แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 268

บทที่ 268 ความใจร้อนเป็นมารผจญ

“ลูกรู้ข่าวของหม่ามี้ด้วยอย่างนั้นเหรอ”

“แน่นอนสิครับ ไม่อย่างนั้นแล้วผมจะเรียกคุณมาทำไมกันล่ะ”

เด็กชายยิ่งกวนโอ๊ยมากขึ้นเรื่อยๆ

พอเห็นท่าทางเป็นกังวลอย่างถึงที่สุดของบุริศร์แล้ว ก็ไม่ได้พยายามยั่วโทสะเขาต่อ บางครั้งบุริศร์ก็เป็นคนที่ล้อเล่นได้บ้าง แต่ถ้าจะให้ยั่วยุเขาจริงๆ แล้วก็ กานต์ก็ค่อนข้างที่จะกลัวนิดหน่อย

ถึงแม้ว่าตอนนี้บุริศร์จะดูค่อนข้างจนตรอก แต่เด็กชายก็ไม่กล้าที่จะล้อเขาเล่น

“อะแฮ่ม ตั้งแต่ตอนที่หม่ามี้ตกลงไปในทะเล กิมจิก็ได้รับข่าวมาทันที ความจริงแล้วจะพูดให้ถูกก็คือ กิมจิรู้ข่าวตั้งแต่ตอนที่รเมศพาหม่ามี้มาที่บริษัทวัชโรทัยแล้ว”

คำพูดของกานต์ทำให้แววตาของบุริศร์เต็มไปด้วยประกายความหดหู่

“กิมจิ ผู้จัดการกิมจิของFallen heavenคนนั้นน่ะเหรอ”

“ใช่แล้วละ เขาเป็นผู้จัดการของอาณาจักรรัตติกาลสาขาอเมริกา ทั้งยังเคยเอาเครื่องติดตามติดไว้บนตัวของหม่ามี้ ไม่ว่าหม่ามี้จะอยู่ที่ไหน เขากับคนในสำนักงานใหญ่ของพวกเราก็จะสามารถตามหาตัวเธอพบได้ทันที”

“สำนักงานใหญ่ของพวกลูกอย่างนั้นเหรอ พ่อลืมไปเลย ลูกเป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของอาณาจักรรัตติกาลนี่นะ เป็นธรรมดาที่จะรู้มากกว่าพ่ออยู่แล้ว แต่ลูกกลับปิดบังพ่อเอาไว้ ไม่ยอมบอก ทำให้พ่อต้องกังวลอยู่ตั้งนานสินะ”

น้ำเสียงของบุริศร์ค่อนข้างที่จะเย็นชา แฝงไปด้วยอันตรายอยู่หลายส่วน

กานต์เริ่มถอยหนีอย่างอึดอัด

“เฮ้ๆ คุณบุริศร์ ความใจร้อนเป็นมารผจญนะ! ใจเย็น! ใจเย็นๆ ก่อน!”

“ฉันใจเย็นอยู่นี่ไง!”

ครั้งนี้บุริศร์โมโหแล้วจริงๆ

ลูกชายมองความรู้สึกของเขาที่เป็นห่วงนรมนจนถ้าจะไฟลุกด้วยสายตาเย็นชาเหมือนกำลังมองลิงตัวหนึ่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้ยังจะกระโดดมาบอกเขาว่า เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ภายใต้ฝ่ามือของอาณาจักรรัตติกาลอีกอย่างนั้นเหรอ

เขาไม่ได้โกรธหนักขนาดนี้มาหลายปีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเด็กเวรที่อยู่ตรงหน้าดันเป็นลูกชายของเขา!

