องฝืนกดรับ

“สวัสดีครับคุณนายทวีทรัพย์ธาดา”

“บุริศร์จ๊ะ ฉันกับคิมปรึกษากันแล้ว ตอนนี้นรมนยังไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของตัวเอง และพวกเราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจแทนเธอ คิดว่าเรายื่นขอให้นรมนมีสถานะเป็นนรมน ธนาศักดิ์ธนชั่วคราวไปก่อนดีไหม รอเธอกลับมาแล้วจะเปลี่ยนเป็นทวีทรัพย์ธาดาหรือจะใช้ธนาศักดิ์ธนต่อไปพวกเราก็ไม่มีความเห็นอะไร ตามใจเธอทุกอย่าง ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ฉันก็แค่อยากให้เธอได้รู้จักกับบรรพบุรุษของตัวเองบ้าง ส่วนจะนามสกุลอะไรก็ได้ทั้งนั้น นี่ก็ตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว พวกเราเองก็ไม่เคยลืมที่พ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนเคยเลี้ยงดูนรมนมาอย่างดีเช่นกัน”

เมื่อได้ยินคุณนายทวีทรัพย์ธาดาพูดแบบนี้ บุริศร์ก็หนักใจเล็กน้อย

“ได้ครับนายหญิง ผมเข้าใจแล้ว”

หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ บุริศร์ก็เล่าคำพูดของคุณนายทวีทรัพย์ธาดาให้พ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนฟัง

ทั้งสองคนตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็กอดกันร้องไห้อย่างขมขื่น

“ขอบคุณพวกเธอมาก ขอบคุณนะ”

บุริศร์เอ่ยปลอบพวกเขาสองสามประโยค จากนั้นก็ขอตัวออกมา

ไม่มีข่าวใด ๆ จากพฤกษ์ ซึ่งหมายความว่ายังไม่พบเบาะแสของนรมน

บุริศร์รู้สึกกังวลมาก

หรือว่านรมนจะไม่ได้ปีนขึ้นมาบนเรือด้วยตัวเอง

เธอถูกคนลักพาตัวไปหรือเปล่านะ

ไม่อย่างนั้นแล้วทำไมถึงได้ไม่มีข่าวคราวอะไรของเธอเลย

เรื่องก็ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว ไม่ว่านรมนจะบาดเจ็บหนักแค่ไหน เธอก็ควรที่จะโทรศัพท์มาไม่ใช่เหรอ

เขายังไม่ได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ อีกทั้งเธอก็ยังรู้จักเบอร์ของตระกูลโตเล็กดี เธอยังสามารถโทรไปหาคมทิพย์หรือพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนเพื่อบอกว่าตัวเองสบายดีได้ด้วยซ้ำ แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้ไม่มีข่าวสารของเธอเลยแม้แต่นิดเดียวกัน

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ บุริศร์แทบจะพลิกเมืองชลธีและท่าเรือที่อยู่บริเวณใกล้ๆ เพื่อตามหาเธอสักรอบ

ในตอนนั้นเองคุณนายโตเล็กก็โทรศัพท์มาพอดี

“บุริศร์ แม่รู้ว่าเรื่องการหายตัวไปของนรมนนั้นส่งผลกระทบกับลูกมาก แต่ตอนนี้ลูกกลับมาดูกมลก่อนเถอะนะ สองวันมานี้เธออาการไม่ค่อยจะดีเลย กิจจาคอยอยู่เป็นเพื่อนเธอตลอด แต่เธอก็เอาแต่ร้องหาหม่ามี้ ลูกรีบกลับมาดูหน่อยเถอะ”

พอได้ยินคุณนายโตเล็กพูดแบบนี้ บุริศร์ก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีขึ้นไปอีก

ล้วนพูดกันว่าแม่ลูกมีใจสื่อถึงกัน กมลคงจะรู้สึกได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับนรมนสินะ

ไม่ว่าจะยังไง บุริศร์ก็รีบกลับไปที่ตระกูลโตเล็กในทันที

กมลหมดสติไปแล้ว

กมลไม่สบายตลอดการเดินทางกลับ เธอไม่เคยนั่งเรือมาก่อน จึงมีอาการเมาเรืออย่างรุนแรง เมื่อกลับมาถึงแผ่นดินใหญ่ก็ยังไข้ขึ้นสูง

คุณนายโตเล็กไม่กล้าที่จะชักช้า รีบพาเธอไปโรงพยาบาลทันที หลังจากที่คุณหมอตรวจเสร็จก็บอกว่าเกี่ยวเนื่องกับโรคเก่าของกมล บอกว่าเธอมีอาการไตวาย จำเป็นต้องเตรียมการผ่าตัดโดยด่วน

แต่กมลกลับบอกว่าอย่างไรก็ไม่อยากจะนอนอยู่ที่โรงพยาบาล คุณนายโตเล็กจึงได้แต่ต้องพาเธอกลับมา แล้วจ้างหมอที่ดีที่สุดมาคอยให้การรักษาเธอที่บ้าน

เมื่อบุริศร์เห็นว่าชั้นเนื้อน้อยๆ ที่อุตส่าห์เพาะเลี้ยงมาอย่างยากลำบากของลูกสาวหายไปหมดแล้ว ก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก

เขานั่งลงข้างๆ กมล ลูบหัวเธอแล้วพูดว่า “ลูกรัก ลูกต้องรีบดีขึ้นไวๆ นะรู้ไหม หม่ามี้ของลูกเป็นห่วงลูกมากเลยนะ ถ้าอาการป่วยของลูกหายดีหมดแล้ว เวลาหม่ามี้กลับมาจะต้องดีใจมากอย่างแน่นอน”

กิจจาที่ฟังอยู่ด้านข้างถามเสียงเบาว่า “แด๊ดดี้ กมลกลับมาก็เอาแต่หาอาเฮีย พวกเราบอกแล้วว่าอาเฮียออกไปฝึกฝนอยู่ข้างนอก แด๊ดดี้ก็อย่าเผลอหลุดปากออกมาเชียวล่ะ”

บุริศร์มองไปที่กิจจา จึงได้พบว่าเจ้าเด็กนี่โตแล้วจริงๆ รู้จักที่จะปลอบเขาเพื่ออาการป่วยของกมลแล้ว

“อื้ม ลำบากลูกแล้ว”

“ไม่ลำบากหรอกครับ ก็ผมเป็นพี่ชายคนโตนี่นา”

กิจจายิ้มอย่างเขินอาย รู้สึกมีความสุขกับคำชมของบุริศร์มาก

กมลยังคงสลบอยู่ จึงไม่รู้ว่าบุริศร์กลับมาแล้ว เลยเอาแต่ร้องเรียกหม่ามี้หม่ามี้ไม่หยุด เรียกจนบุริศร์รู้สึกปวดใจ

เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องของกมล ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ในบ้านดังขึ้น

ใครโทรมากันนะ

จะเป็นนรมนหรือเปล่า

บุริศร์เดินไปทางโทรศัพท์ด้วยความตึงเครียด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย