บทที่ 281 ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ง่าย ๆ
ในเวลานี้บุริศร์ก็เริ่มเป็นห่วงขึ้นมาบ้างแล้ว
“ใช่ ถ้าหากว่าพวกเราไม่กลับไป กมลก็จะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน แต่ว่าถ้าว่าฉันไม่กลับไป การผ่าตัดก็ไม่มีทางเริ่มดำเนินการขึ้นมาได้ บางทีอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่พวกเราคิดไว้ก็ได้ ตอนนี้ฉันหวังแต่เพียงว่ากิมจิจะรีบพาคนมาให้ถึงเร็วที่สุดถึงจะดี”
“คุณติดต่อกิมจิได้ยังไงกันคะ? ฉันอยากจะส่งข้อความไปให้พวกคุณ ถึงได้รู้ว่าที่นี่โดนตัดสัญญาณไปแล้ว”
พอนรมนพูดถึงสิ่งนี้ก็รู้สึกหมดคำพูดมากเลย
เธอรู้สึกเหมือนกับว่า อยู่ ๆ ก็โดนคนจับมาใส่ไว้ในกล่องใบหนึ่ง แล้วได้แต่ปล่อยให้คนทำตามใจชอบ ความรู้สึกแบบนั้นมันช่างทำให้คนอึดอัดจริง ๆ
บุริศร์กลับพูดเสียงเย็นขึ้นว่า “คุณลืมไปแล้วเหรอ? ว่าเกาะทั้งเกาะนี้เป็นของผม สัญญาณโดนตัดได้ ผมก็สามารถทำให้สัญญาณเปิดได้เช่นกัน หลังจากที่ผมกลับมาแล้ว ก็พบว่าฐานทั้งฐานนี้ต่างก็วุ่นวายไปหมด ก็เลยรู้สึกได้ว่าสัญญาณโดนตัดทิ้งไปแล้ว ผมจึงวิ่งไปที่แผนกรักษาความปลอดภัย แล้วใช้ช่วงเวลาที่พวกเขาไม่อยู่แอบส่งข้อความออกไป เวลานี้คิดว่ากานต์น่าจะได้รับข้อความแล้ว”
“นี่คุณติดต่อกานต์ไปเหรอ? เขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเองนะ”
นรมนรู้สึกว่าความคาดหวังที่บุริศร์มีต่อลูกชายนั้นมากเกินไปแล้ว
เมื่อพูดถึงกานต์แล้ว บุริศร์ก็พูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจมากว่า “นั่นเป็นเพราะว่าคุณคิดว่าแกเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่ง และที่สำคัญผมก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อกับกิมจิยังไงนี่ ไม่หากานต์แล้วจะหาใครล่ะ? ผมเองก็รู้สึกว่าไม่สบายใจถึงได้ลองโทรศัพท์หาคุณดู แต่กลับโทรเข้าไม่ได้ ถึงได้ตัดสินใจย้อนกลับมาไง”
พอบุริศร์พูดแบบนี้ นรมนก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย
“กานต์เก่งกาจมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“คุณนี่ไม่รู้เลยเหรอว่าลูกชายของเราเก่งกาจแค่ไหน อย่าให้พูดถึงทักษะทางด้านคอมพิวเตอร์เลย รออีกไม่กี่ปีผมก็คงต้องยอมแพ้แล้ว”
“ไม่ได้โอเวอร์ถึงขนาดที่คุณพูดหรอกมั้งคะ? แกเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งเองนะ”
ถึงแม้ว่านรมนจะพูดไปแบบนี้ แต่ว่ามุมปากกลับคลี่ยิ้มออก เห็นได้ชัดว่ามีท่าทางดีใจและภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก
มองดูผู้หญิงที่ปากกับใจไม่ตรงกันคนนี้แล้ว บุริศร์ยิ่งดูก็ยิ่งชอบมากอีกจริง ๆ
เขาพบว่าตัวเองอาจจะเป็นพวกที่ชอบโน้มเอียงไปทางด้านทำร้ายตัวเองจริง ๆ แล้ว ทำไมถึงได้ชอบผู้หญิงคนนี้ไปแล้วล่ะ?
ทั้งสองคนนั่งอยู่ข้างนอกครู่หนึ่ง แล้วบุริศร์ก็อุ้มเธอขึ้นมาและเดินย้อนกลับไป
นรมนพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ช่างเถอะ อยู่ข้างนอกก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ให้นลินนอนนานขึ้นอีกหน่อย เด็กคนนี้ไม่รู้ว่าไม่ได้นอนมากี่วันแล้ว ตรงขอบตาก็มีขอบตาดำไปหมดแล้ว ถ้าพวกเราเข้าไปตอนนี้จะรบกวนเธอได้นะ”
“นี่มันเป็นเต็นท์ของผม คุณไม่รู้สึกว่าเธอมาถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเหรอ?”
บุริศร์รู้สึกอึดอัดมากจริง ๆ
ตอนนี้ตัวของนรมนมีเหงื่อซึมออกมาแล้ว เพราะว่าโดนผ้าห่มไว้จนเหงื่อออก และโดนความอุ่นของบุริศร์จนทำให้ออกด้วย จนตอนนี้อาการเป็นหวัดเริ่มดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ว่าบุริศร์ก็ยังไม่กล้านิ่งนอนใจ
นรมนพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เธอเป็นแค่เด็กสาวอายุสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่งเอง ทำไมคุณถึงมักจะไม่พอใจในตัวเธอด้วย? ถ้าไม่พอใจจริง ๆ แล้วตอนแรกคุณจะช่วยเธอมาด้วยทำไมกัน?”