ผู้ใหญ่คนหนึ่งกับถูกเด็กคอยปั่นหัวอยู่รอบๆ ตอนนี้บุริศร์เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าความรู้สึกนั้นมันเป็นยังไง

เขาก้าวเข้าไปหาเด็กชาย

“คุณบุริศร์ อย่าเพิ่งใจร้อนสิ คุณฟังผมพูดก่อน”

กานต์รู้แล้วว่าตัวเองผิด

ทำไมเขาถึงได้คิดว่าตัวเองจะสามารถสยบสัตว์ร้ายอย่างบุริศร์ได้กันนะ

เด็กชายรีบหมุนตัววิ่งออกไปด้วยความหวาดกลัว

“หยุดเดี๋ยวนี้นะเจ้าเด็กเวร!”

บุริศร์วิ่งไล่ตามอย่างโมโห

ถึงเวลานี้แล้วกานต์แทบจะร้องไห้โดยไร้น้ำตา

“คุณคิดว่าผมโง่หรือไง ถ้าผมหยุดแล้วคุณจะไม่จับผมถลกหนังหรอกเหรอ”

“ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วเหรอ แล้วทำไมตอนที่ปั่นหัวพ่อถึงได้ไม่คิดจะกลัวกันล่ะ ออกมาได้สองสามวัน ขอแค่มีอาของลูกคอยเป็นผู้นำอยู่ ก็คิดว่าตัวเองสามารถพลิกฟ้าได้สินะ ลูกเคยเห็นพ่อคนนี้อยู่ในสายตาบ้างไหม”

บุริศร์ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ

เขารู้มาตลอดว่ากานต์ซุกซนกว่ากิจจามาก แต่ไม่คิดว่าเจ้าเด็กนี่จะไม่รู้หนักเบาขนาดนี้

เด็กชายไม่กล้าที่จะหยุดเลยแม้แต่น้อย เขาวิ่งไปพลางพูดไปพลางว่า ” ผมจะไม่เห็นคุณอยู่ในสายตาได้ยังไง นี่ผมก็กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ นี่ไม่ใช่ว่าผมกำลังจะบอกคุณอยู่หรือไง ใจเย็นๆ หน่อยสิ ใจดีกับผมหน่อยไม่ได้เหรอ จะดีจะร้ายยังไงผมก็เป็นลูกชายของคุณนะ”

“ลูกยังรู้ว่าตัวเองเป็นลูกของพ่ออยู่อีกอย่างนั้นเหรอ! กานต์ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

บุริศร์วิ่งไล่กันอยู่ในโกดังเสียหลายรอบ จึงได้พบว่าสมรรถภาพทางกายของเจ้าเด็กเวรนี่ดีกว่าเมื่อก่อนมากอย่างเห็นได้ชัด

กานต์กลับส่ายหน้าไปมาเหมือนกลองป๋องแป๋ง

“ผมไม่ได้โง่นะ นอกจากคุณสัญญาว่าจะไม่ตีผม ผมก็จะยอมหยุดคุยกับคุณ”

“ได้! ไม่ตีก็ไม่ตี! หยุดได้แล้ว!”

บุริศร์หายใจหอบ

เจ้าเด็กนี่วิ่งเร็วจริงๆ

“จริงเหรอ”

บุริศร์หยุดฝีเท้า

กานต์ขยับเข้าไปใกล้บุริศร์อย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีท่าทีที่จะลงมือ จึงถอนหายใจออกมา

ทว่าตอนที่เขากำลังถอนหายใจอยู่นั้น อยู่ๆ บุริศร์ก็ยื่นมือออกมาคว้าแขนของเขาแล้วออกแรงดึงตัวเด็กชายเข้ามาในอ้อมกอด

“ว้าก! คุณบุริศร์ คุณมันพูดไม่เป็นคำพูด หน้าไม่อาย! คุณมันรังแกเด็ก! คุณมัน! อ้าก!”

กานต์ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกตีก้นอย่างแรง

บุริศร์พูดออกมาอย่างโมโหว่า “พ่อไม่ตี พ่อไม่ลูกสิแปลก! เจ้าเด็กเวรนี่ ไม่ได้สั่งสอนแค่แป๊บเดียว ก็ฉลาดขึ้นแล้วสินะ วิ่งสิ! วิ่งอีกสิ! ดูสิว่าพ่อจะไม่ตัดขาของลูกทิ้ง!”

กานต์รู้สึกได้ว่าก้นของตัวเองกำลังบวมขึ้นมา

บุริศร์ลงมือโดยไม่ปรานีเลยจริงๆ

“คุณบุริศร์ ผมผิดไปแล้ว ผมรู้ตัวว่าผิดแล้วยังไม่พออีกเหรอ หยุดตีได้แล้ว! เจ็บนะ! แด๊ดดี้ พ่อครับ!”

กานต์เริ่มเล่นลูกไม้

พอถูกเรียกว่า” แด๊ดดี้” กับ “พ่อครับ” แล้ว อย่างไรบุริศร์ก็ตีต่อไม่ลง

เขาพูดออกมาอย่างโมโหอีกครั้งว่า “อย่าคิดว่าเรียกพ่อว่าแด๊ดดี้แล้วพ่อจะปล่อยลูกไปนะ บอกมาสิว่าหม่ามี้ของลูกอยู่ที่ไหน”

กานต์ลูบก้นเล็ก ๆ ที่น่าสงสารของตัวเอง แล้วกล่าวออกมาด้วยสีหน้าหมดคำจะพูดว่า “ตอนแรกผมก็จะบอกอยู่ไง แต่คุณก็ยังตีผม คุณรู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำร้ายผู้เยาว์อยู่นะ ผมสามารถแจ้งความจับคนได้เลยนะ”

“โตจนรู้จักตัดสินถูกผิดได้แล้วสินะ ก็ดูซิว่าลูกจะไปแจ้งความจับพ่อเร็วกว่า หรือพ่อจะจับลูกตีอีกรอบเร็วกว่ากัน”

บุริศร์ไม่อยากจะใช้กำลังกลับลูกชายตัวเองจริงๆ แต่เจ้าเด็กนี่มันกวนโมโหกันเกินไปแล้ว

กานต์เอ่ยอย่างน้อยใจว่า “บอกไว้เลยนะว่าคุณอย่าได้ตีผมต่ออีก ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ให้คุณได้เจอหม่ามี้อีกตลอดชีวิต”

“ลูกกล้างั้นเหรอ!”

“ก็ลองดูสิ!”

กานต์ยืดคอมองแล้วร้องตะโกนใส่บุริศร์อย่างถือดี

บุริศร์โมโหจนรู้สึกเจ็บหน้าอก เขาหายใจไม่ออก จากนั้นก็พ่นเอาเลือดออกมา

“คุณบุริศร์!”

กานต์รู้สึกกลัวไปหมด

“คุณบุริศร์ คุณไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม”

“ไม่ตายหรอก”

หลายวันมานี้บุริศร์รู้สึกค่อนข้างที่จะร้อนอยู่ข้างใน ในคอมักจะมีเลือดออกอยู่ตลอด ตอนนี้ได้พ่นออกมาบ้างก็เลยรู้สึกดีขึ้นมาก

ตอนนี้เด็กชายไม่กล้าที่จะดื้อรั้นอีกแล้ว

เขามองไปที่บุริศร์อย่างระมัดระวัง ดวงตาเรียวคอยเหลือบมองบุริศร์อยู่เป็นระยะๆ เรากลับกลัวว่าเขาจะเป็นลมล้มลงไป

พอเห็นลูกชายเป็นแบบนี้ บุริศร์ก็เริ่มที่จะคลายโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว

ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้เจอหน้ากานต์มานานแล้ว เจ้าเด็กนี่เหมือนจะสูงขึ้นนิดหน่อย ทั้งยังแข็งแรงกว่าเดิมมาก

“พ่อไม่เป็นไร ลูกไม่ต้องกังวล”

บุริศร์อดไม่ได้ที่จะพูดปลอบ

ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดีๆ เด็กชายก็ร้อง “ฮือ” ออกมา จากนั้นก็โถมตัวเข้าไปในอ้อมกอดของบุริศร์ แล้วร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ทำเอาบุริศร์ตั้งตัวไม่ทัน

“เป็นอะไรไปหืมม์”

“เจ็บก้น! ฮือๆ!”