“คนที่ช่วยเธอเป็นคุณต่างหากไม่ใช่เหรอ?”
คำพูดนี้ของบุริศร์นั้นชัดเจนมาก ถ้าหากว่าไม่ใช่ว่านรมนยืนกรานว่าจะช่วยแล้วล่ะก็ เขาจะไม่มีทางพานลินที่เป็นตัวถ่วงคนนี้มาด้วยอย่างแน่นอน
พอนรมนได้ยินคำพูดที่หยิ่งยโสและไม่เข้ากันแบบนี้แล้วก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ใช่ ใช่ ใช่ ท่านประธานใหญ่บุริศร์ยอมเข้ากับผู้อื่นก็เพราะฉัน ฉันทราบซึ้งน้ำใจเป็นอย่างมากเลย พอใจหรือยัง?”
“แค่พูดด้วยลมปากเท่านั้นเองเหรอ?”
“ไม่อย่างงั้นล่ะ?”
นรมนรู้สึกว่า ยิ่งอยู่บุริศร์ก็ยิ่งอันธพาลมากขึ้นแล้ว
บุริศร์ชิดเข้ามาใกล้ที่ข้างหูของเธอ แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “หรือว่าเอาร่างกายมาทดแทนเลยซิ!”
“ไสหัวไปเลยนะ!”
นรมนทุบเขาไปหมัดหนึ่ง แต่ว่าสำหรับบุริศร์มาพูดแล้วนั้นกลับไม่เจ็บไม่คันเลยสักนิด
บุริศร์รวบมือของเธอเอาไว้เลย แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ฉันอยากจริง ๆ นะ หรือไม่เรามาลองแบบดิบเถื่อนกันบ้างไหม?”
“คุณกล้าเหรอ!”
นรมนรู้สึกว่าหน้าของตัวเองก็เกือบจะร้อนขึ้นมาแล้ว
บุริศร์คนนี้นี่ ตอนนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งไม่ปกติแล้ว
เธอเองก็เกือบจะเอาไม่อยู่แล้ว ควรจะทำยังไงดีล่ะ?
มองเห็นท่าทางในตอนนี้ของนรมนแล้ว บุริศร์ก็หัวเราะจนเกือบจะเกินไปแล้ว แต่ว่ามือคู่นั้นก็ไม่ได้อยู่นิ่ง ๆ
นรมนรู้สึกแต่เพียงว่าไฟลุกขึ้นมาทั้งตัวแล้ว จึงได้แต่พูดขอร้องขึ้นไม่หยุดว่า “อย่าเล่นเลย บุริศร์ คุณอย่าเล่น ฉัน..….ฉัน……”
“เป็นยังไงบ้าง?”
เห็นได้ชัดว่าบุริศร์กำลังหยอกล้อเธอเล่นอยู่
นรมนโกรธจนกัดนิ้วของบุริศร์คำหนึ่งโดยตรงเลย แล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าคุณยังเล่นอยู่อีก ฉันจะกัดนิ้วคุณให้ขาดเลย คุณเชื่อไหม?”
“เปลี่ยนที่กัดอีกที่หนึ่ง ฉันยิ่งชอบ”
“คุณไสหัวไปเลยนะ!”
นรมนผลักเขาออกทีหนึ่ง แต่ว่ากลับลืมไปว่าทั้งสองคนห่มผ้าห่มผืนเดียวกันอยู่ แล้วในเวลานี้ทั้งตัวและผ้าห่มต่างก็คว่ำอยู่บนตัวของบุริศร์
บุริศร์หัวเราะอย่างได้ใจมาก
“ที่แท้คุณชอบแบบนี้เองเหรอ สมแล้วที่เป็นภรรยาผม แข็งกร้าวได้ขนาดนี้”
“คุณยังจะพูดอีก! ห้ามพูดนะ!”
นรมนยื่นมือออกไปปิดปากของบุริศร์ไว้โดยตรงเลย
เธอรู้สึกว่าจะต้องมีสักวันที่ตัวเองจะโดนปากของบุริศร์ทำร้ายจนตายแน่
บุริศร์กลัวว่าเธอจะหกล้มไป มือทั้งคู่จึงประคองเอวบางของเธอเอาไว้ แววตาที่อ่อนโยนแบบนั้น พอมาอยู่ภายใต้แสงแดดก็เหมือนอย่างกับว่าเป็นน้ำในฤดูใบไม้ผลิเหยือกหนึ่ง ที่พัดพาจนใจคนล่องลอยไป
ไม่รู้ว่านลินตื่นมาตั้งแต่ตอนไหน มองเห็นท่าทางของบุริศร์และนรมนที่นอกเต็นท์จากในเต็นท์ไป ก็มีความตกใจอยู่บ้าง มีความอิจฉาอยู่บ้าง และยังมีความไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง
บนโลกนี้ยังมีสามีภรรยาที่หวานแววกันขนาดนี้อยู่อีกเหรอ?
พวกเขาเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ เหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...