เด็กชายเริ่มใช้โอกาสนี้ในการออดอ้อน

มุมปากของบุริศร์ยกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“เจ็บจริงๆ เหรอ”

“เจ็บจริงๆ สิ!”

“ถอดกางเกงดูสิว่ามีเลือดออกไหม”

ตอนที่บุริศร์บอกให้ถอดกางเกง เด็กชายก็กระโดดหนีออกมาจากอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อทันที ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นมองบุริศร์อย่างขุ่นเคือง ราวกับว่าเขาดูชั่วร้ายมากๆ

“ไม่ต้องมาใช้สายตาแบบนี้มองพ่อ คิดจะสู้กับพ่อ ลูกยังอ่อนอีกเยอะ ว่ายังไงล่ะ อยากจะให้ดอกไม้บานที่ก้นใช่ไหม”

“คุณบุริศร์ ทำไมคุณถึงได้เป็นผู้ชายที่ชั่วช้าเลวทรามขนาดนี้ บอกมาสิว่าหม่ามี้ไปชอบคนอย่างคุณได้ยังไง”

กานต์พูดออกมาอย่างรุนแรง

อยู่ๆ บุริศร์ก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ช่างน่าฟังจริงๆ

“พ่อกับหม่ามี้ของลูกเป็นคนที่ฟ้ากำหนดให้มาคู่กัน” .

“ถุย ไร้ยางอาย”

กานต์เบ้ปาก จากนั้นก็นั่งลงบนเศษผ้าที่อยู่ข้างๆ

“ความจริงแล้วตอนที่หม่ามี้ถูกตุลยาทำให้สลบ พวกเราเองก็ยังไม่รู้เหมือน เพียงแต่ว่าหลังจากนั้นเครื่องติดตามที่อยู่บนตัวของหม่ามี้ก็เริ่มทำงาน ตอนนั้นเองกิมจิก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตอนนี้หม่ามี้เป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะภาพ ไม่มีทางที่จะออกไปไหนคนเดียวได้ หลังจากที่เราตรวจสอบแล้วก็ได้รู้ว่าคิมยังพักอยู่ในห้อง ดังนั้นหม่ามี้ไม่มีทางที่จะออกมาคนเดียวได้แน่ มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวนั่นก็คือถูกใครพาตัวไป ดังนั้นตอนที่กิมจิส่งข่าวมาให้พวกเรา ผมก็เจาะเข้าไปที่วีดีโอคอมพิวเตอร์ตรงประตูบ้านของคิม เลยได้เห็นเรื่องราวทั้งหมด แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่ารเมศคิดจะทำอะไร เลยไม่ได้บอกคุณ”

พอพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเด็กชายก็แผ่วลง

บุริศร์มองเขา จากนั้นก็ดึงลูกชายเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง

“จัดการรเมศไม่ลงใช่ไหมล่ะ หรือจะบอกว่าจิตสำนึกของลูกไม่เชื่อว่าหม่ามี้จะถูกเขาทำร้าย”

กานต์เงียบไป

พูดกันตามตรง ตลอดห้าปีมานี้รเมศก็ดีกับเขาไม่น้อยเลยจริงๆ

เขาชอบคอมพิวเตอร์ รเมศก็ส่งแฮกเกอร์ฝีมือดีที่สุดมาสอนเขา เขาชอบวาดภาพ รเมศก็ไปเรียนวาดภาพเป็นเพื่อนเขา ราวกับคนๆ นั้นสามารถปรากฏตัวในทุกครั้งที่เขาต้องการ เพื่อจะชดเชยในความปรารถนาที่จะมีพ่อของกานต์

แต่ก็เป็นคนเช่นนี้ ทันใดนั้นวันหนึ่งตอนที่เขาค้นพบว่ารเมศทำอะไรกับกมลเอาไว้ ค้นพบว่าคนๆ นั้นเพิกถอนสถานภาพของหม่ามี้ ทำให้หม่ามี้กลายเป็นบุคคลไร้ตัวตน ทั้งยังไล่ตามหม่ามี้โดยไม่คิดจะยอมแพ้ กานต์จึงรู้สึกโง่งม

เขารู้สึกว่าทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่ไม่สามารถที่จะตอบสนองได้ทันที ด้วยเหตุนี้ตัวเขาในตอนนั้นจึงรู้สึกยุ่งวุ่นวายจริงๆ เขาไม่เชื่อว่ารเมศจะทำเรื่องแบบนี้กับหม่ามี้ ถึงอย่างไรตลอดห้าปีมานี้รเมศก็ดีกับพวกเขาสามแม่ลูกมากจริงๆ หรือจะบอกว่าไม่ใช่อย่างนั้นเหรอ

ตอนนี้พอถูกบุริศร์สั่งให้ออกมาตัวเปล่าแบบนี้ เด็กชายก็ปั้นหน้าต่อไปไม่ไหวแล้ว รู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปหมด

เด็กชายหันหน้าหนีบุริศร์อย่างไม่สบอารมณ์ ทว่าร่างกายกลับยังคงสั่นระริก

บุริศร์ถอนหายใจออกมาแล้วสวมกอดเขาอีกครั้ง ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “คนเรามีเรื่องราวมากมายให้ต้องเผชิญอยู่ตลอดชีวิต มักจะมีทั้งทางเลือกและการที่ต้องเลือกอยู่เสมอ สักวันหนึ่งคนที่เราคิดว่าสำคัญที่สุดก็อาจจะทรยศเรา ดังนั้นลูกจะต้องเข้มแข็งขึ้นอีกนิด อย่าได้ล้มเพราะเรื่องแค่นี้ เพราะถึงยังไงหลังจากนี้ลูกก็ยังมีหนทางชีวิตอีกยาวไกล”

“คุณไม่โทษผมอย่างนั้นเหรอ”

เด็กชายค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาคู่นั้นทำให้คนรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก

“โทษอะไรลูกอย่างนั้นเหรอ”

“โทษที่ผมไม่ยอมบอกคุณตั้งแต่ทีแรก โทษที่ผมยังเอาแต่เพ้อฝัน โทษที่ผมทำให้หม่ามี้ต้องมาเผชิญกับเรื่องทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นความผิดของผม”

กานต์รีบก้มหน้าลง รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

บุริศร์ลูบหัวของเขาแล้วพูดออกมาอย่างอ่อนโยนว่า “ลูกเป็นลูกชายเรา เป็นธรรมดาที่จะเลือกสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ว่าลูกจะทำอะไร พ่อกับหม่ามี้ก็ไม่เคยจะโทษลูก ถึงยังไงลูกก็ยังเล็ก”

“แต่เพราะแบบนี้หม่ามี้ถึงได้ถูกผลักลงไปในทะเล ตอนนั้นหม่ามี้ยังคงสลบไม่ได้สติ น้ำทะเลก็เย็นมาก ถ้าไม่ใช่เพราะกิมจิไปถึงทันเวลาละก็ ถ้าหากไม่มีเรือบรรทุกสินค้าลำนั้นละก็ ไม่แน่ว่าหม่ามี้อาจจะ...”

เด็กชายพูดต่อไปไม่ได้แล้ว

เขายังคงหวาดกลัวมาจนถึงตอนนี้

จะอย่างไรเขาไม่สามารถลืมได้ว่าตนเองตกใจแค่ไหนเมื่อเห็นใบหน้าที่ไร้เลือดของหม่ามี้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์

เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพ่อทูนหัวที่เขาเคารพและชื่นชมมาตลอดอย่างรเมศ จะทำให้หม่ามี้ต้องยากลำบากแบบนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย